"สิริพงศ์ กาญจนวินิฐ"ที่ต้องเปลี่ยนสถานะไปเป็นนักโทษชาย(น.ช.)หลังก่อเหตุฆาตกรรมสยอง สังหารนางสุนันท์ ศรีสุวรรณ และสังหาร ด.ช.โช มาคิโน วัย 5 ขวบ จากนั้นชำแหละศพเป็นชิ้นๆใส่ถุงดำไปทิ้ง กลายเป็นข่าวสะเทือนขวัญไปทั่วประเทศ แต่สำหรับวันนี้ ตลอดระยะเวลา 84 วันภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร (คลองเปรม) "สิริพงศ์"จะต้องถูกจำกัดทั้งเวลา สถานที่ และพฤติกรรมต่างๆที่เคยดำรงชีวิตอยู่ตามปกติ อันหมายถึงการสิ้นสุดแห่งอิสรภาพ เพื่อชดใช้การกระทำที่ตัวเขาเป็นผู้ก่อขึ้น
ทีมข่าวอาชญากรรม เอเอสทีวีผู้จัดการสุดสัปดาห์ ได้ขออนุญาตกรมราชทัณฑ์ เข้าไปติดตามชีวิตความเป็นอยู่ของ"สิริพงศ์" ฆาตกรฆ่าหั่นศพ หลังม่านกำแพงสี่เหลี่ยม ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ บอกกับเราเบื้องต้นว่า นายสิริพงศ์ได้ถูกส่งตัวไปควบคุมไว้ที่แดนแรกรับหรือแดน 1 ซึ่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพมีทั้งหมด 8 แดน โดยทางเรือนจำได้จับทำประวัติผู้ต้องหาใหม่ และแจกคู่มือติดคุก จากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ ก็จะมีการจำแนกผู้ต้องขังใหม่ เพื่อไปอยู่ตามแดนต่างๆ ตามความเหมาะสม โดยจะมีคณะกรรมการราชทัณฑ์เป็นผู้พิจารณาเป็นรายบุคคล โดยจำแนกตามคดีที่ก่อขึ้น และจำแนกตามอายุของผู้ต้องขัง
"ทราบว่านายศิริพงศ์ มีอาการเครียดหลังจากถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ จึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เรือนจำดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งขอความร่วมมือกับนักโทษที่อยู่แดนเดียวกันช่วยเข้าไปพูดคุยเพื่อให้หายเครียด ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น" นายกอบเกียรติ บอก
ขณะที่นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ รักษาการผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ บอกว่า ช่วงแรกผู้ต้องขัง ยังคงมีอาการเครียดอยู่บ้าง จึงจัดให้อยู่ในห้องขังที่ใกล้กับเจ้าหน้าที่เวร ซึ่งมีกล้องวงจรปิดติดตามดูอย่างใกล้ชิด ทั้งส่งผู้ต้องขังพี่เลี้ยงเข้าไปประกบร่วมด้วย เพื่อป้องกันฆ่าตัวตาย ทั้งนี้ผู้ต้องหาสามารถรับประทานอาหารได้ปกติและยังไม่พบปัญหาใดๆ กับผู้ต้องขังรายอื่น
นายสมรัฐ สังข์ทอง หัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังแดน 1 บอกกับทีมงานเราว่า "สิริพงศ์" มาถึงเรือนจำช่วงค่ำวันพฤหัสบดีที่ 15 ต.ค. วันแรกจะได้รับการแจกคู่มือการปฏิบัติตัวในเรือนจำ และรับแจกหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อโรคไข้หวัด 2009 โดยรายละเอียดในคู่มือจะบอกถึงการปฏิบัติตัวตั้งแต่แรกเข้าเรือนจำ บอกถึงสิทธิประโยชน์ที่เขาจะได้รับ ของผิดกฎหมาย สิ่งของต้องห้าม ซึ่งนายสิริพงศ์ สามารถนำคู่มือนี้ติดตัวไว้หรือสามารถไปอ่านในห้องสมุดได้ นอกจากนี้ จะได้รับแจกเสื้อผู้ต้องขังแขนสั้นสีน้ำตาลและ กางเกงขาสั้นชุดใหม่ 1 ชุด พร้อมกับสบู่เหลว แปรงสีฟันและยาสีฟัน โดยนายสิริพงศ์จะอยู่ในเรือนนอนห้องที่ 13 ซึ่งเป็นเรือนนอนสำหรับผู้ต้องขังรายสำคัญ ที่ติดกล้องวงจรปิดไว้
วันที่สอง นายสิริพงศ์ ตื่นนอนพร้อมผู้ต้องขังอื่นตอน 6 โมงเช้า พับเก็บที่นอนเสร็จแล้ว ผู้คุมมาไขเรือนนอน ให้ผู้ต้องขังไปอาบน้ำ แปรงฟัน
"สิริพงศ์" หลังจากเข้าเรือนจำมาได้ 4-5 วัน ขณะนี้ก็สามารถรับประทานอาหารได้และนอนหลับปกติ ตามที่ผู้บังคับบัญชาสั่งให้เฝ้าดูอย่างใกล้ชิด เจ้าหน้าที่ผู้คุมก็จะติดตามสอบถามจากผู้ต้องขังที่เป็นพี่เลี้ยง
“อย่างวันนี้ก็เรียกมาคุย เขาก็บอกว่าเขาทำใจได้แล้ว เพราะเขาเคยปฏิบัติธรรมมา และก่อนรับประทานอาหาร ก็จะปฏิญาณตนว่ารับประทานอาหารมื้อนี้เพื่อประทังชีวิต และต้องรับกรรมเป็นของตัวเอง ตั้งแต่ตอนแรกเข้าเรือนจำแล้วได้บอกเขาไว้ว่า ให้ถือว่ามาอยู่ในสถานที่พักแล้วกัน อย่าไปคิดว่าอยู่ในคุก อย่าไปเครียด วิตกทุกข์ร้อน หากมีปัญหาอยากติดต่อญาติก็ให้ยื่นคำร้องมาเจ้าหน้าที่จะรับประสานติดต่อญาติให้”
ก่อนหน้าที่นายสิริพงศ์เพิ่งเข้ามาใหม่เพียง 1 คืน คือเช้าวันศุกร์ก็ได้เรียกนายสิริพงศ์ มาคุยกัน เขาบอกว่าเป็นห่วงลูก 2 คน จึงแนะไปว่า ให้ยื่นคำร้องมา แล้วจะประสานฝ่ายสงเคราะห์เรือนจำพิเศษ เพื่อประสานกับนักสังคมสงเคราะห์ภายนอกไปดูแลเด็กให้ เนื่องจากเด็กไม่รู้อีโหน่ อีเหน่ด้วย เท่าที่ทราบนายสิริพงศ์เล่าให้ฟังว่า ลูกอยู่กับแม่ 1 คน และพี่สาวแฟนเก่า 1 คน ซึ่งตนได้บอกแนวทางการปฏิบัติตัวกับเขาไว้แล้วว่าสังคมภายนอกเขาไม่ได้ทอดทิ้ง หลังจากได้พูดคุยกัน นายสิริพงศ์ก็สบายใจขึ้น
จะเห็นได้ว่าช่วงเวลากลางวันเช้า-บ่าย นายสิริพงศ์จะมีเวลาว่างและทำกิจกรรมตามที่เขาชอบ เช่นอ่านหนังสือ เดินเล่น และพักผ่อน ไปจนกว่าจะครบกำหนดของผู้ต้องขังเข้าใหม่เป็นเวลา 15 วัน หลังจากนั้น คณะกรรมการจำแนกผู้ต้องขัง จึงจะพิจาณาจำแนกผู้ต้องขังเข้าใหม่ไปอยู่แดนอื่น
กิจกรรมยามว่างที่นายสิริพงศ์ ชอบทำ เขาเป็นผู้ต้องขังใหม่ ก็มักจะทำตามอัธยาสัยหรือพักผ่อน เช่นวันอาทิตย์ที่ผ่านมานายสิริพงศ์ ก็เล่นกีฬาตีปิงปองกับเพื่อนผู้ต้องขังรายอื่น นายสิริพงศ์บอกว่าเขาชอบตีปิงปอง นอกจากนี้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ผู้ต้องขังสามารถเล่นกีฬาชนิดอื่นๆ ได้ทั้งฟุตบอล ตะกร้อ หรือแม้ดูละครหรือภาพยนต์โทรทัศน์ซึ่งติดตั้งไว้ให้ที่โรงเลี้ยงอาหารเพื่อให้ผู้ต้องขังผ่อนคลายมากที่สุด
นอกจากนี้นายสิริพงศ์บอกอีกว่า ก่อนหน้านี้เขาเคยปฏิบัติธรรมมา ดังนั้นเมื่อมาอยู่ในเรือนจำแดน 1 มีเวลาว่างช่วงค่ำก่อนจะนอนหลับ เขาก็มักจะนั่งสมาธิก่อนเสมอ โดยจะนั่งปฏิบัติภายในห้องนอนของเขา ส่วนเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับนายสิริพงศ์นั้น ได้สอบถามผู้ต้องขังพี่เลี้ยงก็ทราบว่าเขาไม่ปัญหามีอะไร เหมือนผู้ต้องขังปกติทั่วไป
หัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังแดน 1 เล่าต่อว่าตั้งแต่เข้ามาอยู่ นายสิริพงศ์ไม่มีปัญหาเรื่องการปกครอง วันแรกเจ้าหน้าที่ก็ระวังเขาหน่อย แต่วันหลังก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็ต้องดูเขาเป็นกรณีพิเศษหน่อย จากการเฝ้าระวังพฤติกรรม เขาก็มีความประพฤติเรียบร้อยดีซึ่งเขาจะอยู่แดน 1 เป็นเวลา 15 วัน ส่วนรอยสักบริเวณต้นแขนนั้น ตั้งแต่วันแรกเจ้าหน้าที่ได้ทำประวัติไว้แล้ว ทั้งนี้นอกจากนายสิริพงษ์แล้ว แดน 1 ยังมีผู้ต้องขังรายสำคัญอื่นๆ รวม 6 ราย เช่น นายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่อง ซึ่งเพิ่งจะย้ายไปอยู่เรือนจำคลองเปรมหลังจากศาลได้พิพากษาตัดสินแล้ว
จนถึงวันนี้ยังไม่มีญาติหรือลูกเมียมาเยี่ยมนายสิริพงษ์ ซึ่งนายสิริพงศ์ กล่าวว่าแม่เขาปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดเกตุม ถ.พระราม 2 (ธนบุรี-ปากท่อ) จ.สมุทรสาคร นอกจากนี้เขาเล่าว่าเคยฝึกปฏิบัติอยู่ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี