xs
xsm
sm
md
lg

เปิดคุก ตามดูชีวิต “สิริพงศ์” ฆาตกรหั่นศพ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ตำรวจนำตัว นายสิริพงศ์ กาญจนนิวิฐ  ทำแผนในรถแท็กซี่ ขณะชักปืนยิง นางสุนันท์ ศรีสุวรรณ อายุ 38 ปี จนเสียชีวิต และหั่นศพ ด.ช.โช มาคิโน วัย 5 ขวบอีกราย
“สิริพงศ์ กาญจนวินิฐ” ที่ต้องเปลี่ยนสถานะไปเป็นนักโทษชาย (นช.) หลังก่อเหตุฆาตกรรมสยอง สังหารนางสุนันท์ ศรีสุวรรณ และสังหาร ด.ช.โช มาคิโน วัย 5 ขวบ จากนั้นชำแหละศพเป็นชิ้นๆใส่ถุงดำไปทิ้ง กลายเป็นข่าวสะเทือนขวัญไปทั่วประเทศ แต่สำหรับวันนี้ ตลอดระยะเวลา 84 วันภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร (คลองเปรม) “สิริพงศ์” จะต้องถูกจำกัดทั้งเวลา สถานที่ และพฤติกรรมต่างๆ ที่เคยดำรงชีวิตอยู่ตามปกติ อันหมายถึงการสิ้นสุดแห่งอิสรภาพ เพื่อชดใช้การกระทำที่ตัวเขาเป็นผู้ก่อขึ้น

ทีมข่าวอาชญากรรม เอเอสทีวีผู้จัดการสุดสัปดาห์ ได้ขออนุญาตกรมราชทัณฑ์ เข้าไปติดตามชีวิตความเป็นอยู่ของ “สิริพงศ์” ฆาตกรฆ่าหั่นศพ หลังม่านกำแพงสี่เหลี่ยม ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยภายหลังนายสิริพงศ์ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯได้ 1 วัน ว่าขณะนี้นายสิริพงศ์ได้ถูกส่งตัวไปควบคุมไว้ที่แดนแรกรับหรือแดน 1 ซึ่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพมีทั้งหมด 8 แดน โดยทางเรือนจำได้จับทำประวัติผู้ต้องหาใหม่ และแจกคู่มือติดคุก จากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ ก็จะมีการจำแนกผู้ต้องขังใหม่ เพื่อไปอยู่ตามแดนต่างๆ ตามความเหมาะสม โดยจะมีคณะกรรมการราชทัณฑ์เป็นผู้พิจารณาเป็นรายบุคคล โดยจำแนกตามคดีที่ก่อขึ้น และจำแนกตามอายุของผู้ต้องขัง

“ทราบว่านายสิริพงศ์มีอาการเครียดหลังจากถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ จึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เรือนจำดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งขอความร่วมมือกับนักโทษที่อยู่แดนเดียวกันช่วยเข้าไปพูดคุยเพื่อให้หายเครียด ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น” รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าว

ขณะที่ นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ รักษาการ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก็ได้เปิดเผยว่า ช่วงแรกผู้ต้องขังยังคงมีอาการเครียดอยู่บ้าง จึงจัดให้อยู่ในห้องขังที่ใกล้กับเจ้าหน้าที่เวร ซึ่งมีกล้องวงจรปิดติดตามดูอย่างใกล้ชิด ทั้งส่งผู้ต้องขังพี่เลี้ยงเข้าไปประกบร่วมด้วย เพื่อป้องกันฆ่าตัวตาย ทั้งนี้ผู้ต้องหาสามารถรับประทานอาหารได้ปกติและยังไม่พบปัญหาใดๆ กับผู้ต้องขังรายอื่น

นายสมรัฐ สังข์ทอง หัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังแดน 1 บอกกับทีมงานเราว่า นายสิริพงศ์มาถึงเรือนจำช่วงค่ำวันพฤหัสบดีที่ 15 ต.ค.วันแรกจะได้รับการแจกคู่มือการปฏิบัติตัวในเรือนจำ และรับแจกหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อโรคไข้หวัด 2009 สำหรับคู่มือมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยรายละเอียดในคู่มือจะบอกถึงการปฏิบัติตัวตั้งแต่แรกเข้าเรือนจำ บอกถึงสิทธิประโยชน์ที่เข้าจะได้รับ ของผิดกฎหมายสิ่งจของต้องห้าม ซึ่งนายสิริพงษ์สามารถนำคู่มือนี้ติดตัวไว้หรือสามารถไปอ่านในห้องสมุดได้ นอกจากนี้ก็จะได้รับแจกเสื้อผู้ต้องขังแขนสั้นสีน้ำตาลและ กางเกงขาสั้นชุดใหม่ 1 ชุด พร้อมกับสบู่เหลว แปรงสีฟันและยาสีฟัน โดยนายสิริพงษ์จะอยู่เรือนนอนห้องที่ 13 ซึ่งเป็นเรือนนอนสำหรับผู้ต้องขังรายสำคัญ และห้องเรือนนอนเดียวภายในแดน 1 ที่ติดกล้องวงจรปิดเพราะการติดกล้องวงจรปิดใช้งบประมาณสูงพอสมควร แต่ถ้าได้ติดตั้งเพิ่มเติมก็จะทำให้ดูแลผู้ต้องขังระหว่างที่อยู่ภายในห้องเรือนนอนได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น โดยเรือนนอนห้อง 13 จะมีกล้องวงจรปิดดูแลตลอดเวลา และมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่ที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดตลอดอยู่ 24 ชั่วโมง และตอนกลางคืนจะจัดให้เจ้าหน้าที่เข้าเวร รวม 3 ผลัด ตั้งแต่ 16.30 น.จนถึง 08.30 น.เพื่อเฝ้าระวังและดูแลความปลอดภัยผู้ต้องขัง

ตั้งแต่คืนแรกที่นายสิริพงศ์เข้ามาเป็นผู้ต้องขังใหม่ เจ้าหน้าที่ราชทัณ์จะสอบประวัติและตำหนิรูปพรรณของผู้ต้องขัง ว่าตามร่างกายมีรอยสักตรงไหนหรือไม่ เจ้าหน้าที่ก็จะบันทึกลงในแบบฟอร์มทะเบียนประวัติผู้ต้องขัง ทร.101 แล้วส่งไปเก็บไว้ที่ฝ่ายทัณฑ์ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพราะเป็นนโยบายของเรือนจำที่ป้องกันปัญหานักโทษลักลอบสักเพิ่มระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ

“เขาเข้ามาใหม่มีรอยสักแค่ไหนก็แค่นั้น ถ้าสักเพิ่มก็จะถูกเสียสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ เช่น สิทธิที่จะได้รับการพักโทษ หรือการออกงานสาธารณะภายนอก หลังจากนั้นตอนเช้าวันรุ่งขึ้นจึงจะพาเขาไปตัดผมให้เรียบร้อย แต่ต้องไม่ขัดต่อลัทธิศาสนาที่เขานับถือ โกนหนวดเครา จากนั้นจึงนำผู้ต้องขังออกจากแดน 1 เพื่อไปถ่ายรูป พิมพ์ลายนิ้วมือ เป็นข้อมูลของฝ่ายทะเบียนเรือนจำ”หัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังแดน 1 ชี้แจง

หัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังแดน 1 กล่าวอีกว่า ปัจจุบันไม่พบว่ามีผู้ต้องขังรายใดสักเพิ่มระหว่างที่อยู่ในแดน 1 ระหว่างที่เป็นหัวฝ่ายควบคุมดูแลอยู่ เนื่องจากจะต้องเคร่งครัดเกี่ยวกับวินัยโทษกรณีรอยสักของผู้ต้องขัง ซึ่งจะเรียกประชุมเจ้าหน้าที่แดน 1 เพื่อพูดคุยสอบถามพฤติกรรมผู้ต้องขังว่ามีการสักเพิ่มหรือไม่ ทุก 15 วัน ต่อ 1 ครั้ง ทั้งนี้ในส่วนของหัวหน้าฝ่ายควบคุมแดน 1 มีหน้าที่รับผิดชอบงานทั้งหมด โดยมอบหมายงานแต่ละจุดให้เจ้าหน้าที่ผู้คุมแต่ละคนรับผิดชอบและเดินตรวจดูแลระเบียบวินัยผู้ต้องขังภายในแดน 1

สำหรับวันที่สองนั้น นายสิริพงศ์ตื่นนอนพร้อมผู้ต้องขังอื่นตอน 6 โมงเช้าพับเก็บที่นอนเสร็จแล้ว ผู้คุมมาไขเรือนนอน ให้ผู้ต้องขังไปอาบน้ำ แปรงฟัน ผู้ต้องขังส่วนใหญ่ใช้เวลาอาบน้ำแต่ละคนไม่เกิน 10 นาที ผู้ต้องขังบางคนรีบตื่นมาอาบน้ำก่อนเพราะมีหน้าที่ต้องไปขึ้นศาล หรือต้องมาช่วยงานผู้คุมในส่วนควบคุมกลาง เช่น งานเยี่ยมญาติ ก็จะรีบอาบน้ำแต่งตัวและรอเจ้าหน้าที่มารับออกไปทำงาน ผู้ต้องขังอีกส่วนก็จะไปออกกำลังกายกลางสนามจะหมุนเวียนกัน เช่น วันละสองห้อง แต่บางคนอยากจะวิ่งจ๊อกกิ้งเราก็จะอนุญาต เพราะเจ้าหน้าที่สนับสนุนให้ผู้ต้องขังออกกำลัง เพราะเดี่ยวนี้โรคต่างๆมีมากขึ้น เริ่มหน้าหนาวไข้หวัดก็จะมาแล้ว เราก็จะชี้แจงเขา ซึ่งผู้ต้องขังส่วนใหญ่ก็จะเชื่อฟังและออกกำลังกายตอนเช้าเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง

สำหรับการไขประตูเรือนนอนตอนเช้าในแต่ละวันประมาณ 06.30 น. ขึ้นอยู่สภาพอากาศด้วย หากเช้าแล้วอากาศยังมืดอยู่เราก็ไม่เปิดเช่นช่วงหน้าฝน แต่ว่าถ้าอากาศปกติเจ้าหน้าที่ก็จะไขประตูเรือนนอนแล้ว

จากนั้นเวลา 07.00 น. จึงไปรับประทานข้าวมือเช้า ซึ่งเป็นข้าวสวยและกับข้าวสองอย่าง ตามเมนูอาหารที่ทางเรือนจำเตรียมไว้ล่วงหน้า มือเที่ยงรับประทานข้าวต้ม ส่วนมือเย็นก็จะรับประทานข้าวสวยอีกครั้งก่อนเข้าเรือนนอน

เวลา 08.00 น.เข้าแถวเคารพธงชาติ หลังจากนั้นนายสิริพงศ์ซึ่งเป็นผู้ต้องขังเพิ่งเข้าใหม่ จะสามารถพักผ่อน นอนหรือทำกิจกรรมตอนกลางวันได้เหมือนผู้ต้องขังทั่วไป โดยเจ้าหน้าที่จะให้โอกาสเขาพักฟื้นร่ายกายและปรับสภาพร่างกายเป็นเวลา 2 วัน หลังจากนั้นวันที่สามจึงจะให้เขาฝึกระเบียบหลังเวลา 08.00 น. เช่น การรายงานตัว ฝึกระเบียบแถว การทำความเคารพและการปฏิบัติตัวภายในเรือนจำ ถือเป็นภารกิจหน้าที่ที่จะต้องทำ เพราะหากไม่ฝึกระเบียบให้ผู้ต้องขังใหม่ เมื่อถึงเวลาปล่อยผู้ต้องขังไปแดนอื่น เขาก็จะทำอะไรไม่เป็น โดยใช้เวลาฝึกดังกล่าววันละประมาณ1 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 วัน ส่วนคนแก่ชราหรือคนป่วย ทางเรือนจำก็จะยกเว้นไม่ต้องฝึกระเบียบ

ประมาณ 09.30 น.หลังเขาฝึกระเบียบแถว 1 ชั่วโมง นายสิริพงศ์ก็จะมีเวลาว่างทั้งวัน สามารถเข้าไปอ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมต่างๆ หรือนอนพักผ่อนได้ เจ้าหน้าที่จะเรียกเช็คแถวอีกทีตอนบ่ายโมง หลังจากนั้นช่วงบ่ายเขาก็ว่างอีก ก็อาจจะนอนพักผ่อนหรืออ่านหนังสือในห้องสมุด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะไม่ไปกำหนดว่าผู้ต้องขังต้องทำอย่างโน่นอย่างนี้ เพียงแต่บอกระเบียบเบื้องต้น เขาก็จะปฏิบัติของเขาเอง หลังจากนั้น 3 โมงครึ่ง หลังผู้ต้องขังอาบน้ำเรียบร้อยแล้วก็จะเช็คยอดผู้ต้องขังอีกครั้งก่อนขึ้นเรือนนอน

“กลางวันให้พักผ่อน เขาจะเดิน นอนเล่นหรืออะไรเราก็ปล่อยเขา แต่ถึงเวลาเช็กยอดผู้ต้องขัง ต้องมาเช็คเพราะว่าหน้าที่ของผู้คุมที่สำคัญมากคือ ต้องเช็คยอดผู้ต้องขัง เช้า กลางวัน เย็นและก่อนขึ้นเรือนนอน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ส่วนกลางก็จะคอยเช็คยอดผู้ต้องขังอีกต่างหาก หรือแม้แต่ขึ้นเรือนนอนแล้วผู้ต้องขังในละห้องนอนก็ต้องเช็คยอดให้ครบ แต่ละห้องจะมีรายชื่อผู้ต้องขังทั้งหมด หัวหน้าห้องจะทำสมุดคุมรายชื่อเช่น นาย ก.นาย ข.ให้ครบ รวมแล้ววันนึงเช็คยอด 4-5 ครั้ง ” หัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังแดน 1 กล่าว

ช่วงบ่ายเวลา 13.00 น. หลังจากเช็กยอดผู้ต้องขังเสร็จแล้วทุกวัน ตนจะมอบหมายให้รองหัวหน้าผู้คุมประจำแดน 1 ทำหน้าที่ดำเนินการอบรมผู้ต้องขังคนใหม่ โดยรายละเอียดจะเป็นการอบรมด้านวินัย ข้อปฏิบัติตัวในเรือนจำ และสิทธิประโยชน์ชองผู้ต้องขัง ตามคู่มือที่ได้รับแจกไปแล้ว ส่วนตนซึ่งเป็นหัวหน้าผู้คุมแดน 1จะฝึกอบรมให้ผู้ต้องขังในช่วงเช้าหลังเคารพธงชาติสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งแล้วแต่เหตุการณ์

“อย่างวันนี้ก็เรียกมาคุย เขาก็บอกว่าเขาทำใจได้แล้ว เพราะเขาเคยปฏิบัติธรรมมา และก่อนรับประทานอาหารก็จะปฏิญาณตนว่ารับประทานอาหารมื้อนี้เพื่อประทังชีวิต และต้องรับกรรมเป็นของตัวเอง ตั้งแต่ตอนแรกเข้าเรือนจำแล้วได้บอกเขาไว้ว่า ให้ถือว่ามาอยู่ในสถานที่พักแล้วกัน อย่าไปคิดว่าอยู่ในคุก อย่าไปเครียด วิตกทุกข์ร้อน หากมีปัญหาอยากติดต่อญาติก็ให้ยื่นคำร้องมาเจ้าหน้าที่จะรับประสานติดต่อญาติให้”

หัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังแดน 1 กล่าวอีกว่า แต่ก่อนหน้าที่นายสิริพงศ์เพิ่งเข้ามาใหม่เพียง1 คืน คือเช้าวันศุกร์ก็ได้เรียกนายสิริพงศ์มาคุยกัน เขาบอกว่าเป็นห่วงลูก 2 คน ตนจึงแนะว่าให้ยื่นคำร้องมา แล้วจะประสานฝ่ายสงเคราะห์เรือนจำพิเศษ เพื่อประสานกับนักสังคมสงเคราะห์ภายนอกไปดูแลเด็กให้ เนื่องจากเด็กไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย เท่าที่ทราบนายสิริพงศ์เล่าให้ฟังว่า ลูกอยู่กับแม่ 1 คน และพี่สาวแฟนเก่า 1 คน ซึ่งตนได้บอกแนวทางการปฏิบัติตัวกับเขาไว้แล้วว่าสังคมภายนอกเขาไม่ได้ทอดทิ้ง หลังจากได้พูดคุยกัน นายสิริพงษ์ก็สบายใจขึ้น

นายสิริพงศ์บอกอีกว่า ก่อนหน้านี้เขาเคยปฏิบัติธรรมมา ดังนั้นเมื่อมาอยู่ในเรือนจำแดน 1 มีเวลาว่างช่วงค่ำก่อนจะนอนหลับ เขาก็มักจะนั่งสมาธิก่อนเสมอ โดยจะนั่งปฏิบัติภายในห้องนอนของเขา ส่วนเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับนายสิริพงศ์ตนได้สอบถามผู้ต้องขังพี่เลี้ยงก็ทราบว่าเขาไม่ปัญหามีอะไร เหมือนผู้ต้องขังปกติทั่วไป ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะคอยระวังหากเห็นว่าผู้ต้องเขารายใดซึมเซาก็จะเรียกมาคุย เรียกมาสอบถาม แต่ในส่วนของนายสิริพงศ์ก็ไม่พบว่าเขามีอาการดังกล่าว ส่วนกิจกรรมด้านการเรียนต่อระหว่างที่อยู่ในเรือนจำนั้นยังไม่ได้คุยกัน อย่างไรก็ตามนายสิริพงศ์มีสิทธิที่จะสมัครเรียนวิชาสาขาต่างๆ ตามที่ทางเรือนจำเปิดโอกาสให้

หัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังแดน 1 เล่าต่อว่าตั้งแต่เข้ามาอยู่ นายสิริพงศ์ไม่มีปัญหาเรื่องการปกครอง วันแรกเจ้าหน้าที่ก็ระวังเขาหน่อย แต่วันหลังก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็ต้องดูเขาเป็นกรณีพิเศษหน่อย จากการเฝ้าระวังพฤติกรรม เขาก็มีความประพฤติเรียบร้อยดีซึ่งเขาจะอยู่แดน 1 เป็นเวลา 15 วัน ส่วนรอยสักบริเวณต้นแขนนั้น ตั้งแต่วันแรกเจ้าหน้าที่ได้ทำประวัติไว้แล้ว ทั้งนี้นอกจากนายสิริพงศ์แล้ว แดน 1 ยังมีผู้ต้องขังรายสำคัญอื่นๆ รวม 6 ราย เช่น นายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่อง ซึ่งเพิ่งจะย้ายไปอยู่เรือนจำคลองเปรมหลังจากศาลได้พิพากษาตัดสินแล้ว

อย่างไรก็ตาม จนถึงวันนี้ยังไม่มีญาติหรือลูกเมียมาเยี่ยมนายสิริพงศ์ ซึ่งนายสิริพงศ์กล่าวว่า ตอนนี้แม่เขาปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดเกตุม ถ.พระราม 2 (ธนบุรี-ปากท่อ) จ.สมุทรสาคร ส่วนนายสิริพงศ์เองเคยฝึกปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงนำความรู้ด้านศาสนามีเคยร่ำเรียนมาฝึกปฏิบัติการใช้ชีวิตในเรือนจำครั้งนี้
จุดเกิดเหตุนางสุนันท์ ศรีสุวรรณ ถูกนายสิริพงศ์ นำมาทิ้งริมถนนใน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี
สภาพ ศพน่าสยดสยดองของน้องโช มาคิโน
กำลังโหลดความคิดเห็น