xs
xsm
sm
md
lg

โจนส์แลงฯชี้ศก.ฟื้นตัว ดันอสังหาฯโลกโตตาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – โจนส์ แลง ลาซาลล์ เผยรายงานตลาดอสังหาฯทั่วโลกมีแนวโน้มดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเอเชีย ส่วนอเมริกาครองแชมป์ยอดเทคโอเวอร์โครงการขนาดใหญ่ไตรมาส 3 แตะ 10,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนยอดลงทุนสวนทางลดฮวบ 75% พร้อมระบุโรงแรมฟื้นตัวเร็วที่สุด

บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ จำกัด ออกรายงาน Global Market Perspective ฉบับเดือนตุลาคม 52 โดยระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์และภาครัฐฯ ในหลายประเทศทั่วโลก มีความมั่นใจมากขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะเดียวกัน ตลาดอสังหาริมทรัพย์โลกเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งมีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเร็วกว่าที่คาดไว้ กิจกรรมการลงทุนซื้อขายโครงการอสังหาริมทรัพย์มีมูลค่าปรับตัวเพิ่มขึ้นและได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ ที่หาโอกาสลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในราคาที่น่าสนใจ

สำหรับตลาดอาคารสำนักงานเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นด้วย โดยพบว่า การปรับตัวลดลงของอัตราค่าเช่าพื้นที่สำนักงานเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส เริ่มชะลอลงในไตรมาสสามที่ผ่าน อาทิ ฮ่องกงค่าเช่าปรับลดลงอีกเพียงเล็กน้อยในไตรมาสที่ผ่านมา คือ 1.5% ในขณะที่ค่าเช่าในซิดนีย์ปรับลดลงเพียง 2.3% ส่วนตลาดอาคารสำนักงานเกรดเอของกรุงเทพฯ ในไตรมาสที่ 2 ปรับลดลง 2.8% และไม่เปลี่ยนแปลงในไตรมาส 3

อย่างไรก็ดี ในบางเมืองของเอเชียแปซิฟิกที่จะมีซัพพลายของอาคารสำนักงานใหม่เพิ่มมากขึ้น มีความเป็นไปได้ว่าค่าเช่าอาจปรับตัวลดลงต่อไปได้อีกในปี 53 แต่สำหรับเมืองที่มีพื้นที่สำนักงานเหลือเช่าไม่มาก อาจเริ่มเห็นค่าเช่าปรับตัวขึ้นได้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

คาดตลาดสนง.ยุโรป-อเมริกาฟื้น54

ในยุโรปโดยรวม การเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานในไตรมาส 3 ปรับตัวลดลง 5% ส่วนค่าเช่าพื้นที่สำนักงานเกรดเออยู่ในอัตราคงที่ โดยมีการปรับลดลงเพียงเล็กน้อยในตลาดยุโรปตอนกลาง สเปน ไอร์แลนด์และสวีเดน คาดว่า ค่าเช่าในประเทศส่วนใหญ่ของยุโรปจะถึงจุดต่ำสุดในปี 53 แต่จะยังไม่มีการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญจนกว่าจะถึงปี54

ในอเมริกา ช่วง 12 เดือนที่ผ่าน ค่าเช่าสำนักงานปรับลดลงเฉลี่ย 15% โดยตลาดในเมืองใหญ่ๆ บางเมืองมีค่าเช่าลดลง 30 ถึง 40% เป็นไปได้ว่าตลาดเช่าพื้นที่สำนักงานอาจเริ่มมีมากขึ้นในต้นปีหน้า แต่การฟื้นตัวของตลาดอย่างเต็มรูปแบบจะยังไม่เกิดขึ้น เพราะพื้นที่ว่างเหลือเช่ามีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นต่อไปอีกได้ถึงที่ระดับ 20% ในช่วงปลายปีหน้าหรือต้นปี 54

สำหรับการลงทุนซื้อขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศส่วนใหญ่ของเอเชียในเดือนที่ผ่านมาแทบไม่มีความเคลื่อนไหวเนื่องจากนักลงทุนยังคงรอดูสถานการณ์ ส่วนการลงทุนเกิดขึ้นมากในจีนฮ่องกง สำหรับในประเทศไทย บริษัทผู้พัฒนาโครงการมีการลงทุนซื้อที่ดินมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมพักอาศัยในกรุงเทพฯ

อเมริกาแชมป์เทคโอเวอร์โครงการ

ในอเมริกา การลงทุนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ยังคงซบเซา เนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นและสถาบันการเงินเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ ในไตรมาสที่ผ่านมาการซื้อขายโครงการขนาดใหญ่ประเภทอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า อพาร์ทเม้นท์ และโรงงาน/โกดังสินค้า ทั่วอเมริกา มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นเพียง 10,500 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาส 2 แต่เมื่อพิจารณามูลค่าการลงทุนซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงตลอด 9 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 29,000 ล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าช่วงเดียวกันกับปี 51 ถึง 75% และต่ำกว่า 50 ถึง 91%

ในยุโรป การลงทุนเริ่มกลับมาอีกครั้งในไตรมาส 3 พร้อมๆ กับความเชื่อมั่นของนักลงทุน การซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 3 มีมูลค่ารวม 18,000 ยูโร เพิ่มขึ้นจากไตรมาสสอง 40% และเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 คาดว่า มูลค่าโดยรวมของทั้งปีนี้จะขึ้นไปถึง 60,000 ล้านยูโร ตลาดที่มีการลงทุนซื้อมากที่สุด คือ อาคารสำนักงานในเขตกรุงลอนดอนชั้นใน มูลค่ารวม 5,300 ล้านยูโร ผู้ซื้อเป็นนักลงทุนสถาบันจากเยอรมันและสวิตเซอร์แลนด์ นักลงทุนเอกชนจากออสเตรเลีย เยอรมันและรัสเซีย และกองทุนของกษัตริย์จากตะวันออกกลาง

ระบุโรงแรมฟื้นเร็วสุด

ตลาดที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก คือโรงแรม ซึ่งคาดว่ามูลค่าของโรงแรมทั่วโลกลดลงประมาณ 20-50% อีกทั้งการลงทุนในโรงแรมมีความเสี่ยงสูงที่สุดเพราะผลประกอบการขึ้นอยู่กับรายได้ที่ได้จากการให้บริการห้องพักในแต่ละวัน อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้ว่า โรงแรมอาจเป็นตลาดกลุ่มแรกที่จะฟื้นตัว เนื่องจากความต้องการบริการห้องพักปรับตัวขึ้นลงอย่างรวดเร็วตามสภาพเศรษฐกิจ ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้น จึงมีความเป็นไปได้ที่มูลค่าโรงแรมจะกลับมามีผลประกอบการที่ดีขึ้น ตามด้วยมูลค่าที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

การลงทุนซื้อขายโรงแรมทั่วโลกมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นติดต่อกันในไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้ โดยในไตรมาสที่ผ่านมามีมูลค่ารวมเกือบ 3,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 40% ยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา เป็นภูมิภาคที่มีการลงทุนซื้อขายโรงแรมมากที่สุดในไตรมาส 3 โดยมีมูลค่ารวมกว่า 1,200 ล้านดอลลาร์ ตามด้วยเอเชียแปซิฟิก 1,000 ดอลลาร์ และอเมริกากว่า 700 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ยังพบว่า การลดลงของค่าบริการห้องพักทั่วโลกเริ่มชะลอตัวลง ส่วนตลาดโรงแรมที่กรุงโรมของอิตาลีและกรุงโซลของเกาหลีใต้ เริ่มมีค่าบริการห้องพักปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น