ASTVผู้จัดการรายวัน – ประธาน สทท.ใช้อำนาจกฎหมาย เปิดทาง “เพ็ญสุดา”ตัดสินใจ ชี้การเสนอชื่อครั้งก่อนไม่ถูกพ.ร.บ.การท่องเที่ยวฯ แต่ยังได้รับคำยืนยันเสนอชื่อ “อักกพล” นั่งที่ปรึกษา 11 ทำให้มติบอร์ดต้องเห็นชอบตามเดิม เป็นเหตุประเด็นพลิกดีดกลับ ททท.เป็นฝ่ายเสียต้องหันมาคุยกันเองในองค์กร ด้าน “วิชัย” ประธานบอร์ดททท.คนใหม่ เปิดห้องเคลียร์สหภาพฯ สั่งตั้งคณะกรรมการ 3 ฝ่ายตรวจสอบการตัดสินใจเสนอชื่อบุคคลรับตำแหน่งเป็นมติส่วนรวมหรือไม่
นายวิชัย ศรีขวัญ ประธานคณะกรรมการการ(บอร์ด)การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด ได้พิจารณาตามที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจททท. ร้องขอ โดย แบ่งได้ 4 ประเด็น ได้แก่ 1. ที่มาของตำแหน่งที่ปรึกษาระดับ 11 ,2.การแต่งตั้งตัวบุคคลขึ้นเป็นที่ปรึกษาระดับ 11 , 3. การโยกย้ายตำแหน่งรองผู้ว่าการททท. และ 4.การปรับโครงสร้างตำแหน่งด้วยการเพิ่มรองผู้ว่าการด้านต่างประเทศขึ้นมาอีก 1 ตำแหน่ง
*** เดินหน้าตามมติบอร์ดเดิม****
ทั้งนี้การพิจารณาของบอร์ด ได้มีมติเห็นชอบ แต่งตั้งนายอักกพล พฤกษะวัน รองผู้ว่าการด้านสินค้าการท่องเที่ยว ขึ้นเป็นตำแหน่งที่ปรึกษาระดับ 11 ตามที่ น.ส.เพ็ญสุดา ไพรอร่าม รักษาการผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เป็นผู้เสนอชื่อในการประชุมครั้งนี้
ส่วนประเด็นที่มาของตำแหน่งขอชี้แจงว่าเป็นเรื่องที่ททท.ได้ทำเรื่องเสนอผ่านกระทรวงการท่องเที่ยวไปยังกระทรวงการคลัง โดยระบุอำนาจหน้าที่ และคุณสมบัติ ซึ่งกระทรวงคลังก็อนุมัติ ขณะที่ประเด็นโยกย้ายตำแหน่งรองผู้ว่าการ ได้พิจารณาเห็นชอบยืนยันตามมติบอร์ดททท.เมื่อวันที่ 15 ก.ย. เหมือนเดิม เพราะเห็นว่าตำแหน่งที่ย้ายนั้นถือเป็นตำแหน่งเดิมที่ทุกรองผู้ว่าเคยปฎิบัติก่อนที่จะมารับตำแหน่งในปัจจุบัน และการเพิ่มตำแหน่งรองผู้ว่าการด้านต่างประเทศ ยังยืนยันว่ามีความจำเป็นที่ต้องเพิ่มคนมาช่วยกันทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านส่งเสริมตลาดต่างประเทศ
และเป็นโครงสร้างเดียวกันกับการแบ่งตลาดความรับผิดชอบของกระทรวงการต่างประเทศซึ่งมีอยู่แล้ว โดยทั้งหมดที่กล่าวมารวมถึงตำแหน่งที่ปรึกษา 11 ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.52
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังตั้งข้อสังเกตพร้อมให้รักษาการผู้ว่าการททท.ไปดำเนินการเพิ่มเติมในเรื่องของการกำหนดบทบาทหน้าที่ และค่าตอบแทนของตำแหน่งที่ปรึกษาระดับ 11 ให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับความรับผิดชอบ โดยให้นำมาเสนอในการประชุมบอร์ดเดือนหน้า
ขณะเดียวกันในที่ประชุม น.ส.เพ็ญสุดา ไพรอร่าม รักษาการผู้ว่าการ ททท. ยังขอเสนอตั้งนายอุดม เมธาธำรงค์ศิริ ที่ปรึกษาระดับ 10 เป็นรักษาการรองผู้ว่าด้านบริหาร โดยระบุว่าเพื่อแบ่งเบาภาระความรับผิดชอบของน.ส.เพ็ญสุดา ที่ต้องรับผิดชอบงานถึง 3 ตำแหน่ง ให้เหลือเพียง 2 ตำแหน่ง คือ รองผู้ว่าการด้านสินค้าท่องเที่ยว และ รักษาการผู้ว่าการททท.
**ตั้งคกก.3ฝ่ายสอบที่มาการตัดสินใจ***
นายวิชัย กล่าวอีกว่า จากการหารือร่วมกับตัวแทนสหภาพฯททท. ล่าสุด ได้ข้อสรุปว่า ให้สหภาพฯจัดทำหนังสือขอให้มีการพิจารณา และ ข้อเรียกร้อง ของสหภาพฯและพนักงาน ททท. อย่างเป็นทางการมาเสนออีกครั้ง
ส่วนกรณีการแต่งตั้งที่ปรึกษาระดับ 11 นั้น จะมีการตั้งคณะกรรมการร่วม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ตัวแทนจาก สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) ,คณะกรรมการกฤษฎีกา และ สหภาพฯททท. โดยตนเองจะเป็นหัวหน้าคณะกรรมการชุดนี้ เพื่อทำงานด้านการตรวจสอบที่มาที่ไปของการเสนอชื่อบุคคลขึ้นเป็นที่ปรึกษาระดับ 11 เพื่อให้ทราบว่าการเสนอชื่อนายอักกพล เป็นความเห็นชอบของบุคคลเพียงคนเดียวหรือได้ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจากคณะผู้บริหารของททท. ซึ่งจะมีตั้งแต่ระดับ 9 ขึ้นไป เพราะหากเป็นความเห็นของคนเพียงคนเดียวก็ไม่ถูกต้อง โดยจะดำเนินการตรวจสอบให้เร็วที่สุดให้เสร็จทันก่อน 1 พ.ย.52 ซึ่งมติบอร์ดจะมีผลบังคับใช้
***สทท.ยันทักท้วงและถามซ้ำได้คำตอบเดิม***
ทางด้านนายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.)ในฐานะกรรมการในบอร์ดททท. กล่าวว่า ได้ตั้งข้อสังเกตก่อนการประชุมพิจารณาในครั้งนี้ โดยอ้าง พ.ร.บ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มาตรา 28 ที่ระบุว่า ฝ่ายบริหาร ซึ่งในทีนี้คือ ผู้ว่าการททท.มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนพนักงานททท.ได้ทุกระดับ และในที่ประชุมฝ่ายกฎหมายยังยืนยันด้วยว่า
ตำแหน่งรักษาการผู้ว่าการททท.จะมีสิทธิ์และอำนาจเท่ากับผู้ว่าการททท.ทุกประการ
ดังนั้น ในการประชุมบอร์ดครั้งก่อน อาจมีขั้นตอนที่ผิดคือการเสนอชื่อแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาระดับ 11 เพราะเป็นการเสนอมาหลายรายชื่อ ซึ่งแท้จริงต้องเสนอเพียงชื่อเดียว จึงต้องการให้การประชุมบอร์ดครั้งนี้ทำให้ถูกต้องเสียก่อน จึงมีการถามย้ำไปที่ น.ส.เพ็ญสุดา อีกครั้ง โดยระบุว่าเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมตามกฎหมายของรักษาการผู้ว่าการททท.ว่าต้องการเสนอชื่อใครรับตำแหน่งที่ปรึกษาระดับ 11 ก็ยังได้รับคำยืนว่าขอเสนอ นายอักกพล เป็นผู้รับตำแหน่ง ที่ปรึกษาระดับ 11 ซึ่งเมื่อผู้บริหารยืนยัน สทท. และ บอร์ดทุกคนก็เห็นชอบ
“เราได้ถามย้ำในที่ประชุมแล้ว ว่ารักษาการผู้ว่าการททท.มีอำนาจเต็มที่ในการตั้งหรือถอดถอนใคร เมื่อยืนยันเสนอชื่อคุณ อักกพล เราในฐานะภาคเอกชน ที่ทำตามนโยบายรัฐ ก็ต้องเห็นด้วย จึงเป็นเรื่องที่คนททท.คงต้องไปหารือกันเองภายในองค์กร และ ก็มีคำถมอีกว่าพิจารณาจากปัจจัยใดในการแต่งตั้งนายอุดม เมธาธำรงค์ศิริ เป็นรักษาการรองผู้ว่าด้านบริหาร”
อย่างไรก็ตามไม่ทาบแน่ว่าจะมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือไม่ เพราะจากการสอบถามน.ส.เพ็ญสุดา ไพรอร่าม รักษาการผู้ว่าททท. กล่าวว่า ที่ยืนยันชื่อนายอักกพล เป็นที่ปรึกษาระดับ 11 เพราะ หนังสือที่เอกชนโดยสทท.ที่ส่งมาถึงขอให้พิจารณา ไม่ใช่ให้ทบทวน มติบอร์ดครั้งก่อน จึงต้องนำชื่อที่เป็นผลจากมติบอร์ดครั้งก่อนกลับมาพิจารณา เพราะหากบอกให้ทบทวนก็คงจะดึงเรื่องกลับได้
แหล่งข่าวจาก ททท. กล่าวว่า เท่าที่ทราบ การนำเสนอชื่อ นายอักกพล ขึ้นเป็นซี 11 น ไม่ได้มีการผ่านการประชุมหรือการพิจารณาร่วมกันระหว่างผู้บริหารระดับซี 9 ขึ้นไปแต่อย่างใด
***สหภาพฯเดินหน้าอารยะขัดขืน***
ด้านนายประเสริฐ วรพิทักษ์ ประธานสหภาพฯททท. กล่าวว่า หากผลการตรวจสอบของคณะกรรมการร่วม 3 ฝ่ายที่จะตั้งขึ้นนี้พบว่า การตัดสินใจตั้งนายอักกพล เป็นที่ปรึกษาระดับ 11 เป็นแนวคิดของบุคคลเพียงคนเดียวไม่ผ่านความเห็นชอบของคณะผู้บิหารก็เท่ากับว่าการตัดสินใจครั้งนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม อย่างไรก็ตาม
สหภาพฯยังยืนยันที่จะเคลื่อนไหวต่อสู้ต่อไปในระหว่างที่รอคำตอบจากประธานบอร์ดททท.ถึงผลการตรวจสอบ ซึ่งคาดว่าจะไม่เกินสิ้นเดือนนี้ ส่วนที่เคยระบุว่าจะพร้อมใจลาหยุด วันที่ 22 ต.ค.นี้ ยังเป็นไปตามเดิม เพราะเป็นสิทธิ์ของพนักงานที่จะทำได้ ซึ่งขณะนี้ก็มีพนักงานจำนวนมมากที่ยื่นหนังสือขอลาหยุดในวันดังกล่าวแล้ว
นายวิชัย ศรีขวัญ ประธานคณะกรรมการการ(บอร์ด)การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด ได้พิจารณาตามที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจททท. ร้องขอ โดย แบ่งได้ 4 ประเด็น ได้แก่ 1. ที่มาของตำแหน่งที่ปรึกษาระดับ 11 ,2.การแต่งตั้งตัวบุคคลขึ้นเป็นที่ปรึกษาระดับ 11 , 3. การโยกย้ายตำแหน่งรองผู้ว่าการททท. และ 4.การปรับโครงสร้างตำแหน่งด้วยการเพิ่มรองผู้ว่าการด้านต่างประเทศขึ้นมาอีก 1 ตำแหน่ง
*** เดินหน้าตามมติบอร์ดเดิม****
ทั้งนี้การพิจารณาของบอร์ด ได้มีมติเห็นชอบ แต่งตั้งนายอักกพล พฤกษะวัน รองผู้ว่าการด้านสินค้าการท่องเที่ยว ขึ้นเป็นตำแหน่งที่ปรึกษาระดับ 11 ตามที่ น.ส.เพ็ญสุดา ไพรอร่าม รักษาการผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เป็นผู้เสนอชื่อในการประชุมครั้งนี้
ส่วนประเด็นที่มาของตำแหน่งขอชี้แจงว่าเป็นเรื่องที่ททท.ได้ทำเรื่องเสนอผ่านกระทรวงการท่องเที่ยวไปยังกระทรวงการคลัง โดยระบุอำนาจหน้าที่ และคุณสมบัติ ซึ่งกระทรวงคลังก็อนุมัติ ขณะที่ประเด็นโยกย้ายตำแหน่งรองผู้ว่าการ ได้พิจารณาเห็นชอบยืนยันตามมติบอร์ดททท.เมื่อวันที่ 15 ก.ย. เหมือนเดิม เพราะเห็นว่าตำแหน่งที่ย้ายนั้นถือเป็นตำแหน่งเดิมที่ทุกรองผู้ว่าเคยปฎิบัติก่อนที่จะมารับตำแหน่งในปัจจุบัน และการเพิ่มตำแหน่งรองผู้ว่าการด้านต่างประเทศ ยังยืนยันว่ามีความจำเป็นที่ต้องเพิ่มคนมาช่วยกันทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านส่งเสริมตลาดต่างประเทศ
และเป็นโครงสร้างเดียวกันกับการแบ่งตลาดความรับผิดชอบของกระทรวงการต่างประเทศซึ่งมีอยู่แล้ว โดยทั้งหมดที่กล่าวมารวมถึงตำแหน่งที่ปรึกษา 11 ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.52
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังตั้งข้อสังเกตพร้อมให้รักษาการผู้ว่าการททท.ไปดำเนินการเพิ่มเติมในเรื่องของการกำหนดบทบาทหน้าที่ และค่าตอบแทนของตำแหน่งที่ปรึกษาระดับ 11 ให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับความรับผิดชอบ โดยให้นำมาเสนอในการประชุมบอร์ดเดือนหน้า
ขณะเดียวกันในที่ประชุม น.ส.เพ็ญสุดา ไพรอร่าม รักษาการผู้ว่าการ ททท. ยังขอเสนอตั้งนายอุดม เมธาธำรงค์ศิริ ที่ปรึกษาระดับ 10 เป็นรักษาการรองผู้ว่าด้านบริหาร โดยระบุว่าเพื่อแบ่งเบาภาระความรับผิดชอบของน.ส.เพ็ญสุดา ที่ต้องรับผิดชอบงานถึง 3 ตำแหน่ง ให้เหลือเพียง 2 ตำแหน่ง คือ รองผู้ว่าการด้านสินค้าท่องเที่ยว และ รักษาการผู้ว่าการททท.
**ตั้งคกก.3ฝ่ายสอบที่มาการตัดสินใจ***
นายวิชัย กล่าวอีกว่า จากการหารือร่วมกับตัวแทนสหภาพฯททท. ล่าสุด ได้ข้อสรุปว่า ให้สหภาพฯจัดทำหนังสือขอให้มีการพิจารณา และ ข้อเรียกร้อง ของสหภาพฯและพนักงาน ททท. อย่างเป็นทางการมาเสนออีกครั้ง
ส่วนกรณีการแต่งตั้งที่ปรึกษาระดับ 11 นั้น จะมีการตั้งคณะกรรมการร่วม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ตัวแทนจาก สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) ,คณะกรรมการกฤษฎีกา และ สหภาพฯททท. โดยตนเองจะเป็นหัวหน้าคณะกรรมการชุดนี้ เพื่อทำงานด้านการตรวจสอบที่มาที่ไปของการเสนอชื่อบุคคลขึ้นเป็นที่ปรึกษาระดับ 11 เพื่อให้ทราบว่าการเสนอชื่อนายอักกพล เป็นความเห็นชอบของบุคคลเพียงคนเดียวหรือได้ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจากคณะผู้บริหารของททท. ซึ่งจะมีตั้งแต่ระดับ 9 ขึ้นไป เพราะหากเป็นความเห็นของคนเพียงคนเดียวก็ไม่ถูกต้อง โดยจะดำเนินการตรวจสอบให้เร็วที่สุดให้เสร็จทันก่อน 1 พ.ย.52 ซึ่งมติบอร์ดจะมีผลบังคับใช้
***สทท.ยันทักท้วงและถามซ้ำได้คำตอบเดิม***
ทางด้านนายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.)ในฐานะกรรมการในบอร์ดททท. กล่าวว่า ได้ตั้งข้อสังเกตก่อนการประชุมพิจารณาในครั้งนี้ โดยอ้าง พ.ร.บ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มาตรา 28 ที่ระบุว่า ฝ่ายบริหาร ซึ่งในทีนี้คือ ผู้ว่าการททท.มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนพนักงานททท.ได้ทุกระดับ และในที่ประชุมฝ่ายกฎหมายยังยืนยันด้วยว่า
ตำแหน่งรักษาการผู้ว่าการททท.จะมีสิทธิ์และอำนาจเท่ากับผู้ว่าการททท.ทุกประการ
ดังนั้น ในการประชุมบอร์ดครั้งก่อน อาจมีขั้นตอนที่ผิดคือการเสนอชื่อแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาระดับ 11 เพราะเป็นการเสนอมาหลายรายชื่อ ซึ่งแท้จริงต้องเสนอเพียงชื่อเดียว จึงต้องการให้การประชุมบอร์ดครั้งนี้ทำให้ถูกต้องเสียก่อน จึงมีการถามย้ำไปที่ น.ส.เพ็ญสุดา อีกครั้ง โดยระบุว่าเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมตามกฎหมายของรักษาการผู้ว่าการททท.ว่าต้องการเสนอชื่อใครรับตำแหน่งที่ปรึกษาระดับ 11 ก็ยังได้รับคำยืนว่าขอเสนอ นายอักกพล เป็นผู้รับตำแหน่ง ที่ปรึกษาระดับ 11 ซึ่งเมื่อผู้บริหารยืนยัน สทท. และ บอร์ดทุกคนก็เห็นชอบ
“เราได้ถามย้ำในที่ประชุมแล้ว ว่ารักษาการผู้ว่าการททท.มีอำนาจเต็มที่ในการตั้งหรือถอดถอนใคร เมื่อยืนยันเสนอชื่อคุณ อักกพล เราในฐานะภาคเอกชน ที่ทำตามนโยบายรัฐ ก็ต้องเห็นด้วย จึงเป็นเรื่องที่คนททท.คงต้องไปหารือกันเองภายในองค์กร และ ก็มีคำถมอีกว่าพิจารณาจากปัจจัยใดในการแต่งตั้งนายอุดม เมธาธำรงค์ศิริ เป็นรักษาการรองผู้ว่าด้านบริหาร”
อย่างไรก็ตามไม่ทาบแน่ว่าจะมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือไม่ เพราะจากการสอบถามน.ส.เพ็ญสุดา ไพรอร่าม รักษาการผู้ว่าททท. กล่าวว่า ที่ยืนยันชื่อนายอักกพล เป็นที่ปรึกษาระดับ 11 เพราะ หนังสือที่เอกชนโดยสทท.ที่ส่งมาถึงขอให้พิจารณา ไม่ใช่ให้ทบทวน มติบอร์ดครั้งก่อน จึงต้องนำชื่อที่เป็นผลจากมติบอร์ดครั้งก่อนกลับมาพิจารณา เพราะหากบอกให้ทบทวนก็คงจะดึงเรื่องกลับได้
แหล่งข่าวจาก ททท. กล่าวว่า เท่าที่ทราบ การนำเสนอชื่อ นายอักกพล ขึ้นเป็นซี 11 น ไม่ได้มีการผ่านการประชุมหรือการพิจารณาร่วมกันระหว่างผู้บริหารระดับซี 9 ขึ้นไปแต่อย่างใด
***สหภาพฯเดินหน้าอารยะขัดขืน***
ด้านนายประเสริฐ วรพิทักษ์ ประธานสหภาพฯททท. กล่าวว่า หากผลการตรวจสอบของคณะกรรมการร่วม 3 ฝ่ายที่จะตั้งขึ้นนี้พบว่า การตัดสินใจตั้งนายอักกพล เป็นที่ปรึกษาระดับ 11 เป็นแนวคิดของบุคคลเพียงคนเดียวไม่ผ่านความเห็นชอบของคณะผู้บิหารก็เท่ากับว่าการตัดสินใจครั้งนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม อย่างไรก็ตาม
สหภาพฯยังยืนยันที่จะเคลื่อนไหวต่อสู้ต่อไปในระหว่างที่รอคำตอบจากประธานบอร์ดททท.ถึงผลการตรวจสอบ ซึ่งคาดว่าจะไม่เกินสิ้นเดือนนี้ ส่วนที่เคยระบุว่าจะพร้อมใจลาหยุด วันที่ 22 ต.ค.นี้ ยังเป็นไปตามเดิม เพราะเป็นสิทธิ์ของพนักงานที่จะทำได้ ซึ่งขณะนี้ก็มีพนักงานจำนวนมมากที่ยื่นหนังสือขอลาหยุดในวันดังกล่าวแล้ว
