ASTVผู้จัดการรายวัน – “เอสเอฟ” เดินหน้าต่อยอดธุรกิจ ทิกเก็กติ้ง เซอร์วิส ช่วยนกแอร์ขายตั๋วอย่างเป็นทางการรายแรก ปีหน้าผุดอีก 2 ราย พร้อมลุยช่องขายขายตั๋วหนังเพิ่มเรียกว่า “โมบายทิกเก็ต” ปีหน้าเห็นแน่ เชื่อไตรมาสสี่ปีนี้ แข็งแกร่ง หนังดี เข้าฉายเพียบ
นายสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด ดำเนินธุรกิจโรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ เปิดเผยว่า ทางบริษัทให้ความสำคัญกับลูกค้า โดยเฉพาะในเรื่องของการอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ จึงได้ให้ความสำคัญกับ “SF Easy Ticket” โดยนอกจากจะจำหน่ายตั๋วชมภาพยนตร์ในเครือเอสเอฟแล้ว ล่าสุดได้ร่วมกับทาง สายการบิน นกแอร์ ในการให้บริการจำหน่ายตั๋วเครื่องบินของสายการบินนกแอร์ด้วย ถือเป็นพันธมิตรที่บริษัทเข้ามาจำหน่ายตั๋วให้อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้บริษัทเตรียมที่จะต่อยอดธุรกิจนี้ต่อไปอีก โดยกำลังเจรจาอยู่อีก 1-2 ราย เป็นกลุ่มสินค้าประเภท เซอร์วิส คาดว่าในปีหน้าจะเห็นความคืบหน้าในการร่วมมือกัน
สำหรับการจำหน่ายตั๋วเครื่องบินนกแอร์นั้น ได้เริ่มทดลองจำหน่ายมาตั้งแต่ต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา โดยไม่ผ่านสื่อ ใช้เพียงสื่ออินสโตร์ภายในโรงภาพยนตร์เท่านั้น มีการจำหน่ายตั๋วไปแล้วกว่า 300 ใบ คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 แสนบาท ทั้งนี้เอสเอฟจะจำหน่ายตั๋วเครื่องบินนกแอร์ในโรงภาพยนตร์เอสเอฟ 11 สาขา ในกรุงเทพฯ และอีก 2 สาขา
ที่ภูเก็ต โดยเบื้องต้นลูกค้าที่ซื้อบัตรผ่านทางเอสเอฟ จะได้รับส่วนลดหลายรายการ ทั้งนี้ในอนาคตจะมีการจัดกิจกรรมร่วมกันเพื่อต่อยอดในการขายตั๋วเครื่องบินต่อด้วย
ในส่วนของเอสเอฟนั้น ปัจจุบันมีช่องทางจำหน่ายตั๋วหนังอยู่ 4 ช่องทาง คือ 1. บ็อกซ์ ออฟฟิศ 2. พริ้นท์ แอท โฮม 3. ผ่านมือถือ (แล้วมารับบัตรที่เคาน์เตอร์) และ4. คอลเซ็นเตอร์ ล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดช่องทางให้บริการใหม่เพิ่ม เรียกว่า “โมบาย ทิกเก็ต” ซึ่งลูกค้าไม่จำเป็นต้องเข้ามารับบัตร เพียงนำหลักฐานหรือ เมสเซจ มาดโชว์ที่หน้าโรงได้เลย การต่อยอดธุรกิจครั้งนี้ใช้งบไม่สูง เพราะปัจจุบันซอฟท์แวร์ที่มีอยู่ สามารถรองรับการให้บริการการจำหน่ายตั๋วในช่องทางต่างๆได้ดีอยู่แล้ว
นอกจากนี้ปีหน้าจะเพิ่มอีก 2-3 สาขา ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด โดยจะเปิดภายในศูนย์การค้าเป็นหลัก คาดว่าทั้ง 3 สาขา นั้น จะใช้งบประมาณราว 100-200 ล้านบาท ขึ้นไป ส่วนช่วงไตรมาสสี่ ปีนี้ จะมีการเปิดตามแผนอีก 2 สาขา คือ ที่บางแสน และที่เซ็นทรัล ขอนแก่น
สำหรับไตรมาสสี่นี้ เป็นช่วงเวลาที่ดีมากสำหรับอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ เพราะมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ เข้ามาฉายหลายเรื่อง เช่น ทไวไลท์ ภาค2, 2012, อวตาร รวมไปถึงภาพยนตร์ไทย อย่าง แหยม ยโสธร 2 และ องค์บาก 3 เชื่อว่า ไตรมาสสุดท้ายนี้ ภาพรวมอุตสาหกรรมจะมียอดขายตั๋วสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนถึง 30%
หรือโดยภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์แล้ว เชื่อว่าสิ้นปีจะมีการเติบโตประมาณ 10% ขณะที่ในส่วนขเองเอสเอฟ มองว่า ทั้งปี จะมีการจำหน่ายตั๋วหนังได้กว่า 1.2 ล้านใบ หรือรายได้เติบโตขึ้น 20% จากช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา การเติบโตอยู่ที่ 12-13%
นายสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด ดำเนินธุรกิจโรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ เปิดเผยว่า ทางบริษัทให้ความสำคัญกับลูกค้า โดยเฉพาะในเรื่องของการอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ จึงได้ให้ความสำคัญกับ “SF Easy Ticket” โดยนอกจากจะจำหน่ายตั๋วชมภาพยนตร์ในเครือเอสเอฟแล้ว ล่าสุดได้ร่วมกับทาง สายการบิน นกแอร์ ในการให้บริการจำหน่ายตั๋วเครื่องบินของสายการบินนกแอร์ด้วย ถือเป็นพันธมิตรที่บริษัทเข้ามาจำหน่ายตั๋วให้อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้บริษัทเตรียมที่จะต่อยอดธุรกิจนี้ต่อไปอีก โดยกำลังเจรจาอยู่อีก 1-2 ราย เป็นกลุ่มสินค้าประเภท เซอร์วิส คาดว่าในปีหน้าจะเห็นความคืบหน้าในการร่วมมือกัน
สำหรับการจำหน่ายตั๋วเครื่องบินนกแอร์นั้น ได้เริ่มทดลองจำหน่ายมาตั้งแต่ต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา โดยไม่ผ่านสื่อ ใช้เพียงสื่ออินสโตร์ภายในโรงภาพยนตร์เท่านั้น มีการจำหน่ายตั๋วไปแล้วกว่า 300 ใบ คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 แสนบาท ทั้งนี้เอสเอฟจะจำหน่ายตั๋วเครื่องบินนกแอร์ในโรงภาพยนตร์เอสเอฟ 11 สาขา ในกรุงเทพฯ และอีก 2 สาขา
ที่ภูเก็ต โดยเบื้องต้นลูกค้าที่ซื้อบัตรผ่านทางเอสเอฟ จะได้รับส่วนลดหลายรายการ ทั้งนี้ในอนาคตจะมีการจัดกิจกรรมร่วมกันเพื่อต่อยอดในการขายตั๋วเครื่องบินต่อด้วย
ในส่วนของเอสเอฟนั้น ปัจจุบันมีช่องทางจำหน่ายตั๋วหนังอยู่ 4 ช่องทาง คือ 1. บ็อกซ์ ออฟฟิศ 2. พริ้นท์ แอท โฮม 3. ผ่านมือถือ (แล้วมารับบัตรที่เคาน์เตอร์) และ4. คอลเซ็นเตอร์ ล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดช่องทางให้บริการใหม่เพิ่ม เรียกว่า “โมบาย ทิกเก็ต” ซึ่งลูกค้าไม่จำเป็นต้องเข้ามารับบัตร เพียงนำหลักฐานหรือ เมสเซจ มาดโชว์ที่หน้าโรงได้เลย การต่อยอดธุรกิจครั้งนี้ใช้งบไม่สูง เพราะปัจจุบันซอฟท์แวร์ที่มีอยู่ สามารถรองรับการให้บริการการจำหน่ายตั๋วในช่องทางต่างๆได้ดีอยู่แล้ว
นอกจากนี้ปีหน้าจะเพิ่มอีก 2-3 สาขา ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด โดยจะเปิดภายในศูนย์การค้าเป็นหลัก คาดว่าทั้ง 3 สาขา นั้น จะใช้งบประมาณราว 100-200 ล้านบาท ขึ้นไป ส่วนช่วงไตรมาสสี่ ปีนี้ จะมีการเปิดตามแผนอีก 2 สาขา คือ ที่บางแสน และที่เซ็นทรัล ขอนแก่น
สำหรับไตรมาสสี่นี้ เป็นช่วงเวลาที่ดีมากสำหรับอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ เพราะมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ เข้ามาฉายหลายเรื่อง เช่น ทไวไลท์ ภาค2, 2012, อวตาร รวมไปถึงภาพยนตร์ไทย อย่าง แหยม ยโสธร 2 และ องค์บาก 3 เชื่อว่า ไตรมาสสุดท้ายนี้ ภาพรวมอุตสาหกรรมจะมียอดขายตั๋วสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนถึง 30%
หรือโดยภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์แล้ว เชื่อว่าสิ้นปีจะมีการเติบโตประมาณ 10% ขณะที่ในส่วนขเองเอสเอฟ มองว่า ทั้งปี จะมีการจำหน่ายตั๋วหนังได้กว่า 1.2 ล้านใบ หรือรายได้เติบโตขึ้น 20% จากช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา การเติบโตอยู่ที่ 12-13%
