xs
xsm
sm
md
lg

ระหว่างการรู้สึกกับการคิด

เผยแพร่:   โดย: ชัยอนันต์ สมุทวณิช

ฉบับที่แล้วผมเขียนเรื่อง “ทักษะการคิด” และให้ความเห็นว่าที่จริงแล้ว คนไทยเราเป็นคนช่างคิดไม่แพ้ชาติอื่น แต่ทำไมเด็กๆ ของเราจึงไม่ค่อยจะใช้ความคิด คำว่า “คิด” นั้น ภาษาฝรั่งคือ “Think” เวลาคนไทยได้รับคำถามว่า “คิดอย่างไร” เรามักจะนิ่ง ผมเห็นว่า หากเราถามใหม่ว่า “รู้สึกอย่างไร” เราก็จะได้รับคำตอบ เพราะคนไทยเรามักจะ “รู้สึก”

ผมเคยเขียนว่า

รู้สึก 3 ครั้ง = คิด 1 ครั้ง

คิด 3 ครั้ง = ไตร่ตรอง

ไตร่ตรอง = การกระทำ 1 ครั้ง

การรู้สึกกับการคิดนั้นต่างกัน คือ Heart กับ Head การรู้สึกเป็นเรื่องของอารมณ์ที่ยังไม่ได้สอบทาน ส่วนการคิด คือ ความรู้สึกที่สอบทานแล้ว มีการพิจารณาแล้ว ดังนั้นผมจึงบอกว่า คิด 1 ครั้งจะต้องมีการสอบทานความรู้สึกอย่างน้อย 3 ครั้ง

การคิดมักมีเหตุผลประกอบเสมอ แต่จะว่าความรู้สึกไม่มีเหตุผลเสียเลยก็ไม่ได้ เพราะหลายครั้งที่ความรู้สึกของคนเราเกิดจากประสบการณ์ ความรู้สึกนั้นหากมีประสบการณ์รองรับอย่างพอเพียง ก็เป็นหลักที่ดีในการตัดสินใจได้ แม้ยังหาเหตุผลไม่ได้ก็ตาม

เมื่อนำเรื่องความรู้สึกและความคิดมาเชื่อมโยงกับคุณค่าต่างๆ เช่น ความรัก ความเมตตา ความกล้าหาญ แล้วก็ยิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น

ความรักชาติเป็นความรู้สึกหรือความคิด ผมเห็นว่าความรักชาตินั้นเป็นความรู้สึกมากกว่าความคิด เพราะมีคนซึ่งใช้ความคิดประเมินการเข้าร่วมสงครามดูแล้วก็ไม่ยอมรับใช้ชาติ ก็มีพวกรักชาติมักไม่ใช้ความคิดอะไรมาก

ส่วนความรักของหนุ่มสาวนั้น ต่างไปจากความรักของแม่หรือไม่ มีกระบวนการคิดหรือเปล่า หลายคนเห็นว่า ความรักกับสัญชาตญาณนั้นใกล้กันมาก และอะไรที่ใกล้เคียงกับสัญชาตญาณก็เป็นแรงสะท้อนจิตใต้สำนึกซึ่งลึกกว่าความรู้สึก คือ ไม่รู้สึกก็เกิดพฤติกรรมขึ้นได้

เราไม่ควรพูดแต่ว่า เด็กๆ ควรคิดเป็น ก่อนจะคิด เด็กจะต้องรู้จักเป็นเสียก่อน ถ้าเราถามเด็กบ่อยๆ ว่า “รู้สึกอย่างไร” แทนที่จะถามว่า “คิดอย่างไร” หรือ “มีความเห็นอย่างไร” จะดีกว่า เพราะเราทุกคนต่างรู้สึกได้ด้วยกันทั้งนั้น

คนเราจะต้องหาดุลยภาพระหว่างความรู้สึกกับความคิดให้ได้ เด็กๆ เองมีปัญญาและประสบการณ์น้อย ความรู้สึกใช้มากๆ ไม่เป็นไร ขอให้นึกว่าก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไปให้คิดเสียก่อน มีสูตรง่ายๆ ว่า รู้สึก 3 ครั้ง คือ การคิด 1 ครั้ง หาไม่แล้ว รู้สึกอะไรก็ทำไปเลย ย่อมถือว่ามีการใช้เพียงความรู้สึก ยังไม่ได้ใช้ความคิด

ผู้ใหญ่สอนให้เราคิดก่อนทำ ตอนเราเด็กๆ เราใช้ความรู้สึกค่อนข้างมาก รู้สึกแล้วทำเลย ต่อไปนี้เราคงช่วยกันแนะให้เกิดกระบวนการที่ต้องทำให้ความรู้สึกยาวขึ้น หรือมีการสอบทานความรู้สึกก่อนเพื่อจะได้มีการแปรเปลี่ยนความรู้สึกให้เป็นความคิด โดยเฉพาะความรู้สึกต่อคุณค่าที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับศีลธรรมและจริยธรรม

กระบวนการที่ทำให้ความรู้สึกยาวขึ้นนี้ก็คือ กระบวนการความคิดนั่นเอง ความรู้สึกครั้งแรกอาจเกิดขึ้นเพราะเราขาดข้อมูลที่สำคัญไป ตอนเด็กๆ ผมเป็นคนกลัวผีมาก เห็นอะไรตะคุ่มๆ ก็พาลมองเป็นผีไปหมด ถ้าเราเพ่งพินิจให้ดี ก็จะรู้ว่าไม่ใช่ หลายครั้งที่เรารู้สึกไม่ดีต่อเพื่อน เพราะเราเข้าใจเพื่อนผิดไป การเข้าใจหมายถึง การใช้เหตุผลซึ่งต้องใช้เวลา ดังนั้นการรู้สึกให้ยาวขึ้น คือ รู้สึก 3 ครั้ง แทนที่จะเป็นครั้งเดียวก็จะก่อให้เกิดความแตกต่างอย่างมาก ความคิดของคนเราจะเป็นความคิดที่สร้างสรรค์ได้ ก็ต้องเกิดจากความรู้สึกเสียก่อน แต่ไม่ใช่ความรู้สึกที่ขาดการกลั่นกรอง

ถ้าเรารู้สึกให้ยาวขึ้น ภายใต้ความรู้สึกที่ยาวขึ้นนั้น คงจะมีองค์ประกอบเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ยิ่งมีปัจจัยมากขึ้น ความรู้สึกเดิมก็จะปรับเปลี่ยนไป จึงมีการสอนว่าให้ใช้วิธี CAF หมายถึง Consider all Factors ก็จะช่วยให้เห็นภาพรวม จากภาพรวมเราก็สามารถมีความคิดรวบยอดได้

สิ่งเหล่านี้ฝึกฝนได้จนในที่สุด ความรู้สึกกับความคิดก็จะซ้อนกันเป็นกระบวนการเดียวกันได้ เมื่อใดเรารู้สึก เมื่อนั้นเราเริ่มมีความคิด เหตุผลกับอารมณ์ที่ปะปนกัน แล้วก็จะมีการกลั่นกรองออกมาเอง นักเขียนนวนิยายส่วนมากจะใช้เหตุผลผสมกับอารมณ์ ผูกเรื่องราวเสมือนจริงให้เราอ่านจนเรานึกว่าเป็นเรื่องจริง อย่างที่เล่ากันว่า ตอน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนเรื่องสี่แผ่นดิน ตอนแม่พลอยท้องนั้น ผู้อ่านถึงกับส่งมะม่วงเปรี้ยวๆ ไปที่โรงพิมพ์สยามรัฐทีเดียว จินตนาการ คือ ความรู้สึกผสมความคิด ดังนั้นไอน์สไตน์จึงบอกว่า “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้”

จินตนาการนี้คือ ความรู้สึกที่พัฒนาเป็นความคิดที่เป็นระบบ และมีความกว้างไกล ล้ำลึก การคิดถึงคนคนหนึ่ง คือ ความรู้สึก แต่ถ้าเราคิดว่า เขาจะคิดถึงเราหรือเปล่า นั่นเป็นความคิดระดับต้นๆ แล้ว หากเราคิดต่อไปว่า แล้วเราจะทำอย่างไรจึงให้เกิดความสัมพันธ์ที่สนิทสนมมากกว่านี้ ก็เป็นความคิดสูงขึ้นไปอีก

จินตนาการของคนอย่างไอน์สไตน์มาจากฐานความรู้เดิม ไม่ได้เกิดจากความว่างเปล่า ดังนั้นการแสวงหาความรู้จึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาระดับความรู้สึกให้เป็นความคิดหรือเป็นจินตนาการที่ส่งผลมีพลังสูง

โดยสรุปแล้ว เราคงต้องมีความพอดี เพราะใครก็ตามที่ใช้แต่ความคิด 100% ปราศจากความรู้สึกก็คงเป็นคนที่กระด้างไม่น่ารัก ไม่อบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้

แต่หากใครมีแต่ความรู้สึก หรือใช้ความรู้สึกอย่างเดียว ไม่ใช้ความคิดเลย ก็คงเป็นคนที่พึ่งพาอาศัยไม่ได้

สู้เป็นเพื่อนคู่คิดยามยากดีกว่า มิตรในยามยากต้องรักเรา และร่วมกันคิดหาทางแก้ปัญหาเมื่อมีภัยมา
กำลังโหลดความคิดเห็น