นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าว ถึงกรณีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ฝากคำเตือนไปถึงพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในการเข้าพรรคเพื่อไทยให้ไตร่ตรองให้รอบคอบจะเป็นแรงเสียดทาน ของกลุ่มคนเสื้อแดงหรือไม่ว่า ตนได้ดูข่าว และได้ยินทุกคำพูดที่ พล.อ.เปรม ให้สัมภาษณ์ ซึ่งคิดว่าท่านได้ให้สัมภาษณ์ชัดเจนดีแล้ว และท่านก็บอกจะพูดแค่นั้น คนฟังก็คงพอแล้วซึ่งตนเป็นเด็ก คงจะไปวิพากษ์วิจารณ์ท่านไม่ได้
ส่วนจะยิ่งทำให้คนเสื้อแดงออกมรต่อต้านรุนแรงหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้ยินว่าพล.อ.เปรม พูดถึงคนเสื้อแดง ท่านพูดถึงแต่ พล.อ.ชวลิต เมื่อถามว่า แต่การเข้ามาอยู่ในพรรคเพื่อไทยของ พล.อ.ชวลิต ซึ่งทุกคนทราบดีว่า พรรคเพื่อไทยกับเสื้อแดงเป็นเนื้อเดียวกัน รองนายกฯ กล่าวว่า ตนฟังเท่าที่ท่านพูดแค่นั้น ตนว่า เราอย่าไปห่วงเลย บ้านเมืองของเรา เราก็ต้องช่วยกัน ใครมีหน้าที่อย่างไร ก็ช่วยกันทำหน้าที่ ถ้าเห็นอะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็บอกกัน
ผมอยากฝากไปถึงประชาชนว่า ต้องตั้งสติกันให้มั่น ในวันเวลาอย่างนี้ พวกเราต้องกอดคอ ฝ่าฝันวิกฤตการณ์นี้ไปให้ได้ เราต้องทำให้บ้านเมืองเราอยู่รอด ต่อไปให้ได้ อย่าไปเชื่อข่าวลือ และไม่อยากให้สื่อไปยุ่งกับข่าวลือ เพราะสงสารประชาชน สงสารประเทศชาต
ด้านนายเทพไท เสนพงษ์ โฆษกประแถลงจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พล.อ.เปรม คงเหลืออดต่อบุคคลบางกลุ่มที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง พูดจาบิดเบือน จึงอยากให้สังคมไตร่ตรองดูแล้วสื่อความหมายต่างๆ โดยเฉพาะความเชื่อในเรื่องพระสยามเทวาธิราช ตามที่พล.อ.เปรมได้กล่าวไว้ ซึ่งคนไทยทุกคนก็มีความเชื่อเช่นกัน และตนเชื่อว่าผลจากการกระทำของคนบางคนที่ส่งผลทำลายชาติบ้านเมือง ก็จะถูกพระสยามเทวธิราชลงโทษเอง
นายเทพไท กล่าวว่าการที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงบังอาจยกพล.อ.ชวลิตมาเทียบชั้นกับ พ.อ.เปรม ทั้งที่ พล.อ.เปรมมีสถานะถึงประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ แต่พล.อ.ชวลิตเป็นแค่นักการเมืองที่ล้มละลายทางความเชื่อถือ จึงไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบคุณูปการ ที่ทำต่อประเทศชาติกันได้ เพราะรู้ว่า พล.อ.เปรมไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบโต้ทางการเมืองได้ คนเหล่านี้ก็ย่ามใจบังอาจจาบจ้วง และบิดเบือนกล่าวหาว่า พล.อ.เปรมไม่มีความเป็นกลางทางการเมือง ทั้งๆ ที่พล.อ.เปรมอยู่ในสถานะที่เหนือการเมืองมาโดยตลอด จะไม่เป็นกลางได้อย่างไร ในฐานะที่ตนเป็นคนไทยคนหนึ่งจึงจำเป็นต้องมาปกป้องคนดีของบ้านเมืองไม่ให้แปดเปื้อนกับข้อกล่าวหาของนักการเมืองที่สกปรก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (16 ต.ค.) พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ อดีต รอง ผบ.ทบ.สมัยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เข้าสังกัดเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมกล่าวว่าที่เข้าสังกัดพรรคการเมืองก็เพื่อทำงานให้กับประเทศชาติ และจะนำความคิดของ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ไปพูดคุยกับน้องๆ ทหาร เพื่อสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นด้วย ทำให้ประเทศเกิดความสมานฉันท์ ไม่แบ่งพรรคแบ่งสี
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ระบุว่า ทหารไม่เข้าใจพรรคเพื่อไทยนั้นหมายความว่าอย่างไร พล.อ.จิรเดช กล่าวว่า ยอมรับว่ามีทหารที่เข้าใจผิดในพรรคเพื่อไทยว่าไม่จงรักภักดี เนื่องจากมีบุคคลในพรรคทำตัวหมิ่นเหม่ในบางเรื่อง แต่โดยรวมของนโยบายพรรคนั้นไม่มี จึงต้องทำความเข้าใจเพื่อสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นระหว่างฝ่ายทหาร กับฝ่ายการเมืองให้ได้
สำหรับบรรยากาศการรับมือม็อบเสื้อแดงที่นัดชุมนุมในวันที่ 17 ต.ค.บริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.ตปพ. บช.น. สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร อีโอดี จากกรมสรรพาวุธ และสุนัขดมกลิ่น จากกรมการสัตว์ทหารบก กองพันสุนัขทหาร ร่วมกันตรวจพัสดุภัณฑ์ระเบิดโดยใช้เครื่องตรวจหาวัตถุก่อระเบิด ในรัศมี 700เมตร เดินตรวจตราตั้งแต่ประตู1ทำเนียบรัฐบาล จนเดินทั่วๆทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการตรวจไม่พบวัตถุต้องสงสัยแต่อย่างใด
พล.ต. ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในแห่งราชอาณาจักร ( กอ.รมน.) กล่าวว่า ศอ.รส.จะใช้แผนคำสั่งปฏิบัติการที่ 1 ในการดูแลความปลอดภัยในเขตดุสิตและพระนคร โดยใช้กำลังทั้งสิ้น 41 กองร้อย แบ่งเป็นเป็นทหาร 25 กองร้อย ตำรวจ 16 กองร้อย เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนของ กอ.รมน.350 นาย โดยกำลังทั้งหมดจะเข้าประจำตามสถานที่ต่างๆ เช่น ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา และดูแลความปลอดภับปริเวณพระราชวังสวนจิตลดาและบ้านพักพล.อ.เปรม เพื่อไม่ให้เกดเหตุความไม่สงบระหว่างการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง
เจ้าหน้าที่จะไม่มีการหวงห้ามสิทธิของประชาชนในการชุมนุม การกล่าวปราศรัย แต่หากประชาชนจะเคลื่อนที่เข้ามาในพื้นที่ต้องห้าม เจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการ ตามกฎหมาย ตามมาตร 22 ของพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ โดยผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท อย่างไรก็ตามภารกิจของเจ้าหน้าที่ก็คือการป้องกันสถานที่ราชการที่สำคัญโดยเน้นทำเนียบรัฐบาลเป็นหลักเชื่อว่าผู้ชุมนุมจะไม่มีการบุกทำเนียบฯ และขณะยังไม่มีข้อมูลด้านการข่าวว่าจะมีการดำเนินการเช่นนั้น
ส่วนจะยิ่งทำให้คนเสื้อแดงออกมรต่อต้านรุนแรงหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้ยินว่าพล.อ.เปรม พูดถึงคนเสื้อแดง ท่านพูดถึงแต่ พล.อ.ชวลิต เมื่อถามว่า แต่การเข้ามาอยู่ในพรรคเพื่อไทยของ พล.อ.ชวลิต ซึ่งทุกคนทราบดีว่า พรรคเพื่อไทยกับเสื้อแดงเป็นเนื้อเดียวกัน รองนายกฯ กล่าวว่า ตนฟังเท่าที่ท่านพูดแค่นั้น ตนว่า เราอย่าไปห่วงเลย บ้านเมืองของเรา เราก็ต้องช่วยกัน ใครมีหน้าที่อย่างไร ก็ช่วยกันทำหน้าที่ ถ้าเห็นอะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็บอกกัน
ผมอยากฝากไปถึงประชาชนว่า ต้องตั้งสติกันให้มั่น ในวันเวลาอย่างนี้ พวกเราต้องกอดคอ ฝ่าฝันวิกฤตการณ์นี้ไปให้ได้ เราต้องทำให้บ้านเมืองเราอยู่รอด ต่อไปให้ได้ อย่าไปเชื่อข่าวลือ และไม่อยากให้สื่อไปยุ่งกับข่าวลือ เพราะสงสารประชาชน สงสารประเทศชาต
ด้านนายเทพไท เสนพงษ์ โฆษกประแถลงจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พล.อ.เปรม คงเหลืออดต่อบุคคลบางกลุ่มที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง พูดจาบิดเบือน จึงอยากให้สังคมไตร่ตรองดูแล้วสื่อความหมายต่างๆ โดยเฉพาะความเชื่อในเรื่องพระสยามเทวาธิราช ตามที่พล.อ.เปรมได้กล่าวไว้ ซึ่งคนไทยทุกคนก็มีความเชื่อเช่นกัน และตนเชื่อว่าผลจากการกระทำของคนบางคนที่ส่งผลทำลายชาติบ้านเมือง ก็จะถูกพระสยามเทวธิราชลงโทษเอง
นายเทพไท กล่าวว่าการที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงบังอาจยกพล.อ.ชวลิตมาเทียบชั้นกับ พ.อ.เปรม ทั้งที่ พล.อ.เปรมมีสถานะถึงประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ แต่พล.อ.ชวลิตเป็นแค่นักการเมืองที่ล้มละลายทางความเชื่อถือ จึงไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบคุณูปการ ที่ทำต่อประเทศชาติกันได้ เพราะรู้ว่า พล.อ.เปรมไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบโต้ทางการเมืองได้ คนเหล่านี้ก็ย่ามใจบังอาจจาบจ้วง และบิดเบือนกล่าวหาว่า พล.อ.เปรมไม่มีความเป็นกลางทางการเมือง ทั้งๆ ที่พล.อ.เปรมอยู่ในสถานะที่เหนือการเมืองมาโดยตลอด จะไม่เป็นกลางได้อย่างไร ในฐานะที่ตนเป็นคนไทยคนหนึ่งจึงจำเป็นต้องมาปกป้องคนดีของบ้านเมืองไม่ให้แปดเปื้อนกับข้อกล่าวหาของนักการเมืองที่สกปรก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (16 ต.ค.) พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ อดีต รอง ผบ.ทบ.สมัยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เข้าสังกัดเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมกล่าวว่าที่เข้าสังกัดพรรคการเมืองก็เพื่อทำงานให้กับประเทศชาติ และจะนำความคิดของ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ไปพูดคุยกับน้องๆ ทหาร เพื่อสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นด้วย ทำให้ประเทศเกิดความสมานฉันท์ ไม่แบ่งพรรคแบ่งสี
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ระบุว่า ทหารไม่เข้าใจพรรคเพื่อไทยนั้นหมายความว่าอย่างไร พล.อ.จิรเดช กล่าวว่า ยอมรับว่ามีทหารที่เข้าใจผิดในพรรคเพื่อไทยว่าไม่จงรักภักดี เนื่องจากมีบุคคลในพรรคทำตัวหมิ่นเหม่ในบางเรื่อง แต่โดยรวมของนโยบายพรรคนั้นไม่มี จึงต้องทำความเข้าใจเพื่อสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นระหว่างฝ่ายทหาร กับฝ่ายการเมืองให้ได้
สำหรับบรรยากาศการรับมือม็อบเสื้อแดงที่นัดชุมนุมในวันที่ 17 ต.ค.บริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.ตปพ. บช.น. สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร อีโอดี จากกรมสรรพาวุธ และสุนัขดมกลิ่น จากกรมการสัตว์ทหารบก กองพันสุนัขทหาร ร่วมกันตรวจพัสดุภัณฑ์ระเบิดโดยใช้เครื่องตรวจหาวัตถุก่อระเบิด ในรัศมี 700เมตร เดินตรวจตราตั้งแต่ประตู1ทำเนียบรัฐบาล จนเดินทั่วๆทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการตรวจไม่พบวัตถุต้องสงสัยแต่อย่างใด
พล.ต. ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในแห่งราชอาณาจักร ( กอ.รมน.) กล่าวว่า ศอ.รส.จะใช้แผนคำสั่งปฏิบัติการที่ 1 ในการดูแลความปลอดภัยในเขตดุสิตและพระนคร โดยใช้กำลังทั้งสิ้น 41 กองร้อย แบ่งเป็นเป็นทหาร 25 กองร้อย ตำรวจ 16 กองร้อย เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนของ กอ.รมน.350 นาย โดยกำลังทั้งหมดจะเข้าประจำตามสถานที่ต่างๆ เช่น ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา และดูแลความปลอดภับปริเวณพระราชวังสวนจิตลดาและบ้านพักพล.อ.เปรม เพื่อไม่ให้เกดเหตุความไม่สงบระหว่างการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง
เจ้าหน้าที่จะไม่มีการหวงห้ามสิทธิของประชาชนในการชุมนุม การกล่าวปราศรัย แต่หากประชาชนจะเคลื่อนที่เข้ามาในพื้นที่ต้องห้าม เจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการ ตามกฎหมาย ตามมาตร 22 ของพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ โดยผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท อย่างไรก็ตามภารกิจของเจ้าหน้าที่ก็คือการป้องกันสถานที่ราชการที่สำคัญโดยเน้นทำเนียบรัฐบาลเป็นหลักเชื่อว่าผู้ชุมนุมจะไม่มีการบุกทำเนียบฯ และขณะยังไม่มีข้อมูลด้านการข่าวว่าจะมีการดำเนินการเช่นนั้น