xs
xsm
sm
md
lg

เด้ง 5 เสือ 3 โรงพักบ่อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ปทีป"สั่งเชือด 5 เสือ 3 โรงพักปล่อยมีบ่อนการพนันในพื้นที่ ลั่นปราบอบายมุขเด็ดขาด ส่วนผลสอบ"สุชาติ"7 ตุลา คาด 30 วันรู้ผลให้ออกหรือไล่ออก ลุ้น ก.ตร.ผ่าทางตันแต่งตั้งนายพล ศุกร์นี้

วานนี้(14 ต.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวกรณีที่ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผบ.ตร.ได้ประชุมเร่งรัดการดำเนินการกวาดล้างยาเสพติด อาชญากรรม และอบายมุขในพื้นที่ เมื่อวัน 7 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยได้กำชับให้ทุกหน่วยถือปฏิบัติตามนโยบายและคำสั่งต่างๆ ของ ตร.อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งให้ดำเนินการกับผู้ปฏิบัติในทุกพื้นที่ที่ปล่อยปละละเลยไม่สนองต่อนโยบายดังกล่าว โดยมีการระดมกำลังกวาดล้างเป็นสองช่วง ช่วงแรก ระหว่างวันที่ 7-14 ต.ค. และช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 15-22 โดยนำเอาผลการปฏิบัติของทุกหน่วยงานมาประเมินผลด้วย

พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า มีประชาชนแจ้งเบาะแสในหลายพื้นที่ยังคงมีการลักลอบเปิดบ่อนเล่นการพนันอยู่ โดยล่าสุดได้รับแจ้งว่ามีการเปิดบ่อนเล่นการพนันกันในพื้นที่ จ.นครปฐม และเขตพื้นที่ บช.น. จึงได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปราม และตรวจสอบการกระทำความผิดเกี่ยวกับอบายมุข ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางไม่สามารถเปิดเผยชื่อผู้ปฏิบัติได้ทำหน้าที่ดูแล โดยพบผู้กระทำผิดจริงตามที่ได้รับแจ้ง และสามารถจับกุมได้ 3 ท้องที่ด้วยกัน

โดยรายแรกจับกุมบ่อนกำถั่ว เมื่อวันที่ 12 ต.ค.เวลาประมาณ 23.30 น.ได้ร่วมกันจับกุมผู้ลักลอบเล่นการพนัน ได้ที่บ้านเลขที่ 361/1 ถ.ราชดำริ ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม มีผู้ต้องหา 18 คน อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.เมืองนครปฐม รายที่ 2 จับกุมผู้ลักลอบเล่นการพนันกำถั่ว เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ได้ที่เพิงพักไม่มีเลขที่ ต.โพรงมะเดื่อ อ.โพรงมะเดื่อ จ.นครปฐม ได้ผู้ต้องหา 22 คน พื้นที่ สภ.โพรงมะเดื่อ รายที่ 3 จับกุมบ่อนไฮโล เมื่อวันที่ 13 ต.ค.เวลา 23.30 น.ที่เพิงพักไม่มีเลขที่ในตรอกโรงหมู แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กทม. ได้ผู้ต้องหา 24 คน ในพื้นที่ สน.ท่าเรือ

โฆษก ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.ปทีป ได้สั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 แห่ง ว่ามีส่วนเข้าไปพัวพัน เกี่ยวข้องกับบ่อนการพนันดังกล่าวหรือไม่ หรือมีการเรียกรับผลประโยชน์เกี่ยวกับบ่อนการพนันหรือปล่อยปละละเลย ไม่สนใจในการสืบสวนปราบปรามจับกุม หากการสอบสวนมีมูลหรือพาดพิงไปยังข้าราชการตำรวจอื่นๆ ก็ให้ดำเนินการขยายผลต่อไป โดยให้เวลาในการสอบสวน 30 วัน ในส่วนของพื้นที่ บช.ภ.7 มอบหมายให้ พล.ต.ท.บริหาร เสี่ยงอารมณ์ จเรตำรวจ(สบ.8) เป็นประธาน ในส่วนของบช.น.มอบหมายให้ พล.ต.ท.อุดม รักศีลธรรม จเรตำรวจ(สบ 8) เป็นประธานกรรมการ

นอกจากนี้ ในส่วนของการลงโทษเบื้องต้นทางต้นสังกัด ผบช.ภ.7 และผบช.น.ได้มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการนอกหน่วย เพื่อรอผลการสืบสวนข้อเท็จจริง โดย ผบช.ภ.7 มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.วิเชียร ตันตะวิริยะ รองผบก.ภ.จว.นครปฐม รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ภาสกร กลั่นหวาน ผกก.สภ.นครปฐม พ.ต.ท.ไพรัตน์ ไพรรณรัตน์ สวญ.สภ.โรงมะเดื่อ จว.นครปฐม พ.ต.ท.อำพล ภัทรมงคลกุล สวป.สภ.โพรงมะเดื่อ และพ.ต.ท.การเวก แดงดอนไพร สว.สส.สภ.โพรงมะเดื่อ รวม 5 นายไปปฏิบัติราชการที่ บก.อก.ภ.7โดยมีกำหนด 30 วัน

สำหรับผบช.น.ได้มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.วราวุธ ทวีชัยการ รองผบก.น.5 พ.ต.อ.วัชรพงศ์ ดำรงศรี ผกก.สน.ท่าเรือ พ.ต.ท.รุ่งศักดิ์ แสงเสียงฟ้า รองผกก.ปป.สน.ท่าเรือ พ.ต.ท.ตฤณจร บุญโทแสง รองผกก.สส.สน.ท่าเรือ พ.ต.ท.สมเกียรติ ภาชนะกาญจน์ สว.สส.สน.ท่าเรือ พ.ต.ท.พิสิษฐ์ เทียนเงิน สวป.สน.ท่าเรือ และพ.ต.ท.บรรจง ธิราเคน สวป.สน.ท่าเรือ รวม 7 นายไปปฏิบัติหน้าที่ ที่บก.อก.บช.น. มีกำหนด 30 วัน

โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า รักษาราชการแทนผบ.ตร. เน้นการปราบปรามอบายมุขต่าง ๆ หากประชาชนยังพบเห็นแหล่งอบายมุขให้แจ้งไปที่ ตู้ปณ.1234 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 1194 หรือ www.jaray@police.com

30 วันรู้ชะตา"สุชาติ"ให้ออก-ไล่ออก

พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวถึงการพิจารณาลงโทษ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.ภ.4 ช่วยราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติหลังคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง ว่า กรณี ป.ป.ช. ชี้มูลในส่วนของ พล.ต.อ.พัชวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร.นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้พิจารณา ในส่วนของพล.ต.ท.สุชาติ ก็เป็นหน้าที่ของตร.จะต้องเป็นผู้พิจารณา ซึ่งตร.ได้รับเรื่องจาก ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ซึ่งตอนนี้เรื่องอยู่ที่กองวินัยเป็นผู้พิจารณาดำเนินการในรายละเอียด แล้วเสนอมายังรรท.ผบ.ตร. เพื่อพิจารณาดำเนินการตัดสินใจว่าจะปลดออกหรือไล่ออก ซึ่งตามกำหนดจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันหลังจากได้รับเรื่องจากปปช.แต่จะทำให้เร็วที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 ต.ค.ตามที่นายกรัฐมนตรีเคยให้สัมภาษณ์วไว้หรือไม่ พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า เป็นขั้นตอนคนละส่วนกัน โดยนายกรัฐมนตรีจะพิจารณาโทษของพล.ต.อ.พัชรวาท ในส่วนของตร.ก็พยายามทำให้เร็วที่สุดทางกองวินัยก็ดำเนินการอยู่เพื่อเสนอรรท.ผบ.ตร.

ลุ้น ก.ตร.ผ่าทางตันโผนายพล

วันเดียวกันมีรายงานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นัดประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 13/2552 ในเวลา 11.00 น.วันที่ 16 ตุลาคม ที่ห้องประชุม 1 อาคาร 1 ตร. โดยมีวาระสำคัญดังนี้ วาระที่ 3 หารือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจวาระประจำปี 2552 วาระที่ 4 ในเรื่องเสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของอนุ ก.ตร.ร้องทุกข์ที่ ก.ตร.มอบหมายให้ทำการแทน เรื่องที่ 2 รายงานการดำเนินการของ ก.ตร. บริหารงานบุคคล ที่ ก.ตร.มอบหมายให้ทำการแทน เรื่องที่ 3 ขอรับความเห็นชอบขยายระยะเวลาการคัดเลือกการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งระดับ ผู้บังคับการขึ้นไปวาระประจำปี 2552 เรื่องที่ 4 การแต่งตั้งหัวหน้านายตำรวจราชสำนัก (สบ 10) เรื่องที่ 5 การจัดส่งสำเนารายงานการประชุม ก.ตร.ให้ศาลอาญากรุงเทพใต้

พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.กล่าวว่า การประชุม ก.ตร.ครั้งนี้ ในประเด็นที่ต้องหารือเรื่องการแต่งตั้งนั้น หาก ก.ตร.ไม่สามารถหาข้อสรุปได้คงต้องใช้วิธีการโหวต ส่วนจะใช้บัญชีแต่งตั้งโยกย้ายเดิมหรือไม่ ต้องนำเข้าหารือให้คณะกรรมการคัดเลือกหรือบอร์ดกลั่นกรองเสียก่อน

“ขณะที่โครงสร้างบอร์ดกลั่นกรองนั้น ผมเห็นว่าที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงโดยให้คนอื่นนอกเหนือจาก ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร.ร่วมเป็นคณะกรรมการคัดเลือก เพราะมองว่าให้ ผบ.ตร.ทำบัญชีแล้วมานั่งเป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือกก็ดูไม่เหมาะสมเท่าไรนัก ซึ่งการให้เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนมาเป็นประธานในคณะกรรมการกลั่นกรองก็ดี แต่ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวของผม ผลจะออกมาอย่างไรนั้นต้องนำเข้าหารือใน ก.ตร.” รรท.ผบ.ตร.กล่าว

ก.ต.ช.เปิดทาง"วิเชียร-ชลอ"สไลด์รอง ผบ.ตร.

มีรายงานข่าวแจ้งว่า พ.ต.อ ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร รรท.ผบก.ทพ.ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ 0009.231/807 ลงวันที่ 30 ก.ย.2552 เรื่องการดำเนินการตามมติของ ก.ตร.และ ก.ต.ช.ในการแต่งตั้งนายตำรวจ ระดับ สบ 10 ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ และที่ปรึกษาด้านป้องกันปราบปราม ส่งถึง ผบก.สง.ก.ต.ช.เนื่องจากในการประชุมคณะกรรมการคัดเลือก ตามนัยมาตรา 53(2) แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 เมื่อวันที่ 21 ก.ย.2552 ได้มีข้อสังเกตในที่ประชุมและให้ฝ่ายเลขานุการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งดังกล่าว เพื่อเป็นข้อมูลประกอบในการพิจารณา จึงขอหารือในประเด็น 1.เมื่อมีการพิจารณาแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว การพิจารณาว่าตำแหน่งดังกล่าวยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ เป็นดุลพินิจของผู้ใด 2.กรณีตามข้อ 1 หากพิจารณาแล้วเห็นว่าตำแหน่งดังกล่าวยังมีความจำเป็นอยู่ จะต้องนำเสนอ ก.ตร.เพื่อพิจารณาและเสนอ ก.ต.ช.ให้ความเห็นชอบตาม มาตรา 45 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 หรือไม่

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ต่อมาในวันที่ 5 ต.ค.2552 พล.ต.ต.สมชาย วิทโยภาส ผบก.สง.ก.ต.ช.ได้มีหนังสือตอบกลับที่ 0004.2/0183 ว่าตามที่มีการสอบถามปัญหาดังกล่าวมา ประเด็นที่ 1 การกำหนดตำแหน่ง สบ 10 ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ และ สบ 10 ด้านป้องกันและปราบปราม นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้เสนอเหตุผลความจำเป็นต่อ ก.ต.ช.ดังนั้น การพิจารณาว่าตำแหน่งดังกล่าวยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่เป็นดุลยพินิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเอง

ประเด็นที่ 2 หากพิจารณาแล้วเห็นว่าตำแหน่งทั้งสองยังมีความจำเป็น จะต้องเสนอ ก.ต.ช.เห็นชอบตาม มาตรา 45 หรือไม่ นั้น ก.ต.ช.พิจารณาให้ความเห็นชอบการกำหนดตำแหน่งดังกล่าวแล้วตาม มาตรา 45 วรรค 2 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เช่นเดียวกับการพิจารณากำหนดตำแหน่งอื่นๆ และตามมติก็มีความชัดเจนอยู่แล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า โดยสรุป ตำแหน่งที่ปรึกษา สบ 10 ทั้งสองตำแหน่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สามารถดำเนินการแต่งตั้งทดแทนได้ทันที หากบุคคลที่ดำรงตำแหน่งเดิม ได้เลื่อนเป็น รอง ผบ.ตร.ไม่จำเป็นต้องยกเลิก หากว่ายังเห็นว่ามีความจำเป็นอยู่ และไม่มีความจำเป็นต้องเสนอขอความเห็นชอบจาก ก.ต.ช.แต่อย่างใด ซึ่ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา สบ 10 ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ ที่ปรึกษา สบ 10 ด้านป้องกันและปราบปราม สามารถสไลด์เข้ามาเป็น รอง ผบ.ตร.ได้ทันที โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สามารถแต่งตั้ง นายตำรวจระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.เลื่อนเป็นที่ปรึกษา สบ 10 ทดแทนได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องตัดตำแหน่งทิ้งแต่อย่างใด
กำลังโหลดความคิดเห็น