ASTV-ผู้จัดการรายวัน- "บัณฑูร ล่ำซำ" ห่วงปัญหามาบตาพุดกระทบทุกภาคส่วน วอนให้คิดถึงประโยชน์ชาติเป็นหลัก ทุกฝ่ายอย่าคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ให้ยอมรับกฎหมายสิ่งแว้ดล้อมเป็นทางออก รัฐบาลต้องเป็นคนกลางสร้างผลงานพิสูจน์ฝีมือนำความสงบสุขกลับคืน ยอมรับปัญหาการเมืองกระทบความเชื่อมั่น ฉุดการพัฒนาของประเทศ
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยถึงกรณีปัญหาความขัดแย้งของโครงการลงทุนในมาบตาพุด 76 โครงการว่า เป็นปัญหาที่ทำให้การลงทุนและการพัฒนาประเทศไทยมีการสะดุด เพราะปัญหาดังกล่าวเกิดจากการที่ทุกฝ่ายพูดกันคนละภาษา แต่ละฝ่ายต่างมีความคิดเป็นของตัวเองคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก จึงทำให้เกิดการขัดแย้งกันขึ้นมาจนไม่สามารถหาทางออกให้กับประเทศได้ เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ทุกฝ่ายเข้าไปดูว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง และต้องหาวิธีแก้ที่ดีที่สุด เป็นตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้อง มิฉะนั้นเราจะมีกฏหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมไปทำไม แต่เชื่อว่าในที่สุดแล้วต้องมีทางออกของปัญหาดังกล่าวแน่นอน
“ทั้งสองฝ่าย ทั้งคนที่ไปคัดค้านว่าสิ่งที่ทำไปนั้นได้กระทบต่อสิ่งแวดล้อม และฝ่ายที่จะเข้าไปลงทุนในมาบตาพุด จะต้องมองโจทย์ไปพร้อมๆกัน เพราะหากต่างฝ่ายต่างบอกว่าตัวเองถูกก็จะไม่มีใครชนะ แล้วประเทศไทยชนะหรือไม่ ก็ไม่ใช่ จะมีแต่ประเทศไทยที่แพ้และเสียหายเท่านั้น ต้องมองว่าประเทศไทยจะมีการพัฒนาไปในอนาคตได้อย่างไรมากกว่าจะเห็นแก่ความคิดส่วนตัว จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์โดยรวมของสังคมของประเทศเป็นหลัก เพราะถ้ามีจิตเป็นปฏิปักษ์กันก็จะไม่สามารถหาทางออกได้” นายบัณฑูร กล่าว
ดังนั้น ทางรัฐบาลเองควรมองโจทย์นี้เป็นโอกาสในการหาทางออกให้กับประเทศว่าจะเป็นรูปแบบไหนที่พอจะไปได้บ้าง ซึ่งหากสามารถทำได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีมาก รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนที่เป็นประชาชนต้องร่วมมือกันหาทางออกที่เหมาะสมโดยเร็ว เพราะจะไปกีดกันไม่ให้มีการพัฒนาการลงทุนในประเทศก็คงจะไม่ได้ ที่ผ่านมายังไม่เห็นมีฝ่ายไหนมาร่วมมือกันเพื่อหาทางออกและแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวเลย มีแต่การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันเท่านั้น
“ในเชิงการขยายตัวทางเศรษฐกิจนั้น แน่นอนว่าย่อมได้รับผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้นในมาบตาพุดแน่นอน ก็มีการพูดกันอยู่แล้วว่าหากไม่มีการลงทุนในมาบตาพุดก็จะมีผลกระทบต่อจีดีพีของประเทศที่ติดลบเท่านั้นเท่านี้ ซึ่งก็พูดได้ แต่พูดแล้วจะเป็นอย่างไร ตอนจบจะเป็นอย่างไรและจะหาทางออกได้หรือไม่ แต่ผมเชื่อว่ามันต้องมีทางออก ไม่อย่างนั้นมนุษย์ก็จะฆ่ากันเองหรือฆ่าตัวตายกันไปหมดแล้ว โจทย์นี้เป็นโจทย์ที่ประเทศไทยต้องเผชิญคือเสถียรภาพของชีวิตที่ต้องอาศัยอยู่ในสภาวะแวดล้อมในปัจจุบัน ไม่ใช่เฉพาะเสถียรภาพทางการเมืองเท่านั้นที่จะเผชิญ แต่คนที่จะเป็นตัวประสานในการแก้ปัญหากรณีมาบตาพุดคือรัฐบาลที่จะต้องดูแลให้บ้านเมืองมีทางออกและนำไปสู่ความสงบสุขให้ได้” นายบัณฑูรกล่าว
หาแนวทางพัฒนา ปท.ระยะยาว
ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองของไทยที่ยังคงมีปัญหาอยู่ในปัจจุบันนั้น เชื่อว่าส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นกับทุกฝ่ายอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนต่างประเทศหรือประชาชนคนไทยด้วยกันเอง เนื่องจากประเทศไม่มีการพัฒนาไปข้างหน้าเลย เจอแต่ปัญหาต่างๆทำให้ต้องมีการหยุดหรือชะลอในโครงการลงทุนที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าเป็นต้นทุนค่าเสียโอกาสในการที่จะทำให้ประเทศเดินต่อไปในอนาคตได้ รวมถึงปัญหาเรื่องการทุจริตที่เกิดขึ้นในกรณีไทยเข้มแข็งที่เกี่ยวกับการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ว่า รัฐบาลควรเอาจริงเอาจัง รีบแก้ไขปัญหาเพื่อสร้างความเชื่อมั่น เพราะเงินที่นำมาบริหารประเทศเป็นเงินที่หายาก และเป็นเงินภาษีของประชาชน จะบอกว่าการทุจริตไม่มีใบเสร็จไม่ได้ เรื่องการทุจริตเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย เมื่อมีกลิ่นก็ต้องรีบกลบเรื่องนื้ต้องทำอย่างไรเพื่อให้คนเกิดความเชื่อใจ
“ทุกวันนี้ประเทศไทยของเรามีแต่การย่ำอยู่กับที่ ไม่มีการพัฒนาไปข้างหน้าเลย สิ่งนั้นก็ทำไม่ได้สิ่งนี้ก็ทำไม่ได้ มีแต่เรื่องติดขัดทุกอย่าง เราฟ้องร้องกันทุกวันจนไม่สามารถกระดิกตัวไปทางไหนไม่ได้เลย ดังนั้น จึงอยากให้การเมืองในปัจจุบันมีกฏกติกาที่ชัดเจน ระบุออกมาเลยว่าบ้านเมืองปกครองอย่างไร มีโครงสร้างพื้นฐานอะไรบ้าง เพราะวันนี้บ้านเมืองเราไม่มีการพัฒนาเทียบเท่ากับประเทศอื่นได้เลย ทุกวันนี้มีแต่ข่าวขัดแย้งกันเพราะตื่นเช้าขึ้นมาก็จะเจอแต่การเสนอข่าวเกี่ยวการฟ้องร้องกันทุกวัน ฟ้องเรื่องนั้น เรื่องนี้ คนที่ไม่ได้ตำแหน่งก้ไปฟ้องร้องกับศาล คนที่ต้องโดนเกษียณอายุราชก่อนเวลาก็ไปฟ้องศาล มีการตรวจพบว่าเกิดการทุจริตในหน่วยงานราชการก็มีการฟ้องร้อง จนบางทีศาลเองก็งงว่าทำไมถึงมีคดีเต็มไปหมด ซึ่งรู้สึกว่าเราเป็นประเทศเดียวที่มีแต่ข่าวแบบนี้” นายบัณฑูร กล่าว
นายบัณฑูรกล่าวอีกว่า ไม่มีใครรู้ว่าวิธีการออกจากพันธนาการดังกล่าวคืออะไร ดังนั้น ทุกอย่างจะอยู่ที่ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองว่าจะหาทางออกจากปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้อย่างไร ซึ่งสิ่งที่พูดนี้เป็นการพูดในภาพรวมไม่เฉพาะแต่เรื่องปัญหามาบตาพุดเท่านั้น เพราะถึงแม้หลายฝ่ายจะบอกว่าเศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวแล้วนั้น ก็ถูกต้องที่แล้วที่จะกล่าวแบบนั้น แต่ผมมองว่าการฟื้นตัวเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันจะเป็นแบบช้าๆจากโครงสร้างเดิมที่มีอยู่แล้วโดยมาจากฝีมือของคนค้าขายและฟื้นตัวโดยสภาพเศรษฐกิจของโลก ไม่ได้มีหาแนวทางการพัฒนาในระยะยาวเลย
สำหรับเรื่องค่าเงินบาทของไทยที่มีการปรับตัวแข็งค่าขึ้นนั้นก็เป็นผลสืบเนื่องมากจากการที่ค่าเงินดอลลาร์ของสหรัฐมีการอ่อนค่าลงส่งผลให้ค่าเงินทุกสกุลในภูมิภาคเอเชียมีการปรับตัวแข็งค่าขึ้นรวมถึงประเทศไทยด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ในฝั่งผู้ส่งออกสินค้าก็จะสามารถแข่งขันได้ถึงแม้ว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าก็ตาม.
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยถึงกรณีปัญหาความขัดแย้งของโครงการลงทุนในมาบตาพุด 76 โครงการว่า เป็นปัญหาที่ทำให้การลงทุนและการพัฒนาประเทศไทยมีการสะดุด เพราะปัญหาดังกล่าวเกิดจากการที่ทุกฝ่ายพูดกันคนละภาษา แต่ละฝ่ายต่างมีความคิดเป็นของตัวเองคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก จึงทำให้เกิดการขัดแย้งกันขึ้นมาจนไม่สามารถหาทางออกให้กับประเทศได้ เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ทุกฝ่ายเข้าไปดูว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง และต้องหาวิธีแก้ที่ดีที่สุด เป็นตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้อง มิฉะนั้นเราจะมีกฏหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมไปทำไม แต่เชื่อว่าในที่สุดแล้วต้องมีทางออกของปัญหาดังกล่าวแน่นอน
“ทั้งสองฝ่าย ทั้งคนที่ไปคัดค้านว่าสิ่งที่ทำไปนั้นได้กระทบต่อสิ่งแวดล้อม และฝ่ายที่จะเข้าไปลงทุนในมาบตาพุด จะต้องมองโจทย์ไปพร้อมๆกัน เพราะหากต่างฝ่ายต่างบอกว่าตัวเองถูกก็จะไม่มีใครชนะ แล้วประเทศไทยชนะหรือไม่ ก็ไม่ใช่ จะมีแต่ประเทศไทยที่แพ้และเสียหายเท่านั้น ต้องมองว่าประเทศไทยจะมีการพัฒนาไปในอนาคตได้อย่างไรมากกว่าจะเห็นแก่ความคิดส่วนตัว จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์โดยรวมของสังคมของประเทศเป็นหลัก เพราะถ้ามีจิตเป็นปฏิปักษ์กันก็จะไม่สามารถหาทางออกได้” นายบัณฑูร กล่าว
ดังนั้น ทางรัฐบาลเองควรมองโจทย์นี้เป็นโอกาสในการหาทางออกให้กับประเทศว่าจะเป็นรูปแบบไหนที่พอจะไปได้บ้าง ซึ่งหากสามารถทำได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีมาก รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนที่เป็นประชาชนต้องร่วมมือกันหาทางออกที่เหมาะสมโดยเร็ว เพราะจะไปกีดกันไม่ให้มีการพัฒนาการลงทุนในประเทศก็คงจะไม่ได้ ที่ผ่านมายังไม่เห็นมีฝ่ายไหนมาร่วมมือกันเพื่อหาทางออกและแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวเลย มีแต่การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันเท่านั้น
“ในเชิงการขยายตัวทางเศรษฐกิจนั้น แน่นอนว่าย่อมได้รับผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้นในมาบตาพุดแน่นอน ก็มีการพูดกันอยู่แล้วว่าหากไม่มีการลงทุนในมาบตาพุดก็จะมีผลกระทบต่อจีดีพีของประเทศที่ติดลบเท่านั้นเท่านี้ ซึ่งก็พูดได้ แต่พูดแล้วจะเป็นอย่างไร ตอนจบจะเป็นอย่างไรและจะหาทางออกได้หรือไม่ แต่ผมเชื่อว่ามันต้องมีทางออก ไม่อย่างนั้นมนุษย์ก็จะฆ่ากันเองหรือฆ่าตัวตายกันไปหมดแล้ว โจทย์นี้เป็นโจทย์ที่ประเทศไทยต้องเผชิญคือเสถียรภาพของชีวิตที่ต้องอาศัยอยู่ในสภาวะแวดล้อมในปัจจุบัน ไม่ใช่เฉพาะเสถียรภาพทางการเมืองเท่านั้นที่จะเผชิญ แต่คนที่จะเป็นตัวประสานในการแก้ปัญหากรณีมาบตาพุดคือรัฐบาลที่จะต้องดูแลให้บ้านเมืองมีทางออกและนำไปสู่ความสงบสุขให้ได้” นายบัณฑูรกล่าว
หาแนวทางพัฒนา ปท.ระยะยาว
ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองของไทยที่ยังคงมีปัญหาอยู่ในปัจจุบันนั้น เชื่อว่าส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นกับทุกฝ่ายอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนต่างประเทศหรือประชาชนคนไทยด้วยกันเอง เนื่องจากประเทศไม่มีการพัฒนาไปข้างหน้าเลย เจอแต่ปัญหาต่างๆทำให้ต้องมีการหยุดหรือชะลอในโครงการลงทุนที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าเป็นต้นทุนค่าเสียโอกาสในการที่จะทำให้ประเทศเดินต่อไปในอนาคตได้ รวมถึงปัญหาเรื่องการทุจริตที่เกิดขึ้นในกรณีไทยเข้มแข็งที่เกี่ยวกับการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ว่า รัฐบาลควรเอาจริงเอาจัง รีบแก้ไขปัญหาเพื่อสร้างความเชื่อมั่น เพราะเงินที่นำมาบริหารประเทศเป็นเงินที่หายาก และเป็นเงินภาษีของประชาชน จะบอกว่าการทุจริตไม่มีใบเสร็จไม่ได้ เรื่องการทุจริตเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย เมื่อมีกลิ่นก็ต้องรีบกลบเรื่องนื้ต้องทำอย่างไรเพื่อให้คนเกิดความเชื่อใจ
“ทุกวันนี้ประเทศไทยของเรามีแต่การย่ำอยู่กับที่ ไม่มีการพัฒนาไปข้างหน้าเลย สิ่งนั้นก็ทำไม่ได้สิ่งนี้ก็ทำไม่ได้ มีแต่เรื่องติดขัดทุกอย่าง เราฟ้องร้องกันทุกวันจนไม่สามารถกระดิกตัวไปทางไหนไม่ได้เลย ดังนั้น จึงอยากให้การเมืองในปัจจุบันมีกฏกติกาที่ชัดเจน ระบุออกมาเลยว่าบ้านเมืองปกครองอย่างไร มีโครงสร้างพื้นฐานอะไรบ้าง เพราะวันนี้บ้านเมืองเราไม่มีการพัฒนาเทียบเท่ากับประเทศอื่นได้เลย ทุกวันนี้มีแต่ข่าวขัดแย้งกันเพราะตื่นเช้าขึ้นมาก็จะเจอแต่การเสนอข่าวเกี่ยวการฟ้องร้องกันทุกวัน ฟ้องเรื่องนั้น เรื่องนี้ คนที่ไม่ได้ตำแหน่งก้ไปฟ้องร้องกับศาล คนที่ต้องโดนเกษียณอายุราชก่อนเวลาก็ไปฟ้องศาล มีการตรวจพบว่าเกิดการทุจริตในหน่วยงานราชการก็มีการฟ้องร้อง จนบางทีศาลเองก็งงว่าทำไมถึงมีคดีเต็มไปหมด ซึ่งรู้สึกว่าเราเป็นประเทศเดียวที่มีแต่ข่าวแบบนี้” นายบัณฑูร กล่าว
นายบัณฑูรกล่าวอีกว่า ไม่มีใครรู้ว่าวิธีการออกจากพันธนาการดังกล่าวคืออะไร ดังนั้น ทุกอย่างจะอยู่ที่ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองว่าจะหาทางออกจากปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้อย่างไร ซึ่งสิ่งที่พูดนี้เป็นการพูดในภาพรวมไม่เฉพาะแต่เรื่องปัญหามาบตาพุดเท่านั้น เพราะถึงแม้หลายฝ่ายจะบอกว่าเศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวแล้วนั้น ก็ถูกต้องที่แล้วที่จะกล่าวแบบนั้น แต่ผมมองว่าการฟื้นตัวเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันจะเป็นแบบช้าๆจากโครงสร้างเดิมที่มีอยู่แล้วโดยมาจากฝีมือของคนค้าขายและฟื้นตัวโดยสภาพเศรษฐกิจของโลก ไม่ได้มีหาแนวทางการพัฒนาในระยะยาวเลย
สำหรับเรื่องค่าเงินบาทของไทยที่มีการปรับตัวแข็งค่าขึ้นนั้นก็เป็นผลสืบเนื่องมากจากการที่ค่าเงินดอลลาร์ของสหรัฐมีการอ่อนค่าลงส่งผลให้ค่าเงินทุกสกุลในภูมิภาคเอเชียมีการปรับตัวแข็งค่าขึ้นรวมถึงประเทศไทยด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ในฝั่งผู้ส่งออกสินค้าก็จะสามารถแข่งขันได้ถึงแม้ว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าก็ตาม.