xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลปรับแผนดับไฟใต้ยกเว้นโทษคนเข้ามอบตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (13 ต.ค.) ว่า ที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติการต่ออายุการใช้พ.ร.ก. บริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่ออีก 3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.ถึงเดือนม.ค. โดยรับทราบว่าได้มีการรปรับปรุงเรื่องความโปร่งใสในขั้นตอนการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯและกฎอัยการศึก เวลาที่มีการเชิญตัวหรือเรียกตัวผู้ต้องสงสัยจะจัดให้มีการระบบของการบันทึกอย่างชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับใคร เจ้าหน้าที่คนใดเป็นผู้ใช้อำนาจ เพื่อประโยชน์ในการลดผลกระทบในทางลบ หรือข้อครหาว่าผลกระทบที่เกิดจากการใช้กฎหมายลักษณะนี้เป็นอย่างไร
นอกจากนี้ ครม.ได้อนุมัติให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการเข้ามาดูแล เรื่องปัญหาการร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้อำนาจตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งระบบการร้องเรียนเดิมมีอยู่แต่กระจัดกระจายจึงให้มีคณะกรรมการ อำนวยการในส่วนกลางเพื่อติดตามเรื่องนึ้ในภาพรวม โดยมอบหมายให้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯและนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ร่วมดูแลเรื่องนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ครม.ยังเห็นชอบหลักการให้ยกเลิกประกาศกฎอัยการศึก ใน 4 อำเภอ คือ อ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา และนำ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯเข้าไปใช้แทน โดยจะให้ดำเนินการก่อนสิ้นเดือนพ.ย. เพื่อเป็นจุดเริ่มต้น ในการลดการใช้อำนาจพิเศษในแง่ของความเข้มข้นลงมาจากกฎอัยการศึกมาเป็น พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯ ใน 4 อำเภอ หากใน 4 อำเภอนี้มีแนวโน้ม ที่จะปฏิบัติได้ดีวันข้างจะสามารถพิจารณานำมาทดแทนกฎอัยการศึกหรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่ 3 จังหวัดต่อไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเหตุผลที่มีการตั้งคณะกรรมการอำนวยการในส่วนกลาง เข้ามาดูแลการร้องเรียนปัญหาการใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อแก้ข้อครหาในการใช้ กฎหมายควาามมั่นคงเข้าไปปิดล้อม สะกัดกั้นผู้ก่อเหตุว่ามีการละเมิดสิทธิ หรือใช้กฎหมายเกินขอบเขต เพราะก่อนหน้านี้แม้มีการรับเรื่องร้อนเรียนแต่ก็เป็นในลักษณะกระจัดกระจายไม่รวมอยู่ในหน่วยงานเดียวกัน เลยต้องการให้มีคณะกรรมการตรงนี้ขึ้นมาอีกระดับเพื่อสร้างความมั่นให้กับกระบวนการร้องเรียนมากขึ้น หากใครได้รับผลกระทบยื่นร้องต่อคณะกรรมการโดยตรงนี้ได้ คณะกรรมการจะติดตามเรื่องร้องเรียนในพื้นที่ได้รับการดูแลอย่างแท้จริง
ส่วนหากตรวจสอบพบมีการละเมิดจริง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องว่าไปตามกระวนการเรื่องวินัยหรือเรื่องกฎหมาย แต่ตรงนี้ตองการให้การร้องเรียนที่ประชาชนไม่มั่นใจสามารถนำข้อมูลมาได้มากขึ้น มีหลักประกัน หน่วยงานระดับล่างไม่เพิกเฉย จะมีตัวคณะกรรมการชุดนี้ไปติดตาม และรายงานที่ประชุม ครม.ต่อไป
ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว ว่า ส่วนการยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา นั้น เนื่องจากเห็นว่า สถานการณ์ในพื้นที่ ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเริ่มมีเสถียรภาพ โดยจะนำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อยกเลิก การประกาศใช้กฎอัยการศึกต่อไป ทั้งนี้ การใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯ ในพื้นที่ 4 อำเภอ จ.สงขลา จะมีการนำกระบวนการเยียวยามาใช้ โดยเฉพาะการให้ผู้ต้องสงสัยว่ากระทำผิดต่อความมั่นคงด้วยความหลงผิดมามอบตัวต่อทางการด้วยความสมัครใจ โดยได้รับความเห็นชอบจากศาล เพื่อเข้าร่วมโครงการพัฒนาประเทศ เหมือนที่เคยใช้มาแล้วกับผู้ต้องหาคดียาเสพติดและผู้เข้าร่วมพัฒนาชาติไทย
สมช.และ กอ.รมน. เชื่อว่าเรื่องนี้จะมิติใหม่ในการแก้ปัญหาภาคใต้ โดยเฉพาะการนำคนหัวรุนแรงมาปรับแนวคิด คาดว่าปัญหาความรุนแรงจะคลี่คลายลง โดยเป้าหมาย สมช.คือ การยกเลิกกฎอัยการศึกในทุกจังหวัดชายแดนภาคใต้ การยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯ แทน เบื้องต้นจะประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯในพื้นที่ 4 อำเภอ จ.สงขลา นำร่องก่อน 1 ปี ก่อนที่จะประกาศใช้ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งหมด
ด้านนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า การให้ผู้หลงผิดหรือกระทำผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เข้ามามอบตัวต่อทางการนั้น จะเป็นไปตามเงื่อนไขของทางราชการ และจะมีการยกเว้นโทษให้ตามเงื่อนไข ที่ราชการกำหนด โดย กอ.รมน. และ สมช. จะหารือเรื่องวิธีการกันต่อไป ซึ่งจะสิ้นสุดการรายงานตัวภายในวันที่ 30 พ.ย.นี้
สำหรับความเคลื่อนไหวในพื้นที่ วันเดียวกัน กองกำลัง 3 ฝ่ายทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองกว่า 300 นายได้วางกำลังคุมเข้มในพื้นที่บ้านดาโต๊ะ ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากในวันนี้ (14 ต.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และคณะ จะเดินทางลงพื้นที่เพื่อพบปะเยี่ยมเยียนกลุ่มสภาตำบลสันติสุข และจะร่วมหารือกับทุกหน่วยงานในพื้นที่ซึ่งถือเป็นพื้นที่สีแดง โดยจะมีแกนนำประชาชนร่วมกันหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมไปถึงรับทราบปัญหาต่างๆ และการลงมาครั้งนี้เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานและประชาชนในพื้นที่
การวางกำลังรักษาความปลอดภัยครั้งนี้ พล.ต.จีระศักดิ์ ชมประสพ ผบ.ฉก.ปัตตานี เดินทางมาอำนวยการวางกำลังร่วม 3 ฝ่ายด้วยตัวเอง โดยได้กำชับให้กองกำลังร่วม 3 ฝ่ายให้มีความรัดกุมในการลาดตระเวนดูแลความปลอดภัยทั้งเส้นทางไปและกลับ และได้วางกำลังชุดซุ่มอยู่ข้างทาง
ขณะที่พื้นที่เป้าหมายที่คณะจะลงพื้นที่ได้จัดวางกำลังคุมเข้มรอบๆ สถานที่อย่างเข้มงวดที่สุด นอกจากนี้กำลังทางอากาศโดยใช้เฮลิปคอปเตอร์จะบินตรวจพื้นที่เพื่อตรวจสอบสิ่งผิดปกติและบุคคลต้องสงสัยมีพิรุธ อย่างไรก็ตาม การรักษาความปลอดภัยครั้งนี้ สืบเนื่องจากหน่วยข่าวด้านความมั่นคงออกมาระบุว่า กลุ่มก่อความไม่สงบได้เคลื่อนไหวเพื่อที่จะก่อเหตุในพื้นที่ในช่วงวันที่ 12-15 ต.ค.นี้เนื่องจากเป็นวันสถาปนาขบวนการพูโลใหม่
ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ วานนี้ (13 ต.ค.) เกิดเหตุวางเพลิงบ้านพักครูโรงเรียนบ้านตรัง ม.2 บ้านตรัง ต.ตรัง อ.มายอ จ.ปัตตานี ได้รับความเสียหาย 2 หลัง
ขณะเดียวกัน เกิดเหตุลอบวางระเบิดบริเวณจุดตรวจทหารสังกัด ร้อย ร.2023 ฉก.นราธิวาส 35 ทางเข้าวัดเขาเข็มทอง ถนนสายแว้ง-สุไหงโก-ลก เขตเทศบาลตำบลแว้ง ช่วงเวลา 07.20 น.วานนี้ (13 ต.ค.) พบรถกระบะ 4 ประตู สีบรอนซ์ ทะเบียน กค 1569 นราธิวาส ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหาย รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่สองสามีภรรยาได้รับบาดเจ็บ คือ จ.อ.สุรชัย เกลียดสูงเนิน อายุ 25 ปี และ ส.ต.หญิง อภิรดี มะเก๊ะ อายุ 21 ปี สังกัดหน่วยพัฒนาเคลื่อนที่ 41 สำนักงานภูมิภาค 4 หน่วยทหารพัฒนา ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจดังกล่าว ถูกนำส่งรักษาโรงพยาบาลแว้งก่อนจะส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก
โดยก่อนเกิดเหตุ จ.อ.สุรชัย ขับรถยนต์ออกจากบ้านพักมาพร้อมกับ ส.ต.หญิง อภิรดี เพื่อไปทำงานตามปกติ ซึ่งผู้ก่อเหตุลอบนำระเบิดแสวงเครื่องประกอบใส่ไว้ใน กล่องเหล็ก น้ำหนัก 5 กก. ผูกไว้ใต้ท้องรถอยู่ก่อนแล้ว เมื่อ จ.อ.สุรชัย ขับรถยนต์ถึงบริเวณจุดตรวจทหารหน้าวัดเขาเข็มทอง ผู้ก่อเหตุจึงจุดชนวนระเบิดด้วยสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเจ้าหน้าที่เก็บชิ้นส่วนระเบิดที่กระจัดกระจายไว้เป็นหลักฐาน
กำลังโหลดความคิดเห็น