"จิ๋ว"ยอมรับโซ่เป็นสนิมไม่สามารถเป็นข้อกลางสมานสามัคคีได้เลยตัดสินใจมาอยู่อีกฝ่ายที่เป็นคู่ขัดแย้ง พ้อขนาดจะขอเข้าพบ "ป๋าเปรม" เพื่อขออโหสิกรรมก่อนบวชยังไม่ได้พบ บอกการประสานความขัดแย้ง "เฉลิม-วิทยา"จะทำเท่าที่จะทำได้ ด้าน "เป็ดเหลิม" อ้างเฉยไม่ได้ขัดแย้งแค่ความเห็นไม่ตรงกัน พร้อมนั่งประธาน ส.ส.พรรคต่อ หลังประกาศลาออก ส่วน"เทพไท" เย้ย "เฉลิม" แค่เด็กขาดความอบอุ่นอยากให้คนรอบข้างให้ความสนใจ
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่าจะเป็นห้วหน้าพรรคเพื่อไทยในอนาคตว่า บ่ใจ้ แค่เป็นสมาชิกพรรค แต่ทุกคนก็มีหน้าที่ ที่ต้องดูแลประชาชนอยู่แล้ว สำหรับบทบาทการทำหน้าที่โซ่ข้อกลางในการสร้างความ สมานฉันท์นั้นสื่อมวลชนเป็นคนบอกเองว่าโซ่สนิมขึ้นหมดแล้ว และโซ่ข้อกลางนั้นต้องมีความแข็งแรงมาก เหมือนกับองค์การสหประชาชาติที่มีความเป็นกลาง ใหญ่โตมโหฬาร มีเรี่ยวมีแรงเยอะ ตนเป็นคนเสนอเรื่องโซ่ข้อกลางเพื่อเป็นทางออก ขึ้นมาเอง แต่ทำไม่ไหวจริงๆ ก็เลยต้องเลือกวิธีมาอยู่กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดของคู่ขัดแย้งเพื่อทำให้เกิดการกระทำที่เป็นประโยชน์กับประชาชนซึ่งน่าจะเป็นทางออก ที่ดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าพล.อ.ชวลิตมีบทบาทในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ระหว่างพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ที่บ้านสีเสาเทเวศน์ ตนยังไม่มีโอกาสเข้าไปกราบท่านเลย จะไปขออโหสิกรรมเมื่อครั้งที่ตนบวชก็ยังไม่ให้เข้าเลย ซึ่งอาจจะเข้าใจผิดกันในบางเรื่อง แต่ก็ต้องเข้าใจท่าน ท่านเป็นผู้ใหญ่เราเป็นเด็กสังคมไทยต้องให้ความเคารพ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ขนาดคนเอาปืนมาจะยิงกันตายยังคุยกันได้นี่ก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้น แต่อาจจะต้องใช้เวลามากบ้างน้อยบ้าง และเมื่อวันนี้จำเป็นต้องไปกราบไปพบท่าน ก็ต้องไป ให้ความรักความเคารพท่านเหมือนเดิม
ส่วนการช่วยประสานในปัญหาความขัดแย้งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยกับนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้านนั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ก็ทำได้เท่าที่ทำ ทั้งคู่ก็ปรารถนาดีต่อส่วนรวม เมื่อได้เจอร.ต.อ.เฉลิมก็ได้บอกไปว่าขอโทษแทนอีกฝ่ายด้วย และเมื่อได้เจอกับ นายวิทยาก็บอกไปว่าขอโทษแทนร.ต.อ.เฉลิมด้วย ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายล้วนมีเจตนารมย์ ที่ต้องการทำเพื่อส่วนรวมเพื่อพรรค วันนี้ก็จบแล้ว เป็นเรื่องเล็กๆไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันที่ 21 ต.ค. พล.อ.ชวลิตมีกำหนดการที่จะเดินทางไปประเทศกัมพูชา เพื่อพบกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชาด้วย โดยจะเดินทางแบบเช้าไปเย็นกลับ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แสดงอาการปากแข็ง ปฏิเสธไม่มีความขัดแย้งกับนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้านในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่าในทางการเมือง ความเห็นไม่ตรงกันได้แต่ไม่เคยขัดแย้ง ตนกับนายวิทยาชอบพอกันมานาน นายวิทยาดูแลตนมาตลอด 8 ปี เอากุ้ง หอย ปู ปลา มาให้ตลอด เราไม่มีอะไรกันเลย ไม่เคยทะเลาะกัน ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมา แสดงความเห็นนั้นมันเป็นเรื่องอะไรของคุณ เป็นเรื่องของพรรคเรา
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า สำหรับตำแหน่งประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ตนประกาศลาออกนั้น เมื่อนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ ส.ส.ในพรรค ไม่ให้ตนลาออกก็พร้อมกลับมาทำหน้าทีอีกครั้ง ส่วนที่มีการวิเคราะห์กันว่า สาเหตุที่ตนลาออกไป เพราะพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เข้ามาสังกัดพรรคนั้นก็ไม่เกี่ยวกัน อย่างไรก็ตาม รู้สึกดีใจที่ได้ยื่นใบลาออก เพราะสวนดุสิตโพลล์ทำผลสำรวจคนกทม.และปริมณฑลกว่า 2,000 คนบอกว่า หากตนลาออกจะส่งผลกระทบต่อพรรคถึง 95.4 % รู้สึกดีใจจนจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ส่วนส.ส.อีสาน1คน กทม.2คน ในพรรคเพื่อไทย และส.ส.ต่างพรรคที่ชอบออกมาให้สัมภาษณ์ปรามาสคนกรุงเทพฯ ไม่เอาตนนั้น อยากให้รอดูการเลือกตั้งครั้งหน้ารับรองกทม.และอีสานกวาดเรียบ
ส่วนแนวทางของพรรคเพื่อไทยต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไรนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ขอพูด ให้พรรคมีมติออกมาจะดีกว่า ส่วนหากนายวิทยายังยืนยันในการเข้าร่วมกับวิป 3 ฝ่ายก็แล้วแต่พรรค ไม่อยากพูด แต่ไม่ได้ขัดแย้งกัน เป็นเรื่องของความคิดเท่านั้นที่ไม่ตรงกัน เราไม่มีสิทธิแตกแยก ทะเลาะกัน เพราะไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์
ด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ ร.ต.อ.เฉลิม ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย แล้วกลับลำมารับตำแหน่งใหม่ เป็นเรื่องปกติที่ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นประเภทโลเลทางการเมือง มาตลอด การลาอาอกจาก ประธาน ส.ส. ก็เป็นเรื่องของคนแก่ที่ติดนิสัยชอบเรียกร้องความสนใจ อยากให้คนในพรรคให้ความสำคัญ ซึ่งทำตัวเหมือนเด็กขาดความอบอุ่นต้องการให้คนรอบข้างเอาอกเอาใจ การที่บอกกับสังคมก่อนหน้านี้ว่า สาเหตุที่ลาออกเพราะต้องการไปทำงานอื่นนั้น ก็แสดงชัดเจนแล้วว่า เป็นการโกหกต่อสังคม ทั้งที่ข้อเท็จจริงเกิดจากความขัดแย้งภายในพรรค จนปกปิดไม่ได้ และไม่น่าเชื่อว่าเรื่องเพียงแค่นี้จะต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร วีดีโอลิ้งค์มาหย่าศึกด้วยตัวเอง เพราะเมื่อเป็นเช่นนี้บทบาทของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ตั้งใจจะให้เข้าไปรับตำแหน่งสำคัญในพรรคเพื่อไทยและในฐานะโซ่ข้อกลางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ที่ให้คนไกลจากดูไบออกหน้ามาแสดงอำนาจของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริงเสียงจริง โดยไม่ให้เกียรติการทำหน้าที่ของพล.อ.ชวลิต ที่ตั้งใจจะให้เป็นนอมินีต้องเสียรางวัด ซึ่งอาจต้องเปลี่ยนฉายาใหม่จาก จิ๋วหวานเจี๊ยบ มาเป็น “จิ๋วจอดไม่ต้องแจว
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่าจะเป็นห้วหน้าพรรคเพื่อไทยในอนาคตว่า บ่ใจ้ แค่เป็นสมาชิกพรรค แต่ทุกคนก็มีหน้าที่ ที่ต้องดูแลประชาชนอยู่แล้ว สำหรับบทบาทการทำหน้าที่โซ่ข้อกลางในการสร้างความ สมานฉันท์นั้นสื่อมวลชนเป็นคนบอกเองว่าโซ่สนิมขึ้นหมดแล้ว และโซ่ข้อกลางนั้นต้องมีความแข็งแรงมาก เหมือนกับองค์การสหประชาชาติที่มีความเป็นกลาง ใหญ่โตมโหฬาร มีเรี่ยวมีแรงเยอะ ตนเป็นคนเสนอเรื่องโซ่ข้อกลางเพื่อเป็นทางออก ขึ้นมาเอง แต่ทำไม่ไหวจริงๆ ก็เลยต้องเลือกวิธีมาอยู่กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดของคู่ขัดแย้งเพื่อทำให้เกิดการกระทำที่เป็นประโยชน์กับประชาชนซึ่งน่าจะเป็นทางออก ที่ดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าพล.อ.ชวลิตมีบทบาทในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ระหว่างพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ที่บ้านสีเสาเทเวศน์ ตนยังไม่มีโอกาสเข้าไปกราบท่านเลย จะไปขออโหสิกรรมเมื่อครั้งที่ตนบวชก็ยังไม่ให้เข้าเลย ซึ่งอาจจะเข้าใจผิดกันในบางเรื่อง แต่ก็ต้องเข้าใจท่าน ท่านเป็นผู้ใหญ่เราเป็นเด็กสังคมไทยต้องให้ความเคารพ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ขนาดคนเอาปืนมาจะยิงกันตายยังคุยกันได้นี่ก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้น แต่อาจจะต้องใช้เวลามากบ้างน้อยบ้าง และเมื่อวันนี้จำเป็นต้องไปกราบไปพบท่าน ก็ต้องไป ให้ความรักความเคารพท่านเหมือนเดิม
ส่วนการช่วยประสานในปัญหาความขัดแย้งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยกับนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้านนั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ก็ทำได้เท่าที่ทำ ทั้งคู่ก็ปรารถนาดีต่อส่วนรวม เมื่อได้เจอร.ต.อ.เฉลิมก็ได้บอกไปว่าขอโทษแทนอีกฝ่ายด้วย และเมื่อได้เจอกับ นายวิทยาก็บอกไปว่าขอโทษแทนร.ต.อ.เฉลิมด้วย ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายล้วนมีเจตนารมย์ ที่ต้องการทำเพื่อส่วนรวมเพื่อพรรค วันนี้ก็จบแล้ว เป็นเรื่องเล็กๆไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันที่ 21 ต.ค. พล.อ.ชวลิตมีกำหนดการที่จะเดินทางไปประเทศกัมพูชา เพื่อพบกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชาด้วย โดยจะเดินทางแบบเช้าไปเย็นกลับ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แสดงอาการปากแข็ง ปฏิเสธไม่มีความขัดแย้งกับนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้านในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่าในทางการเมือง ความเห็นไม่ตรงกันได้แต่ไม่เคยขัดแย้ง ตนกับนายวิทยาชอบพอกันมานาน นายวิทยาดูแลตนมาตลอด 8 ปี เอากุ้ง หอย ปู ปลา มาให้ตลอด เราไม่มีอะไรกันเลย ไม่เคยทะเลาะกัน ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมา แสดงความเห็นนั้นมันเป็นเรื่องอะไรของคุณ เป็นเรื่องของพรรคเรา
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า สำหรับตำแหน่งประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ตนประกาศลาออกนั้น เมื่อนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ ส.ส.ในพรรค ไม่ให้ตนลาออกก็พร้อมกลับมาทำหน้าทีอีกครั้ง ส่วนที่มีการวิเคราะห์กันว่า สาเหตุที่ตนลาออกไป เพราะพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เข้ามาสังกัดพรรคนั้นก็ไม่เกี่ยวกัน อย่างไรก็ตาม รู้สึกดีใจที่ได้ยื่นใบลาออก เพราะสวนดุสิตโพลล์ทำผลสำรวจคนกทม.และปริมณฑลกว่า 2,000 คนบอกว่า หากตนลาออกจะส่งผลกระทบต่อพรรคถึง 95.4 % รู้สึกดีใจจนจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ส่วนส.ส.อีสาน1คน กทม.2คน ในพรรคเพื่อไทย และส.ส.ต่างพรรคที่ชอบออกมาให้สัมภาษณ์ปรามาสคนกรุงเทพฯ ไม่เอาตนนั้น อยากให้รอดูการเลือกตั้งครั้งหน้ารับรองกทม.และอีสานกวาดเรียบ
ส่วนแนวทางของพรรคเพื่อไทยต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไรนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ขอพูด ให้พรรคมีมติออกมาจะดีกว่า ส่วนหากนายวิทยายังยืนยันในการเข้าร่วมกับวิป 3 ฝ่ายก็แล้วแต่พรรค ไม่อยากพูด แต่ไม่ได้ขัดแย้งกัน เป็นเรื่องของความคิดเท่านั้นที่ไม่ตรงกัน เราไม่มีสิทธิแตกแยก ทะเลาะกัน เพราะไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์
ด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ ร.ต.อ.เฉลิม ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย แล้วกลับลำมารับตำแหน่งใหม่ เป็นเรื่องปกติที่ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นประเภทโลเลทางการเมือง มาตลอด การลาอาอกจาก ประธาน ส.ส. ก็เป็นเรื่องของคนแก่ที่ติดนิสัยชอบเรียกร้องความสนใจ อยากให้คนในพรรคให้ความสำคัญ ซึ่งทำตัวเหมือนเด็กขาดความอบอุ่นต้องการให้คนรอบข้างเอาอกเอาใจ การที่บอกกับสังคมก่อนหน้านี้ว่า สาเหตุที่ลาออกเพราะต้องการไปทำงานอื่นนั้น ก็แสดงชัดเจนแล้วว่า เป็นการโกหกต่อสังคม ทั้งที่ข้อเท็จจริงเกิดจากความขัดแย้งภายในพรรค จนปกปิดไม่ได้ และไม่น่าเชื่อว่าเรื่องเพียงแค่นี้จะต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร วีดีโอลิ้งค์มาหย่าศึกด้วยตัวเอง เพราะเมื่อเป็นเช่นนี้บทบาทของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ตั้งใจจะให้เข้าไปรับตำแหน่งสำคัญในพรรคเพื่อไทยและในฐานะโซ่ข้อกลางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ที่ให้คนไกลจากดูไบออกหน้ามาแสดงอำนาจของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริงเสียงจริง โดยไม่ให้เกียรติการทำหน้าที่ของพล.อ.ชวลิต ที่ตั้งใจจะให้เป็นนอมินีต้องเสียรางวัด ซึ่งอาจต้องเปลี่ยนฉายาใหม่จาก จิ๋วหวานเจี๊ยบ มาเป็น “จิ๋วจอดไม่ต้องแจว
