นายอภภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ประกาศไม่รับแนวทางการทำประชามติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน เพราะตนยังพบกับสมาชิกฝ่ายค้านหลายคนในช่วงที่มีการประชุมสภาฯ ก็ยังไม่ได้มีความชัดเจนอย่างนั้น และเป็นสิทธิ์ของรัฐบาลอยู่แล้วในการจัดทำประชามติ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเองก็ยอมรับ อยู่ที่กรอบเวลาเท่านั้น ล่าสุดเนื่องจากต้องมีการยกร่าง ถึงแม้จะทำประชามติ ก็ต้องยกร่างแก้ไข เพื่อให้ประชาชนเห็น เขาขอเวลาไปถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ระหว่างนี้ยังพอมีเวลาที่จะทำความเข้าใจในขั้นตอนได้อีกที
ผู้สื่อข่าวถามว่าสรุปแล้วพรรคเพื่อไทย ใครจะมีอำนาจตัดสินใจสูงสุดแล้วมาคุยให้จบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อันนี้เป็นปัญหาภายในของเขา ตนไม่ก้าวล่วง และเราต้องยึดถือระบบของวิป เพราะถือว่าเขาเป็นตัวแทนที่มาประสานงานกับวุฒิสภา แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องเสียแตกภายในพรรคเพื่อไทย ก็ต้องดูต่อไป ว่าเขาจะไปบริหารจัดการอย่างไร เมื่อถามว่า หากฝ่ายค้านยืนกรานไม่เอาประชามติ หากจะทำต้องมีการเปรียบข้อดี ข้อเสีย ของรัฐธรรมนูญปี 40 และปี 50 เท่านั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่หรอก คือมันตกลงกันไปแล้ว ไม่งั้นถ้าจะมาเริ่มปี 40 หรือปี 50 จะไปยาว กลายเป็นว่าเป็นการไปถ่วงเวลาเสียอีก เพราะทั้งปี 40 และปี 50 มีข้อบกพร่อง ทุกคนก็ยอมรับอยู่แล้ว ทำไมแทนที่เราจะเอาสิ่งที่ดีที่สุด เป็นไปได้ เป็นที่ยอมรับ แล้วกลับไปเอาสิ่งที่เรารู้อยู่แล้วว่ามีข้อบกพร่องทั้ง 40 และ 50 ตนมองไม่เห็นเหตุผล
เมื่อถามว่า ตอนนี้มีความเป็นไปได้ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากน้อยแค่ไหน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ก็เดินหน้าทำงานต่อ เพราะทางวิป และทางรัฐบาลก็ขอให้ประธานสภา ตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพื่อยกร่าง และวิป 3 ฝ่ายก็จะคุยกันต่อ
เมื่อถามว่าในส่วนภาคประชาชนโดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เตรียมเคลื่อนไหวคัดค้าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนจะพยายามทำความเข้าใจกับทุกกลุ่ม ว่าข้อยุติขณะนี้จะไปจบอยู่ที่ประชาชน ประชาชนจะเป็นคนตัดสิน ฉะนั้นเราก็น่าจะเคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลพยายามซื้อเวลา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากฝ่ายค้านไม่เปลี่ยนใจ มันก็เร็วกว่านี้ ตอนนี้ที่ช้าเพราะฝ่ายค้าน ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาลเลย "ยังมองไม่เห็นว่าไปซื้อเวลาตรงไหน มีแต่ผมเป็นฝ่ายเร่งรัดให้มีความชัดเจนและก็ทำอยู่" นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่า หากฝ่ายค้านไม่เอาด้วย เสียงรัฐบาลและเสียงสมาชิกวุฒิสภา จะเพียงพอหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากมีความเห็นไม่ตรงกัน ไม่สอดคล้องกัน ไม่ชัดเจน ก็ไม่ต้องดำเนินการหรอก เพราะที่ดำเนินการทั้งหมด เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ถ้าเดินแล้วขัดแย้ง ก็ไม่
"ผมก็คิดว่าหาเหตุผลยากที่จะเดินหน้าต่อ ถ้าหากฝ่ายพันธมิตรฯคัดค้าน ฝ่ายค้าน คัดค้าน จะไปทำทำไม่ล่ะครับ" นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าสรุปแล้วพรรคเพื่อไทย ใครจะมีอำนาจตัดสินใจสูงสุดแล้วมาคุยให้จบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อันนี้เป็นปัญหาภายในของเขา ตนไม่ก้าวล่วง และเราต้องยึดถือระบบของวิป เพราะถือว่าเขาเป็นตัวแทนที่มาประสานงานกับวุฒิสภา แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องเสียแตกภายในพรรคเพื่อไทย ก็ต้องดูต่อไป ว่าเขาจะไปบริหารจัดการอย่างไร เมื่อถามว่า หากฝ่ายค้านยืนกรานไม่เอาประชามติ หากจะทำต้องมีการเปรียบข้อดี ข้อเสีย ของรัฐธรรมนูญปี 40 และปี 50 เท่านั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่หรอก คือมันตกลงกันไปแล้ว ไม่งั้นถ้าจะมาเริ่มปี 40 หรือปี 50 จะไปยาว กลายเป็นว่าเป็นการไปถ่วงเวลาเสียอีก เพราะทั้งปี 40 และปี 50 มีข้อบกพร่อง ทุกคนก็ยอมรับอยู่แล้ว ทำไมแทนที่เราจะเอาสิ่งที่ดีที่สุด เป็นไปได้ เป็นที่ยอมรับ แล้วกลับไปเอาสิ่งที่เรารู้อยู่แล้วว่ามีข้อบกพร่องทั้ง 40 และ 50 ตนมองไม่เห็นเหตุผล
เมื่อถามว่า ตอนนี้มีความเป็นไปได้ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากน้อยแค่ไหน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ก็เดินหน้าทำงานต่อ เพราะทางวิป และทางรัฐบาลก็ขอให้ประธานสภา ตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพื่อยกร่าง และวิป 3 ฝ่ายก็จะคุยกันต่อ
เมื่อถามว่าในส่วนภาคประชาชนโดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เตรียมเคลื่อนไหวคัดค้าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนจะพยายามทำความเข้าใจกับทุกกลุ่ม ว่าข้อยุติขณะนี้จะไปจบอยู่ที่ประชาชน ประชาชนจะเป็นคนตัดสิน ฉะนั้นเราก็น่าจะเคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลพยายามซื้อเวลา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากฝ่ายค้านไม่เปลี่ยนใจ มันก็เร็วกว่านี้ ตอนนี้ที่ช้าเพราะฝ่ายค้าน ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาลเลย "ยังมองไม่เห็นว่าไปซื้อเวลาตรงไหน มีแต่ผมเป็นฝ่ายเร่งรัดให้มีความชัดเจนและก็ทำอยู่" นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่า หากฝ่ายค้านไม่เอาด้วย เสียงรัฐบาลและเสียงสมาชิกวุฒิสภา จะเพียงพอหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากมีความเห็นไม่ตรงกัน ไม่สอดคล้องกัน ไม่ชัดเจน ก็ไม่ต้องดำเนินการหรอก เพราะที่ดำเนินการทั้งหมด เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ถ้าเดินแล้วขัดแย้ง ก็ไม่
"ผมก็คิดว่าหาเหตุผลยากที่จะเดินหน้าต่อ ถ้าหากฝ่ายพันธมิตรฯคัดค้าน ฝ่ายค้าน คัดค้าน จะไปทำทำไม่ล่ะครับ" นายกรัฐมนตรีกล่าว
