ASTVผู้จัดการรายวัน-งามหน้าโครงการประกันราคา ล่าช้าเป็นสัปดาห์ หลังรัฐเพิ่งตื่นประกาศราคาอ้างอิงข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพด สำหรับชดเชยเงินส่วนต่างให้เกษตรกรวันที่ 1-15 ต.ค. ทั้งๆ ที่โครงการเริ่มมาตั้งแต่ 1 ต.ค. ทำเกษตรกรสับสน เผยราคาอ้างอิงงวดแรก รัฐต้องควักกระเป๋าจ่ายอื้อ
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และคณะอนุกรรมการกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง และคณะอนุกรรมการฯ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ได้ประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิงราคาข้าวเปลือก มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ประจำวันที่ 1 ต.ค.2552 แล้วเพื่อใช้ในการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรของรัฐบาล ซึ่งการจ่ายเงินส่วนต่างดังกล่าวจะมีผลระหว่างวันที่ 1-15 ต.ค.นี้เท่านั้น เพราะราคาอ้างอิงจะกำหนดทุกๆ 15 วัน โดยจะประกาศทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน
ทั้งนี้ ราคาอ้างอิงข้าวนาปี ปีการผลิต 2552/53 มีดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 14,986 บาท ขณะที่ราคาประกันที่รัฐบาลกำหนดตันละ 15,300 บาท ต่างกัน 314 บาท ข้าวเปลือกหอมจังหวัด ตันละ 13,899 บาท จากราคาประกันตันละ 14,300 บาท ต่างกัน 401 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 8,806 บาท จากราคาประกันตันละ 10,000 บาท ต่างกัน 1,194 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี ตันละ 9,896 บาท จากราคาประกันตันละ 10,000 บาท ต่างกัน 104 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 7,523 บาท จากราคาประกันตันละ 9,500 บาท ต่างกัน 1,977 บาท มันสำปะหลัง ปีการผลิต 2552/53 หัวมันสำปะหลังสด เชื้อแป้ง 25% กิโลกรัมละ 1.40 บาท จากราคาประกันกิโลกรัมละ 1.70 บาท ต่างกัน 0.30 บาท และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2552/53 ข้าวโพดเมล็ด ความชื้น 14.5% กิโลกรัมละ 5.55 บาท จากราคาประกันกิโลกรัมละ 7.10 บาท ต่างกัน 1.55 บาท
“เกษตรกรผู้ปลูกข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ควรเร่งไปขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรให้เรียบร้อย เพื่อจะได้เงินชดเชยส่วนต่างของการนำผลผลิตไปขายตามโครงการประกันรายได้ของรัฐบาล”นายยรรยงกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการประกันราคาสินค้าเกษตรในวันที่ 1 ต.ค.52 เป็นต้นมา จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีเกษตรกร โดยเฉพาะผู้ปลูกข้าวเข้าร่วมโครงการเลย เพราะรัฐขาดการประชาสัมพันธ์อย่างจริงจัง ทำให้เกษตรกรไม่ทราบวัน เวลาที่แน่นอนในการเริ่มต้นโครงการ รวมถึงรายละเอียดการเข้าร่วมโครงการ แม้จะผ่านการขึ้นทะเบียนเกษตรกรแล้ว นอกจากนี้ราคาอ้างอิงก็เพิ่งจะประกาศในสัปดาห์นี้ ทั้งๆ ที่กระทรวงพาณิชย์ทำเสร็จ และเสนอให้นายกรัฐมนตรีเห็นชอบตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา จึงทำให้เกษตรกรบางส่วนลังเลเข้าร่วม เพราะยังไม่ทราบราคาอ้างอิงที่แน่นอนว่าจะได้รับเงินชดเชยส่วนต่างเท่าไร
อย่างไรก็ตาม วันที่ 9 ต.ค.นี้ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ จะเป็นประธานมอบนโยบายการประกันรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว และมาตรการเสริมเพื่อใช้พยุงราคาข้าว ให้กับกลุ่มเกษตรกร โรงสี และผู้ส่งออก ภายหลังจากเริ่มต้นโครงการประกันราคาข้าวแล้ว
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และคณะอนุกรรมการกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง และคณะอนุกรรมการฯ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ได้ประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิงราคาข้าวเปลือก มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ประจำวันที่ 1 ต.ค.2552 แล้วเพื่อใช้ในการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรของรัฐบาล ซึ่งการจ่ายเงินส่วนต่างดังกล่าวจะมีผลระหว่างวันที่ 1-15 ต.ค.นี้เท่านั้น เพราะราคาอ้างอิงจะกำหนดทุกๆ 15 วัน โดยจะประกาศทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน
ทั้งนี้ ราคาอ้างอิงข้าวนาปี ปีการผลิต 2552/53 มีดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 14,986 บาท ขณะที่ราคาประกันที่รัฐบาลกำหนดตันละ 15,300 บาท ต่างกัน 314 บาท ข้าวเปลือกหอมจังหวัด ตันละ 13,899 บาท จากราคาประกันตันละ 14,300 บาท ต่างกัน 401 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 8,806 บาท จากราคาประกันตันละ 10,000 บาท ต่างกัน 1,194 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี ตันละ 9,896 บาท จากราคาประกันตันละ 10,000 บาท ต่างกัน 104 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 7,523 บาท จากราคาประกันตันละ 9,500 บาท ต่างกัน 1,977 บาท มันสำปะหลัง ปีการผลิต 2552/53 หัวมันสำปะหลังสด เชื้อแป้ง 25% กิโลกรัมละ 1.40 บาท จากราคาประกันกิโลกรัมละ 1.70 บาท ต่างกัน 0.30 บาท และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2552/53 ข้าวโพดเมล็ด ความชื้น 14.5% กิโลกรัมละ 5.55 บาท จากราคาประกันกิโลกรัมละ 7.10 บาท ต่างกัน 1.55 บาท
“เกษตรกรผู้ปลูกข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ควรเร่งไปขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรให้เรียบร้อย เพื่อจะได้เงินชดเชยส่วนต่างของการนำผลผลิตไปขายตามโครงการประกันรายได้ของรัฐบาล”นายยรรยงกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการประกันราคาสินค้าเกษตรในวันที่ 1 ต.ค.52 เป็นต้นมา จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีเกษตรกร โดยเฉพาะผู้ปลูกข้าวเข้าร่วมโครงการเลย เพราะรัฐขาดการประชาสัมพันธ์อย่างจริงจัง ทำให้เกษตรกรไม่ทราบวัน เวลาที่แน่นอนในการเริ่มต้นโครงการ รวมถึงรายละเอียดการเข้าร่วมโครงการ แม้จะผ่านการขึ้นทะเบียนเกษตรกรแล้ว นอกจากนี้ราคาอ้างอิงก็เพิ่งจะประกาศในสัปดาห์นี้ ทั้งๆ ที่กระทรวงพาณิชย์ทำเสร็จ และเสนอให้นายกรัฐมนตรีเห็นชอบตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา จึงทำให้เกษตรกรบางส่วนลังเลเข้าร่วม เพราะยังไม่ทราบราคาอ้างอิงที่แน่นอนว่าจะได้รับเงินชดเชยส่วนต่างเท่าไร
อย่างไรก็ตาม วันที่ 9 ต.ค.นี้ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ จะเป็นประธานมอบนโยบายการประกันรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว และมาตรการเสริมเพื่อใช้พยุงราคาข้าว ให้กับกลุ่มเกษตรกร โรงสี และผู้ส่งออก ภายหลังจากเริ่มต้นโครงการประกันราคาข้าวแล้ว
