ASTV ผู้จัดการรายวัน – " ซีแมช คอร์ปอเรชั่น"เดินเครื่องแต่งตัวเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ไตรมาส 3 ปีหน้า หวังได้เงิน 100-200 ล้าน นำเงินใช้ขยายงาน หวังโตแบบก้าวกระโดด 1-2 เท่าตัวแตะระดับ 850 ล้านบาทในปี 53 ล่าสุด "เค-เอสเอ็มอี" ร่วมลงทุนถือหุ้น15% เพื่อพัฒนาสินค้าและขยายธุรกิจ ผู้บริหารฟุ้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 400 ล้านบาท
วานนี้(7ต.ค.) บริษัท ซีแมช คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ซัพพลายเกี่ยวกับเครื่องพิมพ์คอมพิวเตอร์และแฟกซ์ ได้ลงนามในสัญญาร่วมทุนกับบริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัด ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นายพีรศักดิ์ ทองนรินทร์ ประธานกรรมการบริษัท ซีแมชฯ กล่าวว่า บริษัทดำเนินธุรกิจมานานกว่า 10 ปี และไม่เคยหยุดนิ่งการพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ เพื่อเป้าหมายการเป็นผู้นำอุปกรณ์และอุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับคอมพิวเตอร์ในตลาดไอทีอย่างครบวงจร ทำให้บริษัทจำเป็นต้องหาผู้ร่วมลงทุนที่มีศักยภาพและความพร้อม ซึ่งบริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี ที่บริหารงานโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการเงินร่วมลงทุนข้าวกล้า จำกัด ได้เล็งเห็นในจุดนี้ และให้ความสำคัญต่อการลงทุนในธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก เพื่อขยายธุรกิจให้สามารถแข่งขันอุตสาหกรรมได้ จึงร่วมลงทุนกับบริษัท 19.95 ล้านบาท หรือ15.1% ของหุ้นทั้งหมด
โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการร่วมลงทุนนี้ใช้เป็นทุนหมุนเวียนและพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่ม Computer aaccessories ภายใต้แบรนด์ VOX และผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของต่างประเทศอื่น ๆ รวมทั้งปรับโครงสร้างธุรกิจในการพัฒนาช่องทางการสร้างรายได้แบบยั่งยืนในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทซีแมชฯ มีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ภายในไตรมาส 3 ปีหน้า โดยมีแผนจะยื่นคำของอนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป และแบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหลักทรัพย์ (Filling) แก่สำนัก
งานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เร็ว ๆนี้ เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมมาขยายธุรกิจ
" ปีนี้เราตั้งเป้าจะมีรายได้ทั้งกลุ่มเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% หรือประมาณ 400 ล้านบาท จากปี 51 ซึ่งมีรายได้รวม 322.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 23.9 ล้านบาท ขณะที่ยอดรายได้จากกลุ่ม Computer aaccessories ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายปีนี้ จะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 53 เป็นต้นไป ซึ่งเราได้ตั้งเป้ารายได้ในธุรกิจนี้ไม่น้อยกว่า 350 ล้านบาท และจะทำให้ปี 53 อัตราการเติบโตรายได้ของเราจะก้าวกระโดด 1- 2 เท่าตัวมาอยู่ที่ 850 ล้านบาท " นายพีรศักดิ์ กล่าว
สำหรับอัตราการทำกำไรของบริษัทปีนี้ เชื่อจะอยู่ที่ 10% และจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 53 เป็น 20% ส่วนเงินที่บริษัทมุ่งจะเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จะมีมูลค่าประมาณ 100 – 200 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการขยายธุรกิจ
นางสาวปฐมาพร ไชยกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดเงินร่วมลงทุน ข้าวกล้า จำกัด ในฐานะผู้บริหารจัดการเงินร่วมลงทุน บริษัทร่วมทุน เค – เอสเอ็มอี จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ให้ความสำคัญต่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีศักยภาพ สามารถแข่งขันในธุรกิจได้และมีความต้องการเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจ โดยบริษัทเชื่อว่า ซีแมชฯมีศักยภาพในการเติบโตสูง และมีธุรกิจที่น่าสนใจ จึงสนใจเข้าร่วมลงทุนครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการลงทุนของ K-SME Venture Capital ที่จะเข้าร่วมลงทุนประมาณ 10-50% โดยเชื่อว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนครั้งนี้ในระดับที่น่าพอใจและเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ด้านนายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทโปร แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ ซีแมชฯ กล่าวว่า การร่วมทุนครั้งนี้ถือเป็นประโยชน์ของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งซีแมชฯต้องการนำเงินเพื่อใช้ขยายธุรกิจ รวมถึงสร้างฐานการเงินของบริษัทให้ดูแข็งแกร่ง และผลักดันให้ผลประกอบการแต่ละไตรมาสปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงถือว่าจุดนี้คืออีกก้าวในการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าจดทะเบียนในตลชาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ส่วนกองทุน K-SME เองก็น่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนครั้งนี้
วานนี้(7ต.ค.) บริษัท ซีแมช คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ซัพพลายเกี่ยวกับเครื่องพิมพ์คอมพิวเตอร์และแฟกซ์ ได้ลงนามในสัญญาร่วมทุนกับบริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัด ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นายพีรศักดิ์ ทองนรินทร์ ประธานกรรมการบริษัท ซีแมชฯ กล่าวว่า บริษัทดำเนินธุรกิจมานานกว่า 10 ปี และไม่เคยหยุดนิ่งการพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ เพื่อเป้าหมายการเป็นผู้นำอุปกรณ์และอุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับคอมพิวเตอร์ในตลาดไอทีอย่างครบวงจร ทำให้บริษัทจำเป็นต้องหาผู้ร่วมลงทุนที่มีศักยภาพและความพร้อม ซึ่งบริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี ที่บริหารงานโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการเงินร่วมลงทุนข้าวกล้า จำกัด ได้เล็งเห็นในจุดนี้ และให้ความสำคัญต่อการลงทุนในธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก เพื่อขยายธุรกิจให้สามารถแข่งขันอุตสาหกรรมได้ จึงร่วมลงทุนกับบริษัท 19.95 ล้านบาท หรือ15.1% ของหุ้นทั้งหมด
โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการร่วมลงทุนนี้ใช้เป็นทุนหมุนเวียนและพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่ม Computer aaccessories ภายใต้แบรนด์ VOX และผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของต่างประเทศอื่น ๆ รวมทั้งปรับโครงสร้างธุรกิจในการพัฒนาช่องทางการสร้างรายได้แบบยั่งยืนในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทซีแมชฯ มีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ภายในไตรมาส 3 ปีหน้า โดยมีแผนจะยื่นคำของอนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป และแบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหลักทรัพย์ (Filling) แก่สำนัก
งานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เร็ว ๆนี้ เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมมาขยายธุรกิจ
" ปีนี้เราตั้งเป้าจะมีรายได้ทั้งกลุ่มเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% หรือประมาณ 400 ล้านบาท จากปี 51 ซึ่งมีรายได้รวม 322.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 23.9 ล้านบาท ขณะที่ยอดรายได้จากกลุ่ม Computer aaccessories ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายปีนี้ จะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 53 เป็นต้นไป ซึ่งเราได้ตั้งเป้ารายได้ในธุรกิจนี้ไม่น้อยกว่า 350 ล้านบาท และจะทำให้ปี 53 อัตราการเติบโตรายได้ของเราจะก้าวกระโดด 1- 2 เท่าตัวมาอยู่ที่ 850 ล้านบาท " นายพีรศักดิ์ กล่าว
สำหรับอัตราการทำกำไรของบริษัทปีนี้ เชื่อจะอยู่ที่ 10% และจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 53 เป็น 20% ส่วนเงินที่บริษัทมุ่งจะเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จะมีมูลค่าประมาณ 100 – 200 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการขยายธุรกิจ
นางสาวปฐมาพร ไชยกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดเงินร่วมลงทุน ข้าวกล้า จำกัด ในฐานะผู้บริหารจัดการเงินร่วมลงทุน บริษัทร่วมทุน เค – เอสเอ็มอี จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ให้ความสำคัญต่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีศักยภาพ สามารถแข่งขันในธุรกิจได้และมีความต้องการเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจ โดยบริษัทเชื่อว่า ซีแมชฯมีศักยภาพในการเติบโตสูง และมีธุรกิจที่น่าสนใจ จึงสนใจเข้าร่วมลงทุนครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการลงทุนของ K-SME Venture Capital ที่จะเข้าร่วมลงทุนประมาณ 10-50% โดยเชื่อว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนครั้งนี้ในระดับที่น่าพอใจและเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ด้านนายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทโปร แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ ซีแมชฯ กล่าวว่า การร่วมทุนครั้งนี้ถือเป็นประโยชน์ของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งซีแมชฯต้องการนำเงินเพื่อใช้ขยายธุรกิจ รวมถึงสร้างฐานการเงินของบริษัทให้ดูแข็งแกร่ง และผลักดันให้ผลประกอบการแต่ละไตรมาสปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงถือว่าจุดนี้คืออีกก้าวในการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าจดทะเบียนในตลชาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ส่วนกองทุน K-SME เองก็น่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนครั้งนี้