นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2552 โดยที่ประชุมเร่งให้ขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ทางด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และขับเคลื่อนให้สัดส่วนมูลค่าของเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพิ่มจาก 12 เปอร์เซ็นต์ เป็น 20 เปอร์เซ็นต์ ของจีดีพี ภายในปี 2555
ทั้งนี้ ได้เห็นชอบแนวทางการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยมอบหมายให้สำนักงานก.พ.ร.ร่วมกับฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ นำเสนอเป็น 2 แนวทางคือ
1. การตราเป็นพ.ร.บ.ในการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ ให้เกิดความสมบูรณ์โดยพิจารณาว่า มีหน่วยงานที่สังกัดกระทรวง ทบวง กรม องค์การมหาชน หรือรัฐวิสาหกิจใดที่มีภารกิจโดยตรงเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ก็ให้มารวมอยู่ภายใต้โครงสร้างเดียวกัน ที่เรียกว่า สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ประเทศไทย หรือ Thailand Creative Economy Agency โดยให้นำเสนอที่ประชุมในการประชุมครั้งต่อไป
2.ในการดำเนินการขับเคลื่อน ที่ประชุมให้นำเสนอในการประชุมครั้งต่อไป ว่าจะใช้รูปแบบใดในการที่จะตั้งสำนักงานเพื่อขับเคลื่อนนโยบายได้โดยทันที เช่น กรณีของการตราพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเป็นองค์การมหาชน โดยใช้ส่วนราชการที่มีความพร้อม จะเป็นในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ หรือสำนักนายกรัฐมนตรี และในกรณีของส่วนราชการที่สามารถออกเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีได้ ให้หน่วยงานที่มีความพร้อม ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการ
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติให้คณะกรรมการไทยเข้มแข็ง ได้กันงบประมาณ 1,000 ล้านบาท ที่จะเข้าสู่การประชุมครม.ในวันที่ 13 ต.ค.นี้ ในการสนับสนุนโครงการขับเคลื่อนโครงการส่วนกลาง ของสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ส่วนโครงการของกระทรวง ทบวง กรม ต่าง ๆ ในวงเงินงบประมาณ 21,000 ล้านบาท ที่ประชุมให้นำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งพิจารณา เพื่อนำเสนอคครม.ต่อไป ซึ่งหากว่ามีในส่วนการพิจารณาเงินเพิ่มจากพ.ร.ก. ถ้ามีเงินเพิ่มเหลือพอ ก็ให้จัดสรรในส่วนนี้ แต่ถ้ามีไม่พอ ส่วนที่เหลือก็ไปจัดสรรโดยใช้เงินในส่วนของ พ.ร.บ. 400,000 ล้านบาท
"กิจกรรมในงบประมาณ 1,000 ล้านบาท เป็นงบดำเนินการขับเคลื่อนในระยะปี 2553 จะมีโครงการกิจกรรมหลายเรื่อง ในการขับเคลื่อนระดับ 76 จังหวัด และการขับเคลื่อนในเรื่องการเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาโครงการอีกครั้ง ทั้งนี้ จะไม่ซ้ำซ้อนกับกิจกรรมของโครงการไทยเข้มแข็ง" รมช.พาณิชย์กล่าว
ทั้งนี้ ได้เห็นชอบแนวทางการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยมอบหมายให้สำนักงานก.พ.ร.ร่วมกับฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ นำเสนอเป็น 2 แนวทางคือ
1. การตราเป็นพ.ร.บ.ในการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ ให้เกิดความสมบูรณ์โดยพิจารณาว่า มีหน่วยงานที่สังกัดกระทรวง ทบวง กรม องค์การมหาชน หรือรัฐวิสาหกิจใดที่มีภารกิจโดยตรงเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ก็ให้มารวมอยู่ภายใต้โครงสร้างเดียวกัน ที่เรียกว่า สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ประเทศไทย หรือ Thailand Creative Economy Agency โดยให้นำเสนอที่ประชุมในการประชุมครั้งต่อไป
2.ในการดำเนินการขับเคลื่อน ที่ประชุมให้นำเสนอในการประชุมครั้งต่อไป ว่าจะใช้รูปแบบใดในการที่จะตั้งสำนักงานเพื่อขับเคลื่อนนโยบายได้โดยทันที เช่น กรณีของการตราพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเป็นองค์การมหาชน โดยใช้ส่วนราชการที่มีความพร้อม จะเป็นในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ หรือสำนักนายกรัฐมนตรี และในกรณีของส่วนราชการที่สามารถออกเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีได้ ให้หน่วยงานที่มีความพร้อม ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการ
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติให้คณะกรรมการไทยเข้มแข็ง ได้กันงบประมาณ 1,000 ล้านบาท ที่จะเข้าสู่การประชุมครม.ในวันที่ 13 ต.ค.นี้ ในการสนับสนุนโครงการขับเคลื่อนโครงการส่วนกลาง ของสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ส่วนโครงการของกระทรวง ทบวง กรม ต่าง ๆ ในวงเงินงบประมาณ 21,000 ล้านบาท ที่ประชุมให้นำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งพิจารณา เพื่อนำเสนอคครม.ต่อไป ซึ่งหากว่ามีในส่วนการพิจารณาเงินเพิ่มจากพ.ร.ก. ถ้ามีเงินเพิ่มเหลือพอ ก็ให้จัดสรรในส่วนนี้ แต่ถ้ามีไม่พอ ส่วนที่เหลือก็ไปจัดสรรโดยใช้เงินในส่วนของ พ.ร.บ. 400,000 ล้านบาท
"กิจกรรมในงบประมาณ 1,000 ล้านบาท เป็นงบดำเนินการขับเคลื่อนในระยะปี 2553 จะมีโครงการกิจกรรมหลายเรื่อง ในการขับเคลื่อนระดับ 76 จังหวัด และการขับเคลื่อนในเรื่องการเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาโครงการอีกครั้ง ทั้งนี้ จะไม่ซ้ำซ้อนกับกิจกรรมของโครงการไทยเข้มแข็ง" รมช.พาณิชย์กล่าว