ASTVผู้จัดการรายวัน – แกรนด์สปอร์ตควักกระเป๋าร่วม 10 ล้าน ไล่บี้สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ หลังพบกร่อนรายได้ไปไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาทต่อปี มั่นใจเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาติดลมบน พ้นวิกฤตเศรษฐกิจ เหตุภาครัฐสนับสนุนการกีฬา บวกอานิสงค์การแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ปีหน้า ช่วยผลักดันรายได้ปีนี้สู่ 800 ล้านบาท เติบโต 20%
นายธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม ผู้อำนวยการทั่วไป บริษัท แกรนด์สปอร์ต กรุ๊ป จำกัด กล่าวต่อว่า แกรนด์สปอร์ต ปีนี้ยังคงวางเป้าเติบโตอย่างน้อย 20% หรือมียอดขายที่ 800 ล้านบาทในสิ้นปีได้แน่ แบ่งเป็นเสื้อผ้า 80% อุปกรณ์กีฬา 20% หลังตัวเลข 9 เดือนที่ผ่านมา ทำได้แล้วกว่า 80% ผ่านช่องทางตัวแทนร้านค้าจำหน่าย 60% และโครงการภาครัฐ 40% ทั้งนี้มองว่าช่วงปลายปีเป็นช่วงไฮซีซันการขายสินค้าจะมีส่วนสำคัญในการดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้า
ส่วนยอดขายในต่างประเทศนั้น ตกลงเล็กน้อย หรือมีสัดส่วนที่ 10% ของยอดขายรวมทั้งหมด โดยปัจจุบันมีสินค้าแกรนด์สปอร์ตเข้าไปทำตลาดในบางประเทศ ในลักษณะร่วมกับพาร์ทเนอร์ในประเทศนั้นๆ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ มัลดีฟ เวียดนาม สวีเดน สเปน นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการผลิตสินค้าแบบเอ็กซ์คลูซีฟให้กับสโมสรกีฬาประเภทต่างๆในหลายๆประเทศด้วย โดยเฉพาะประเทศในแถบอาเซียนและตะวันออกกลาง รวมถึงการเข้าร่วมเป็นสปอนเซอร์การแข่งขันกีฬารายการสำคัญๆ
อย่างไรก็ตามปีหน้าเชื่อว่าตลาดเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาจะมีการเติบโตขึ้นเป็นเท่าตัว ในส่วนของแกรนด์สปอร์ต ได้เตรียมความพร้อมรองรับกำลังการผลิตสินค้าเบื้องต้นไว้แล้ว รวมถึงการเข้าเจรจากับทางโรงงานอื่นๆเพิ่มเติมในการเข้าช่วยผลิตสินค้ารองรับความต้องการในปีหน้าอีกส่วนด้วย มั่นใจว่าอย่างน้อยปีหน้าจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% แน่นอน
นางสาวสุชาดา นิมากร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แกรนด์สปอร์ต กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬา แบรนด์ “แกรนด์สปอร์ต” เปิดเผยว่า ตลาดรวมเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาซึ่งยังไม่มีใครสำรวจตัวเลขอย่างแท้จริง แต่เชื่อว่ามีมูลค่าค่อนข้างสูงนั้น มั่นใจว่ายังเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตที่ดีอยู่ โดยสภาพเศรษฐกิจไม่ได้ส่งผลกระทบแต่อย่างไร
ทั้งนี้เนื่องจากมีปัจจัยบวกเข้าช่วยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนเรื่องของการกีฬาและการออกกำลังกายของภาครัฐ รวมไปถึงการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆที่มีอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นสิ่งที่ช่วยให้ตลาดนี้ยังไปได้ดี
สำหรับแกรนด์สปอร์ต ซึ่งเป็นแบรนด์กีฬาสัญชาติไทย ตลอด 40 กว่าปีที่ผ่านมา รวมถึงช่วง 4-5 ปีหลังที่เข้ามารุกตลาดและรีเฟรชแบรนด์ใหม่นั้น มั่นใจว่า แกรนด์สปอร์ต เป็นผู้นำตลาดนี้แน่นอน เพราะมีวางจำหน่ายในร้านขายเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาทั่วประเทศ แบรนด์แกรนด์สปอร์ตถือเป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จักกันดีของคนไทย ส่งผลให้ภาพรวมรายได้ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมานี้ ยังคงมีการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ยอดขายในช่วงไตรมาสแรก ตกลงไปค่อนข้างมาก ส่งผลให้ทางบริษัทได้มีการสืบหาข้อมูล พบว่าเกิดจากการที่มีสินค้าละเมิดลิขสิทธ์ที่เข้ามาแย่งยอดขาย ทั้งจากการขายของพ่อค้าแม่ค้าทั่วไป และที่สำคัญคือ บางส่วนมาจากตัวแทนจำหน่ายมีการนำสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เข้าไปจำหน่ายปะปนกับสินค้าจริงบางส่วนด้วย
จากผลสำรวจ พบว่าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์แย่งยอดขายไปไม่ต่ำกว่า 100-200 ล้านบาทในแต่ละปี โดยเริ่มมีการแย่งยอดขายสูงขึ้นเรื่อยๆทุกปี หลังจากที่แกรนด์สปอร์ตกลับมาบุกตลาดอีกครั้งใน 4-5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหากไม่มีเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์เข้ามา เชื่อว่าต่อปีบริษัทน่าจะเติบโตได้เกิน 20% แน่
ดังนั้นทางบริษัทจึงได้มีการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเบื้องต้นอีก 10 กว่าล้านบาท จากงบการตลาดและสนับสนุนการกีฬาปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ในการนำมาใช้ในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเป็นระบบและอย่างยั่งยืน โดยจะมีการใช้จ่ายในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้มีการจับกุมผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ไปบางส่วนเมื่อเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดออเดอร์การสั่งซื้อกลับมาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ดังนั้นแผนต่อไป ทางบริษัทจะจัดการเสวนาเรื่อง “ตราแกรนด์สปอร์ต ความภูมิใจที่ต้องปกป้อง” ให้กับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ให้เข้าใจถึงการละเมิดลิขสิทธิ์และโทษต่างๆ เชื่อว่าจะช่วยลดช่องทางการละเมิดลิขสิทธิ์ได้
นายธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม ผู้อำนวยการทั่วไป บริษัท แกรนด์สปอร์ต กรุ๊ป จำกัด กล่าวต่อว่า แกรนด์สปอร์ต ปีนี้ยังคงวางเป้าเติบโตอย่างน้อย 20% หรือมียอดขายที่ 800 ล้านบาทในสิ้นปีได้แน่ แบ่งเป็นเสื้อผ้า 80% อุปกรณ์กีฬา 20% หลังตัวเลข 9 เดือนที่ผ่านมา ทำได้แล้วกว่า 80% ผ่านช่องทางตัวแทนร้านค้าจำหน่าย 60% และโครงการภาครัฐ 40% ทั้งนี้มองว่าช่วงปลายปีเป็นช่วงไฮซีซันการขายสินค้าจะมีส่วนสำคัญในการดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้า
ส่วนยอดขายในต่างประเทศนั้น ตกลงเล็กน้อย หรือมีสัดส่วนที่ 10% ของยอดขายรวมทั้งหมด โดยปัจจุบันมีสินค้าแกรนด์สปอร์ตเข้าไปทำตลาดในบางประเทศ ในลักษณะร่วมกับพาร์ทเนอร์ในประเทศนั้นๆ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ มัลดีฟ เวียดนาม สวีเดน สเปน นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการผลิตสินค้าแบบเอ็กซ์คลูซีฟให้กับสโมสรกีฬาประเภทต่างๆในหลายๆประเทศด้วย โดยเฉพาะประเทศในแถบอาเซียนและตะวันออกกลาง รวมถึงการเข้าร่วมเป็นสปอนเซอร์การแข่งขันกีฬารายการสำคัญๆ
อย่างไรก็ตามปีหน้าเชื่อว่าตลาดเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาจะมีการเติบโตขึ้นเป็นเท่าตัว ในส่วนของแกรนด์สปอร์ต ได้เตรียมความพร้อมรองรับกำลังการผลิตสินค้าเบื้องต้นไว้แล้ว รวมถึงการเข้าเจรจากับทางโรงงานอื่นๆเพิ่มเติมในการเข้าช่วยผลิตสินค้ารองรับความต้องการในปีหน้าอีกส่วนด้วย มั่นใจว่าอย่างน้อยปีหน้าจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% แน่นอน
นางสาวสุชาดา นิมากร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แกรนด์สปอร์ต กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬา แบรนด์ “แกรนด์สปอร์ต” เปิดเผยว่า ตลาดรวมเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาซึ่งยังไม่มีใครสำรวจตัวเลขอย่างแท้จริง แต่เชื่อว่ามีมูลค่าค่อนข้างสูงนั้น มั่นใจว่ายังเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตที่ดีอยู่ โดยสภาพเศรษฐกิจไม่ได้ส่งผลกระทบแต่อย่างไร
ทั้งนี้เนื่องจากมีปัจจัยบวกเข้าช่วยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนเรื่องของการกีฬาและการออกกำลังกายของภาครัฐ รวมไปถึงการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆที่มีอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นสิ่งที่ช่วยให้ตลาดนี้ยังไปได้ดี
สำหรับแกรนด์สปอร์ต ซึ่งเป็นแบรนด์กีฬาสัญชาติไทย ตลอด 40 กว่าปีที่ผ่านมา รวมถึงช่วง 4-5 ปีหลังที่เข้ามารุกตลาดและรีเฟรชแบรนด์ใหม่นั้น มั่นใจว่า แกรนด์สปอร์ต เป็นผู้นำตลาดนี้แน่นอน เพราะมีวางจำหน่ายในร้านขายเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาทั่วประเทศ แบรนด์แกรนด์สปอร์ตถือเป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จักกันดีของคนไทย ส่งผลให้ภาพรวมรายได้ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมานี้ ยังคงมีการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ยอดขายในช่วงไตรมาสแรก ตกลงไปค่อนข้างมาก ส่งผลให้ทางบริษัทได้มีการสืบหาข้อมูล พบว่าเกิดจากการที่มีสินค้าละเมิดลิขสิทธ์ที่เข้ามาแย่งยอดขาย ทั้งจากการขายของพ่อค้าแม่ค้าทั่วไป และที่สำคัญคือ บางส่วนมาจากตัวแทนจำหน่ายมีการนำสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เข้าไปจำหน่ายปะปนกับสินค้าจริงบางส่วนด้วย
จากผลสำรวจ พบว่าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์แย่งยอดขายไปไม่ต่ำกว่า 100-200 ล้านบาทในแต่ละปี โดยเริ่มมีการแย่งยอดขายสูงขึ้นเรื่อยๆทุกปี หลังจากที่แกรนด์สปอร์ตกลับมาบุกตลาดอีกครั้งใน 4-5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหากไม่มีเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์เข้ามา เชื่อว่าต่อปีบริษัทน่าจะเติบโตได้เกิน 20% แน่
ดังนั้นทางบริษัทจึงได้มีการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเบื้องต้นอีก 10 กว่าล้านบาท จากงบการตลาดและสนับสนุนการกีฬาปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ในการนำมาใช้ในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเป็นระบบและอย่างยั่งยืน โดยจะมีการใช้จ่ายในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้มีการจับกุมผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ไปบางส่วนเมื่อเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดออเดอร์การสั่งซื้อกลับมาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ดังนั้นแผนต่อไป ทางบริษัทจะจัดการเสวนาเรื่อง “ตราแกรนด์สปอร์ต ความภูมิใจที่ต้องปกป้อง” ให้กับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ให้เข้าใจถึงการละเมิดลิขสิทธิ์และโทษต่างๆ เชื่อว่าจะช่วยลดช่องทางการละเมิดลิขสิทธิ์ได้