xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.

เผยแพร่:   โดย: ชัยสิริ สมุทวณิช

ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตจากกรณีน่าสลดที่โบกี้รถไฟขบวนที่เดินทางจากจังหวัดตรังจะเข้ามากรุงเทพฯ นั้น พลิกคว่ำเพราะตกรางมีผู้เสียชีวิตซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นผู้หญิงทั้งหมด 7 รายด้วยกัน

ผมไม่เข้าใจอยู่ว่า ก่อนจะถึงสถานีอุบัติเหตุนั้นมีถึง 2 สถานีให้สัญญาณไฟแดงไว้แล้ว โดยปกติพลขับก็ควรหยุด ไม่ก็ต้องลดความเร็วลง แต่เป็นที่คาดว่าขบวนรถไฟนั้นฝ่าไฟแดง และรักษาความเร็วไว้ที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นความเร็วรถที่วิ่งบนราง

ในข่าวก็บอกว่า เจ้าหน้าที่ได้แจ้งไปให้ชะลอความเร็ว ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ก่อนหน้านี้ก็ต้องใช้ความเร็วเกิน 60 กม./ชั่วโมง แต่รถไฟมีความเฉื่อยดังนั้นต้องใช้เวลาพอควรที่จะลดความเร็ว

ครับ เรื่องรถไฟก็มีแค่นี้แหละ

มาถึงเรื่องรัฐบาลบ้าง

เวลานี้ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า หาคนมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีที่เป็นตำแหน่งสำคัญ

นายกฯ เอง ก็อยากได้คนที่เก่งรอบด้าน หมายความว่า รู้ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม และแน่นอนควรมีประสบการณ์พออยู่ตัว ที่สำคัญจะต้องรู้จักประสานกับพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล และสามารถแจกจ่ายงานได้ดี เพราะว่าทำหน้าที่เหมือนเป็นเซ็นเตอร์อาร์ฟ และเซ็นเตอร์ฟอร์เวิร์ดในกีฬาซอคเกอร์นั่นแหละครับ

แต่คนครบเครื่องไม่ใช่จะหาง่ายๆ

ยิ่งจะเอาคนในพรรค ก็ดูจะหาไม่ได้


ลงท้ายก็มีเสียงลือกันว่า นายกฯ มองดูว่าถ้าเป็นคนนอกก็ดูดีกว่า เพราะไม่น่ามีประโยชน์ขัดกับพรรคการเมืองใด

ใครจะดีเล่า

ที่สำคัญที่สุดก็คือคนในพรรคนั้น แม้จะมีคนให้เลือก แต่มันอยู่ว่าถ้าเลือกแล้ว ก็มีปัญหาว่าเป็นคนของกลุ่มไหน?

ซึ่งนี่คือปัญหา แต่แม้ว่ามันไม่ได้หมายความว่า พรรคแตกกันภายใน แต่พรรคมีพวก และพวกมันกำหนดบุคคลว่าใครควรได้ตำแหน่งต่างๆ เสียด้วย

ดังนั้น จะทำทะเล่อทะล่า ย่อมไม่อาจได้ดั่งใจนะครับ

อีกเรื่องหนึ่งคือ นายทุนพรรคที่จะมีทั้งตระกูลที่เข้ามาเกื้อหนุน เช่น พวกนักการเงินบางคนที่เคยร่วมหัวจมท้ายกันมาก่อน

อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน เพราะเค้าการยุบสภาหรือการปรับ ครม.มันเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ทั้งนั้น

ระยะนี้เรื่องทุนที่จะมาอุดหนุนจึงพูดกันมาก ลึกๆ แล้วมันบอกว่า ปีกไหนของพรรค หรือพูดให้มันง่ายเข้าก็คือกลุ่มใคร จะมีอำนาจเงินมากกว่ากันนั่นแหละ

ทำไมประชาธิปัตย์ต้องห่วงเรื่องเงิน

ก็เพราะพรรคเพื่อไทยมีท่อน้ำเลี้ยงที่ใหญ่กว่า สปอนเซอร์อย่างทักษิณนั้นมีทุนที่จะส่งให้หนากว่า ปชป.หลายเท่า

ยุบสภาเมื่อไร

ทุนทักษิณเขามากองเต็มที่ และก็หวังด้วยว่าจะได้คนเข้าสภา จนตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้เสียอีก

ดังนั้น ปชป.จึงต้องได้เวลาระดมทุนเสียเนิ่นๆ หากไม่มีเงินก็อย่าหวังว่าจะมีน้ำเลี้ยงพอเพียงสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า แบรนด์เนมอย่าง ปชป.นั้นเก่าก็จริง แต่ขาดประสิทธิภาพที่จะเรียกศรัทธาทางการเงิน

คนมีเงินเขามองว่า นักการเมืองของพรรค บางคนมีเงินเยอะ แต่ให้พรรคน้อยมาก

ง่ายๆ ก็คือขี้เหนียวกันหมด

ดีแต่ว่าพรรคนี้ไม่มีชื่อเหม็นเรื่องใช้เงินซื้อตำแหน่งรัฐมนตรีเหมือนพรรคการเมืองอื่นนะ

ในแง่อุดมการณ์นั้นประชาธิปัตย์โดยแก่นแท้คือพรรคอนุรักษนิยม และก็ถูกออกแบบให้เป็นเหมือนพรรคคอนเซอร์เวทีฟของอังกฤษ เหตุมันมีก็เพราะพรรคนี้ไม่นิยมพรรคที่ก้าวหน้า หรือพรรคที่เอียงซ้าย

แต่ประชาธิปัตย์บางครั้ง ก็ใช้วิธีการ “สวมเสื้อคลุม” เหมือนกัน ในยุคที่กระแสซ้ายมาแรงจัด หลัง 14 ตุลาฯ

ยุคนั้น ปชป.ก็เอากับเขา โดยหันซ้ายเช่นกัน

แต่เสื้อคลุมใส่ไม่นานครับ

ปชป.เกือบพังและพังไปจริงๆ เมื่อไปร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคซ้ายอย่างพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย ทำให้พรรคสังคมนิยมฯ ได้ฝ่ายซ้ายขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีหลายคน

ปชป.กลายเป็นเป้าของพวกขวาจัด

และถูกเล่นงานเต็มเปา เมื่อ 6 ต.ค. 19 ด้วยเช่นกัน และรัฐมนตรีของพรรคต้องโดนข้อหา “คอมมิวนิสต์” เข้าจังเบ้อเริ่ม

คุณชวน หลีกภัย ต้อง “หลีกภัย” ไปเขียนหนังสือ “เย็นลมป่า” ซึ่งขายดีมากสมัยหนึ่ง

ที่ผมเอาเรื่องนี้มาเล่าก็เพราะ ปชป. นั้นมีตำนานครับ มันเป็นตำนานว่าพรรคเก่าแก่นี้ ปรับตัวก็จริง แต่เป็นการปรับตัวที่ไม่ใช่ว่าเอาตัวรอด แต่เป็นการปรับตัวเพื่อแสดงให้เห็นว่าต้องการ “ตามกระแส” ที่มีความล้มเหลวมากกว่าความสำเร็จ

เคยแม้กระทั่งยอมเป็นรัฐบาลที่มีเผด็จการค้ำจุน ซึ่งก็เชื่อในรัฐบาลที่ประกาศใช้ประชาธิปไตยครึ่งใบในยุคที่หลายคนในพรรคประกาศเป็นลูกป๋าเปรม

ลูกป๋าเปรมบางคน เช่น คุณวีระ มุสิกพงศ์ เวลานี้กลับประกาศไม่เผาผีกันแล้ว

ดังนั้น เวลานี้จะดูพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องดูว่าความเป็นมานั้น เหมือนอดีตที่นำร่องและกำกับอยู่ด้วย

ผมเองก็เคยมีคนในครอบครัวไปสังกัดพรรคนี้อยู่หลายคน เป็นทั้งมันสมองให้, บางคนเป็น ส.ส.หรือที่ปรึกษาให้

แต่ก็ยังไม่เห็นว่า ปชป.จะมีผลงานที่ใหญ่พอเพียงที่ชาวบ้านจะนึกถึงอย่างเป็นรูปธรรม

ครับ... เราคงต้องดูว่า หมดยุคสมัยของชวน หลีกภัย บัญญัติ บรรทัดฐาน สุเทพ เทือกสุบรรณ ไปแล้ว

ปชป.ยุคอนุชนคนรุ่นหลังจะสละอดีตได้อย่างไร
กำลังโหลดความคิดเห็น