เอเจนซี- ผลสำรวจดัชนีภาพลักษณ์ของประเทศ (Nation Brand Index หรือ NBI) ประจำปี 2009 ปรากฏว่า สหรัฐฯเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับว่ามีภาพลักษณ์ดีที่สุดในโลก โดยก้าวขึ้นมาจากอันดับ 7 เมื่อปีก่อน หลังผู้คนทั่วโลกประทับใจประธานาธิบดีบารัค โอบามา ขณะที่ฝรั่งเศส เยอรมัน สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่นตามมาในอันดับ 2-5 ส่วนจีนซึ่งมักถูกมองด้วยภาพลักษณ์ด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนและดำเนินนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจโดยไม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม กลับมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นในสายตาชาวโลก ตั้งแต่เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนเมื่อปีที่แล้ว จนทำให้อันดับขยับจาก 28 ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 22 ในปีนี้
ด้านไซมอน แอนโฮลต์ ที่ปรึกษาพิเศษของรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้ที่ริเริ่มให้มีการสำรวจภาพลักษณ์ของประเทศต่างๆจำนวน50 ประเทศในแต่ละปีมาตั้งแต่ปี 2005 ระบุว่า การหมดวาระของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งมีนโยบายต่างประเทศอันไม่เป็นที่นิยมของชาวโลก และกระแสความชื่นชอบในตัวโอบามาถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ภาพลักษณ์ของสหรัฐฯดีขึ้นแบบก้าวกระโดด
ส่วนประเทศที่ถูกระบุว่ามีภาพลักษณ์อยู่รั้งท้ายจากการสำรวจปีนี้ประกอบด้วย โคลอมเบียและเคนยาซึ่งได้อันดับที่ 47 ร่วมกัน, อังโกลาในอันดับ 49, และอิหร่านได้อันดับ 50
ด้านไซมอน แอนโฮลต์ ที่ปรึกษาพิเศษของรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้ที่ริเริ่มให้มีการสำรวจภาพลักษณ์ของประเทศต่างๆจำนวน50 ประเทศในแต่ละปีมาตั้งแต่ปี 2005 ระบุว่า การหมดวาระของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งมีนโยบายต่างประเทศอันไม่เป็นที่นิยมของชาวโลก และกระแสความชื่นชอบในตัวโอบามาถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ภาพลักษณ์ของสหรัฐฯดีขึ้นแบบก้าวกระโดด
ส่วนประเทศที่ถูกระบุว่ามีภาพลักษณ์อยู่รั้งท้ายจากการสำรวจปีนี้ประกอบด้วย โคลอมเบียและเคนยาซึ่งได้อันดับที่ 47 ร่วมกัน, อังโกลาในอันดับ 49, และอิหร่านได้อันดับ 50
