xs
xsm
sm
md
lg

“สหพัฒน์” โว9เดือน ”มาม่า” ขายดีขึ้น5%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทนง  ศรีจิตร์
ศูนย์ข่าวศรีราชา -เครือสหพัฒน์ เผยผลประกอบการ 3 ไตรมาสปี 52 พบตัวเลขการจำหน่ายสินค้าฟุ่มเฟือยและเสื้อผ้าแบรนด์ดังลดต่ำถึง 20% ขณะที่ยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะบะหมราสำเร็จรูป”มาม่า”โตขึ้นจากปีก่อน 5% ชี้ปัจจัยหลักมาจากประชาชนเลือกใช้จ่ายเฉพาะสินค้าจำเป็น

นายทนง ศรีจิตร์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บริษัทสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตสินค้าหลากหลายชนิด และยังเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคในกลุ่มไลอ้อน เสื้อผ้า-เครื่องหนังกีลาโรช แอร์โรว์ ลาคอสท์ซึ่งเป็นสินค้าในเครือสหพัฒน์ เผยถึงยอดการจำหน่ายสินค้าในเครือช่วง 3 ไตรมาสของปี 2552 ว่ายอดการจำหน่ายสินค้าฟุ่มเฟือยโดยเฉพาะเสื้อผ้าแบรนด์ดังลดต่ำจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 20%

ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะบะหมี่สำเร็จรูปตรามาม่า กลับมียอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5% โดยการเติบโตขึ้นของดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจอย่างมาม่า ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประชาชนในประเทศตกต่ำลงตามภาวะเศรษฐกิจ จึงลดการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือย แต่หันมาให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันแทน

“ในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปีสินค้าทุกตัวมียอดการจำหน่ายที่ลดลงหมดไม่ใช่เฉพาะแต่ของเครือสหพัฒน์ รวมทั้งผู้ประกอบการก็ปิดกิจการไปเยอะโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ แต่ในไลน์ของสินค้าที่เกี่ยวกับอาหารและการซักล้างกลับมียอดขายที่เติบโตขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะประชาชนลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ก็คิดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีสัญญาณทางเศรษฐกิจของไทยน่าจะดีขึ้นรวมทั้งด้านการท่องเที่ยว ซึ่งก็น่าจะเป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายไทยเข้มแข็งของรัฐบาล ซึ่งหากรัฐบาลมีเสถียรภาพที่มั่นคงก็จะทำให้ภาวะเศรษฐกิจในปีหน้าดีขึ้นด้วยเช่นกัน”

นายทนง ยังเผยว่าการส่งสัญญาณที่ดีขึ้นทางเศรษฐกิจ ทั้งจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจากต้นปี และการจ้างงานในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งแผนการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต ทั้งในส่วนผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่อย่างซัมซุง และอีกหลายแบรนด์สินค้า และคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารที่เพิ่มขึ้นจากต่างประเทศ ทำให้เครือสหพัฒน์ มีความมั่นใจที่จะลงทุนทั้งในส่วนการพัฒนาที่ดินที่เหลืออยู่จำกัดในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ศรีราชาให้เกิดประโยชน์สูงสุด และยังเดินหน้าที่จะพัฒนาที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมลำพูน และสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์กบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ให้มีศักยภาพเพื่อรองรับการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น ควบคู่กับการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อการส่งออกเป็นหลัก

“ในแต่ละปีเครือสหพัฒน์ จะใช้เงินลงทุนในการพัฒนาที่ดินของนิคมอุตสาหกรรมในเครือไม่น้อยกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งในปีนี้แม้เศรษฐกิจไม่ดีแต่เราก็ยังคงเดินหน้าลงทุนด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าในปีหน้าก็จะใช้เม็ดเงินเพื่อการพัฒนาในส่วนต่างๆ ไม่น้อยกว่า 2 พันล้านบาทเช่นกัน ” นายทนง กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น