ASTVผู้จัดการรายวัน-นายกรัฐมนตรีลงนามแต่งตั้ง“ปทีป ตันประเสริฐ”รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ดับฝัน"เพรียวพันธ์"เจ้าตัวระบุได้นั่งผบ.ตร.ตัวจริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายกฯ ส่วนการแต่งตั้งตำรวจวาระประจำปี ต้องหารือ รอง ผบ.ตร.คาดให้อำนาจ"ปทีป"แต่งตั้งตำรวจ ก่อนประชุม ก.ต.ช.เลือก ผบ.ตร.ตัวจริง
วานนี้( 29 ก.ย.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 211/2552 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการเเทน โดยคำสั่งดังกล่าวระบุว่า โดยที่ พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะพ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2552 ดังนั้นเพื่อให้การปฏิบัติราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ ในระหว่างที่ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่างลง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 72 (1) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
ให้ พลตำรวจเอกปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2552 เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552 ลงชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
**ตั้ง"ปทีป"ดับฝัน"เพรียวพันธ์"
ต่อมาหลังจาก นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งที่ 211/2552 ตั้ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ขึ้นรักษารการแทน ผบ.ตร.โดยให้มีผลในวันที่ 1 ตุลาคมนี้นั้น ปรากฏว่าเมื่อผู้สื่อข่าวขึ้นไปพบ พล.ต.อ.ปทีป ที่สำนักงานได้รับแจ้งจากนายตำรวจประจำสำนักงาน ว่า พล.ต.อ.ปทีป ออกไปประชุมข้างนอก ไม่แน่ใจว่าจะกลับเข้ามาสำนักงานหรือไม่
ทั้งนี้ สำหรับการตั้ง พล.ต.อ.ปทีป ขึ้นเป็นรรท.ผบ.ตร.ถือเป็นการปิดโอกาส พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร. พี่เมีย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นรองผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 ในการที่จะก้าวขึ้นมา รรท.ผบ.ตร.โดยทันที เพราะหากนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการแต่งตั้งใคร เมื่อถึงวันที่ 1 ต.ค.2552 ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 วรรคสอง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จะขึ้นมารรท.ผบ.ตร.โดยอัตโนมัติ
ทั้งนี้ สำหรับ พล.ต.อ.ปทีป นั้น เคยดำรงตำแหน่ง รรท.ผบ.ตร.แทน พล.ต.อ.พัชรวาท มาแล้วครั้งหนึ่งในสมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน จนถึงวันที่ 21 ธันวาคม 2551 รวมเวลา 23 วัน ก่อน พล.ต.อ.พัชรวาท จะกลับเป็น ผบ.ตร.อีกครั้งในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างรัฐบาลของนายสมชาย มาเป็นรัฐบาลที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งครั้งนี้ วันที่ 29 กันยายน พล.ต.อ.ปทีป ก็ขึ้นรรท.ผบ.ตร.อีกครั้ง มีผลวันที่ 1 ตุลาคม
**นั่งผบ.ตร.หรือไม่ขึ้นกับนายกฯ
ต่อมาเวลา 17.00 น. พล.ต.อ.ปทีป กลับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมกล่าวว่า ตนเพิ่งกลับมาถึงยังไม่เห็นคำสั่ง จากนั้นผู้สื่อข่าวยื่นสำเนาใบคำสั่งให้ พล.ต.อ.ปทีป จึงกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ว่า เพิ่งได้รับคำสั่ง คงยังตอบไม่ได้ว่าจะทำอะไรบ้างต้องรอวันที่ 1 ตุลาคม เสียก่อน ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยคุยกับนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีก็ไม่มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษ
ส่วนแนวทางในการดำเนินการกับตำรวจระดับรองผบ.ตร.ลงไปที่ว่างลงจากการเกษียณ นั้น พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ตนจะหารือกับรอง ผบ.ตร.ทั้งหมดก่อนว่าจะทำอย่างไรต่อไป จะออกคำสั่งให้ รรท.หรือให้เป็นไปตามอัตโนมัติ ส่วนเรื่องการประชุม ก.ตร.เพื่อแต่งตั้งก็ยังไม่ได้คิด อย่างไรก็ตามวันนี้ 30 ก.ย. ตนจะไปร่วมงานของ พล.ต.อ.พัชรวาท ที่จะมีการสวนสนามที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเป็นรรท.ผบ.ตร.เป็นสัญญาณว่าจะเป็นผบ.ตร.ตัวจริงหรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ตนไม่รู้ ต้องแล้วแต่คนที่มีอำนาจในการแต่งตั้ง ตนบอกอะไรไม่ได้หรอก เพราะไม่ใช่คนแต่งตั้ง
เมื่อถามว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติขณะนี้แตกแยกหรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ไม่มีหรอก และเมื่อถามว่าตำรวจเกียร์ว่างหรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ตอนนี้ตำรวจใส่เกียร์สโลว์ และกำลังพุ่งฉิวเลย
**ยังไม่กำหนดประชุม ก.ต.ช.
วันเดียวกันในช่วงเช้า พล.ต.อ. วัชรพล ประสานราชกิจ รองผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางเข้าชี้แจงต่อที่ประชุม ครม.ในเรื่องค่าเช่ารถของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดย พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวถึงเรื่องการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ( ก.ต.ช.)ว่ายังไม่มีการนัดมาว่าจะเป็นวันไหน ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ต.ช.จะเรียกมาวันไหน และหากเรียกประชุมหลังวันที่ 30 ก.ย. ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะกฎหมายมีความชัดเจนอยู่แล้ว คือ ตามมาตรา 72 เมื่อตำหน่ง ผบ.ตร.ว่างลง ผู้มีอำนาจก็สามารถแต่งตั้งรักษาราชการแทนได้ ตำแหน่ง ผบ.ตร.นั้น อำนาจอยู่ที่นายกฯ ดังนั้นนายกฯ สามารถใช้คำสั่งแต่งตั้งรักษาราชการแทนตามมาตรา 72 ทำได้
เมื่อถามว่า หากนายกฯ แต่งตั้ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ มารักษาราชการแทน จะมีปัญหาหรือไม่ เพราะอาวุโสอันดับ 2 พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า กฎหมายไม่ได้ขัดข้อง อยู่ที่อำนาจของนายกฯ ที่จะตั้งใครรักษาราชการแทนทำได้ โดยจะต้องเป็นคนที่อยู่ในระดับตำแหน่งที่สามารถดูแลบังคับ ส.ต.ช.ได้ ส่วนกรณีที่ตนมีชื่อว่า อาจจะได้เป็น ผบ.ตร. นั้น ก็เป็นเพียงแต่ข่าว
**ให้อำนาจ"ปทีป"แต่งตั้งตำรวจ
แหล่งข่าวระดับสูง กล่าวว่า ในวงการตำรวจวิเคราะห์กันว่าทันทีที่ พล.ต.อ.ปทีป ขึ้นรรท.ผบ.ตร.จะมีการดำเนินการจัดการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เพื่อแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.)จนไปถึงระดับผู้บังคับการ(ผบก.)ในวาระประจำปี โดยจะเป็นการวางตัวผู้บังคับบัญชาหน่วยตำรวจในสายพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไว้วางใจได้ เพื่อรับมือการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ แต่ก็ต้องจับตาว่า ก.ตร.กลุ่มที่คัดค้าน จนการแต่งตั้งนายพลตำรวจวาระประชุมเมื่อการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ผ่านมา ในวันที่ 21 กันยายน ต้องยุติการแต่งตั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็น ก.ตร.ที่มีสายสัมพันธ์ ใกล้ชิดกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ที่สนับสนุน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รองผบ.ตร.คนใหม่ขึ้นเป็นผบ.ตร.มาโดยตลอดจะออกมาเคลื่อนไหวใน ก.ตร.อย่างไรหรือไม่ และหาก พล.ต.อ.ปทีป ทำการแต่งตั้งสำเร็จ หรือไม่สำเร็จ การประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.)เพื่อแต่งตั้ง ผบ.ตร.ตัวจริง ก็จะเกิดขึ้นต่อไป
วานนี้( 29 ก.ย.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 211/2552 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการเเทน โดยคำสั่งดังกล่าวระบุว่า โดยที่ พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะพ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2552 ดังนั้นเพื่อให้การปฏิบัติราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ ในระหว่างที่ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่างลง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 72 (1) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
ให้ พลตำรวจเอกปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2552 เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552 ลงชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
**ตั้ง"ปทีป"ดับฝัน"เพรียวพันธ์"
ต่อมาหลังจาก นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งที่ 211/2552 ตั้ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ขึ้นรักษารการแทน ผบ.ตร.โดยให้มีผลในวันที่ 1 ตุลาคมนี้นั้น ปรากฏว่าเมื่อผู้สื่อข่าวขึ้นไปพบ พล.ต.อ.ปทีป ที่สำนักงานได้รับแจ้งจากนายตำรวจประจำสำนักงาน ว่า พล.ต.อ.ปทีป ออกไปประชุมข้างนอก ไม่แน่ใจว่าจะกลับเข้ามาสำนักงานหรือไม่
ทั้งนี้ สำหรับการตั้ง พล.ต.อ.ปทีป ขึ้นเป็นรรท.ผบ.ตร.ถือเป็นการปิดโอกาส พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร. พี่เมีย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นรองผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 ในการที่จะก้าวขึ้นมา รรท.ผบ.ตร.โดยทันที เพราะหากนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการแต่งตั้งใคร เมื่อถึงวันที่ 1 ต.ค.2552 ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 วรรคสอง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จะขึ้นมารรท.ผบ.ตร.โดยอัตโนมัติ
ทั้งนี้ สำหรับ พล.ต.อ.ปทีป นั้น เคยดำรงตำแหน่ง รรท.ผบ.ตร.แทน พล.ต.อ.พัชรวาท มาแล้วครั้งหนึ่งในสมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน จนถึงวันที่ 21 ธันวาคม 2551 รวมเวลา 23 วัน ก่อน พล.ต.อ.พัชรวาท จะกลับเป็น ผบ.ตร.อีกครั้งในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างรัฐบาลของนายสมชาย มาเป็นรัฐบาลที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งครั้งนี้ วันที่ 29 กันยายน พล.ต.อ.ปทีป ก็ขึ้นรรท.ผบ.ตร.อีกครั้ง มีผลวันที่ 1 ตุลาคม
**นั่งผบ.ตร.หรือไม่ขึ้นกับนายกฯ
ต่อมาเวลา 17.00 น. พล.ต.อ.ปทีป กลับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมกล่าวว่า ตนเพิ่งกลับมาถึงยังไม่เห็นคำสั่ง จากนั้นผู้สื่อข่าวยื่นสำเนาใบคำสั่งให้ พล.ต.อ.ปทีป จึงกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ว่า เพิ่งได้รับคำสั่ง คงยังตอบไม่ได้ว่าจะทำอะไรบ้างต้องรอวันที่ 1 ตุลาคม เสียก่อน ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยคุยกับนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีก็ไม่มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษ
ส่วนแนวทางในการดำเนินการกับตำรวจระดับรองผบ.ตร.ลงไปที่ว่างลงจากการเกษียณ นั้น พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ตนจะหารือกับรอง ผบ.ตร.ทั้งหมดก่อนว่าจะทำอย่างไรต่อไป จะออกคำสั่งให้ รรท.หรือให้เป็นไปตามอัตโนมัติ ส่วนเรื่องการประชุม ก.ตร.เพื่อแต่งตั้งก็ยังไม่ได้คิด อย่างไรก็ตามวันนี้ 30 ก.ย. ตนจะไปร่วมงานของ พล.ต.อ.พัชรวาท ที่จะมีการสวนสนามที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเป็นรรท.ผบ.ตร.เป็นสัญญาณว่าจะเป็นผบ.ตร.ตัวจริงหรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ตนไม่รู้ ต้องแล้วแต่คนที่มีอำนาจในการแต่งตั้ง ตนบอกอะไรไม่ได้หรอก เพราะไม่ใช่คนแต่งตั้ง
เมื่อถามว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติขณะนี้แตกแยกหรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ไม่มีหรอก และเมื่อถามว่าตำรวจเกียร์ว่างหรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ตอนนี้ตำรวจใส่เกียร์สโลว์ และกำลังพุ่งฉิวเลย
**ยังไม่กำหนดประชุม ก.ต.ช.
วันเดียวกันในช่วงเช้า พล.ต.อ. วัชรพล ประสานราชกิจ รองผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางเข้าชี้แจงต่อที่ประชุม ครม.ในเรื่องค่าเช่ารถของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดย พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวถึงเรื่องการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ( ก.ต.ช.)ว่ายังไม่มีการนัดมาว่าจะเป็นวันไหน ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ต.ช.จะเรียกมาวันไหน และหากเรียกประชุมหลังวันที่ 30 ก.ย. ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะกฎหมายมีความชัดเจนอยู่แล้ว คือ ตามมาตรา 72 เมื่อตำหน่ง ผบ.ตร.ว่างลง ผู้มีอำนาจก็สามารถแต่งตั้งรักษาราชการแทนได้ ตำแหน่ง ผบ.ตร.นั้น อำนาจอยู่ที่นายกฯ ดังนั้นนายกฯ สามารถใช้คำสั่งแต่งตั้งรักษาราชการแทนตามมาตรา 72 ทำได้
เมื่อถามว่า หากนายกฯ แต่งตั้ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ มารักษาราชการแทน จะมีปัญหาหรือไม่ เพราะอาวุโสอันดับ 2 พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า กฎหมายไม่ได้ขัดข้อง อยู่ที่อำนาจของนายกฯ ที่จะตั้งใครรักษาราชการแทนทำได้ โดยจะต้องเป็นคนที่อยู่ในระดับตำแหน่งที่สามารถดูแลบังคับ ส.ต.ช.ได้ ส่วนกรณีที่ตนมีชื่อว่า อาจจะได้เป็น ผบ.ตร. นั้น ก็เป็นเพียงแต่ข่าว
**ให้อำนาจ"ปทีป"แต่งตั้งตำรวจ
แหล่งข่าวระดับสูง กล่าวว่า ในวงการตำรวจวิเคราะห์กันว่าทันทีที่ พล.ต.อ.ปทีป ขึ้นรรท.ผบ.ตร.จะมีการดำเนินการจัดการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เพื่อแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.)จนไปถึงระดับผู้บังคับการ(ผบก.)ในวาระประจำปี โดยจะเป็นการวางตัวผู้บังคับบัญชาหน่วยตำรวจในสายพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไว้วางใจได้ เพื่อรับมือการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ แต่ก็ต้องจับตาว่า ก.ตร.กลุ่มที่คัดค้าน จนการแต่งตั้งนายพลตำรวจวาระประชุมเมื่อการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ผ่านมา ในวันที่ 21 กันยายน ต้องยุติการแต่งตั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็น ก.ตร.ที่มีสายสัมพันธ์ ใกล้ชิดกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ที่สนับสนุน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รองผบ.ตร.คนใหม่ขึ้นเป็นผบ.ตร.มาโดยตลอดจะออกมาเคลื่อนไหวใน ก.ตร.อย่างไรหรือไม่ และหาก พล.ต.อ.ปทีป ทำการแต่งตั้งสำเร็จ หรือไม่สำเร็จ การประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.)เพื่อแต่งตั้ง ผบ.ตร.ตัวจริง ก็จะเกิดขึ้นต่อไป
