ดีทแฮล์ม มั่นใจ เลโก้เติบโตต่อเนื่อง เหตุแนวโน้มตลาดของเด็กเล่นเพื่อการศึกษามีอนาคตไกล เติบโตดี คาดสัดส่วนตลาดปีนี้จะอยู่ที่ 45% เพิ่มขึ้น 15% จากปีที่แล้ว เดินหน้าจัดกิจกรรมแข่งต่อเลโก้ชิงแชมป์ประเทศไทย
นายชูเกียรติ โตกมลธรรม ผู้จัดการแผนกผลิตภัณฑ์ อุปโภค-บริโภค บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายของเด็กเล่นแบรนด์เลโก้ (LEGO) จากประเทศเดนมาร์ก เปิดเผยว่า จากผลกระทบทางด้านปัญหาภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และปัญหาการเมืองไทยที่ยังมีความขัดแย้งต่อเนื่องที่กระทบต่ออารมณ์การจับจ่ายได้ส่งผลต่อภาพรวมของธุรกิจของเด็กเล่นอย่างมาก และคาดว่าในภาพรวมแล้วคาดว่าปีนี้ตลาดของเล่นอาจจะไม่มีการเติบโตเลยก็ว่าได้ เพราะเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดของเด็กเล่นประเภททั่วไป หรือของเล่นที่ไม่ใช่เป็นประเภทเสริมทักษะหรือเพื่อการศึกษา จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะผู้บริโภคที่เป็นผู้ปกครองนั้น มักจะมองว่าในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ การจะใช้จ่ายย่อมต้องคำนึงถึงเรื่องความคุ้มค่าและความจำเป็นเป็นหลัก
ทั้งนี้ในตลาดรวมขอวงเด็กเล่นนั้น แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆคือ 1.ของเล่นเพื่อการศึกษาหรือเสริมทักษะ 2.ของเล่นสำหรับเด็กผู้ชาย 3.ของเล่นสำหรับเด็กผู้หญิง 4.ของเล่นทั่วไปที่นำเข้าจากประเทศจีน โดยมีมูลค่าตลาดรวมมากดว่า 10,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามแนวโน้มตลาดที่จะมีการเติบโตและเป็นตลาดใหญ่ในอนาคตนั้นก็คือ ตลาดของเล่นเพื่อการศึกษาหรือเสริมทักษะ ซึ่งเป็นไปตามเทรนด์ทั่วโลก โดยตลาดกลุ่มนี้มูลค่าตลาดประมาณ 1,000 ล้านบาท จากตลาด 10,000 ล้านบาท หรือมีสัดส่วนประมาณ 10% แม้ว่าจะยังมีอนาคตที่ดีกว่านี้
สำหรับปีนี้ ตลาดรวมของเล่นเพื่อการศึกษาหรือเสริมทักษะจะมีการเติบโตประมาณ 15% ซึ่งจะส่งผลให้ สัดส่วนตลาดของเล่นเพื่อการศึกษาปีนี้จะมีประมาณ 45% จากเดิมปีที่แล้วมีประมาณ 30% ของเล่นสำหรับเด็กผู้ชายลดลงจาก 32% เหลือ 25% และของเล่นทั่วไปจากเมืองจีนลดลงจาก 10% เหลือ 5%
“พ่อแม่ยุคปัจจุบันถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ และมีความเข้าใจว่าของเล่นเป็นอย่างไร ซึ่งกลุ่มนี้มีกำลังซื้อ และพร้อมที่จะจ่ายเพื่อซื้อของเล่นเพื่อการศึกษาที่มีราคาค่อนข้างสูง เพราะความมั่นใจในคุณค่าที่ได้รับจากการเล่น และคุณภาพจากการผลิตของเล่นชิ้นนั้น แม้ว่าจะมีราคาสูงก็ตาม”
นายชูเกียรติกล่าวด้วยว่า ในส่วนของผลิตภัณฑ์เลโก้นี้ ถือเป็นของเล่นที่อยู่ในตำแหน่งศึกษาระดับพรีเมียม เพราะยอมรับว่าเป็นของเล่นที่มีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็เป็นของเล่นที่มีคุณภาพ แตกต่างจากของเล่นอื่นทั่วไป ซึ่งที่ผ่านมาเลโก้แทบจะไม่เคยลดราคาหรือล้างสต๊อกเลย เพราะจะเสียภาพลักษณ์ แต่ก็มีนานๆครั้งจัดเป็นเทศกาล
ทั้งนี้เลโก้เองจึงค่อยจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจเท่าใดนัก เพราะกลุ่มเป้าหมายอยู่ในระดับกลางถึงบน ที่มีกำลังซื้อ และพร้อมที่จะจ่าย โดยปัจจุบันเลโก้มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 10-15% จากตลาดรวมในกลุ่มของ 1,000 ล้านบาท และที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตค่อนข้างสม่ำเสมอเฉลี่ยที่ 10-15% ตลอดมา
“เลโก้ไม่ได้เป็นของเล่นประเภทแฟชั่นหรือหวือหวาที่จะมียอดขายเติบโตแบบพุ่งพรวด แต่ของเรามีการเติบโตมั่นคงมาโดยตลอด แม้เศรษฐกิจจะไม่ดีก็ตาม และมั่นใจว่าสิ้นปีนี้ก็จะเติบโตระดับนี้เช่นเดิม โดยช่วงไตรมาสสุดท้ายถือเป็นหน้าขายของตลาดของเด็กเล่นด้วยเพราะทั้งปีจะมียอดขายมาจากช่วงนี้สัดส่วนกว่า
40%ไม่ว่าจะเป็นวันคริสต์มาส วันปีใหม่ และต่อเนื่องถึงวันเด็กต้นปีหน้าด้วย”
ล่าสุดเลโก้ได้จัดรายการ แข่งขันต่อเลโก้ชิงแชมป์ประเทศไทย “LEGO & True Spark Build A Brick Competition 2009” ชิงทุนการศึกษาและผลิตภัณฑ์กว่า 250,000 บาท มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กไทยฝึกในทักษะความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ ซึ่งจัดมาแล้ว 5 ปี
นายชูเกียรติ โตกมลธรรม ผู้จัดการแผนกผลิตภัณฑ์ อุปโภค-บริโภค บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายของเด็กเล่นแบรนด์เลโก้ (LEGO) จากประเทศเดนมาร์ก เปิดเผยว่า จากผลกระทบทางด้านปัญหาภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และปัญหาการเมืองไทยที่ยังมีความขัดแย้งต่อเนื่องที่กระทบต่ออารมณ์การจับจ่ายได้ส่งผลต่อภาพรวมของธุรกิจของเด็กเล่นอย่างมาก และคาดว่าในภาพรวมแล้วคาดว่าปีนี้ตลาดของเล่นอาจจะไม่มีการเติบโตเลยก็ว่าได้ เพราะเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดของเด็กเล่นประเภททั่วไป หรือของเล่นที่ไม่ใช่เป็นประเภทเสริมทักษะหรือเพื่อการศึกษา จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะผู้บริโภคที่เป็นผู้ปกครองนั้น มักจะมองว่าในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ การจะใช้จ่ายย่อมต้องคำนึงถึงเรื่องความคุ้มค่าและความจำเป็นเป็นหลัก
ทั้งนี้ในตลาดรวมขอวงเด็กเล่นนั้น แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆคือ 1.ของเล่นเพื่อการศึกษาหรือเสริมทักษะ 2.ของเล่นสำหรับเด็กผู้ชาย 3.ของเล่นสำหรับเด็กผู้หญิง 4.ของเล่นทั่วไปที่นำเข้าจากประเทศจีน โดยมีมูลค่าตลาดรวมมากดว่า 10,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามแนวโน้มตลาดที่จะมีการเติบโตและเป็นตลาดใหญ่ในอนาคตนั้นก็คือ ตลาดของเล่นเพื่อการศึกษาหรือเสริมทักษะ ซึ่งเป็นไปตามเทรนด์ทั่วโลก โดยตลาดกลุ่มนี้มูลค่าตลาดประมาณ 1,000 ล้านบาท จากตลาด 10,000 ล้านบาท หรือมีสัดส่วนประมาณ 10% แม้ว่าจะยังมีอนาคตที่ดีกว่านี้
สำหรับปีนี้ ตลาดรวมของเล่นเพื่อการศึกษาหรือเสริมทักษะจะมีการเติบโตประมาณ 15% ซึ่งจะส่งผลให้ สัดส่วนตลาดของเล่นเพื่อการศึกษาปีนี้จะมีประมาณ 45% จากเดิมปีที่แล้วมีประมาณ 30% ของเล่นสำหรับเด็กผู้ชายลดลงจาก 32% เหลือ 25% และของเล่นทั่วไปจากเมืองจีนลดลงจาก 10% เหลือ 5%
“พ่อแม่ยุคปัจจุบันถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ และมีความเข้าใจว่าของเล่นเป็นอย่างไร ซึ่งกลุ่มนี้มีกำลังซื้อ และพร้อมที่จะจ่ายเพื่อซื้อของเล่นเพื่อการศึกษาที่มีราคาค่อนข้างสูง เพราะความมั่นใจในคุณค่าที่ได้รับจากการเล่น และคุณภาพจากการผลิตของเล่นชิ้นนั้น แม้ว่าจะมีราคาสูงก็ตาม”
นายชูเกียรติกล่าวด้วยว่า ในส่วนของผลิตภัณฑ์เลโก้นี้ ถือเป็นของเล่นที่อยู่ในตำแหน่งศึกษาระดับพรีเมียม เพราะยอมรับว่าเป็นของเล่นที่มีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็เป็นของเล่นที่มีคุณภาพ แตกต่างจากของเล่นอื่นทั่วไป ซึ่งที่ผ่านมาเลโก้แทบจะไม่เคยลดราคาหรือล้างสต๊อกเลย เพราะจะเสียภาพลักษณ์ แต่ก็มีนานๆครั้งจัดเป็นเทศกาล
ทั้งนี้เลโก้เองจึงค่อยจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจเท่าใดนัก เพราะกลุ่มเป้าหมายอยู่ในระดับกลางถึงบน ที่มีกำลังซื้อ และพร้อมที่จะจ่าย โดยปัจจุบันเลโก้มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 10-15% จากตลาดรวมในกลุ่มของ 1,000 ล้านบาท และที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตค่อนข้างสม่ำเสมอเฉลี่ยที่ 10-15% ตลอดมา
“เลโก้ไม่ได้เป็นของเล่นประเภทแฟชั่นหรือหวือหวาที่จะมียอดขายเติบโตแบบพุ่งพรวด แต่ของเรามีการเติบโตมั่นคงมาโดยตลอด แม้เศรษฐกิจจะไม่ดีก็ตาม และมั่นใจว่าสิ้นปีนี้ก็จะเติบโตระดับนี้เช่นเดิม โดยช่วงไตรมาสสุดท้ายถือเป็นหน้าขายของตลาดของเด็กเล่นด้วยเพราะทั้งปีจะมียอดขายมาจากช่วงนี้สัดส่วนกว่า
40%ไม่ว่าจะเป็นวันคริสต์มาส วันปีใหม่ และต่อเนื่องถึงวันเด็กต้นปีหน้าด้วย”
ล่าสุดเลโก้ได้จัดรายการ แข่งขันต่อเลโก้ชิงแชมป์ประเทศไทย “LEGO & True Spark Build A Brick Competition 2009” ชิงทุนการศึกษาและผลิตภัณฑ์กว่า 250,000 บาท มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กไทยฝึกในทักษะความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ ซึ่งจัดมาแล้ว 5 ปี