เอเอฟพี - แฉพวกธนาคารชั้นนำของสหรัฐฯ เช่น โกลด์แมนแซคส์ เจพีมอร์แกนเชส และเวลส์ฟาร์โก กำลังให้ผลตอบแทนก้อนมหึมาแก่ผู้บริหารและเทรดเดอร์อีกแล้ว ทั้งที่เวลานี้มีเสียงเรียกร้องให้นานาชาติ โดยเฉพาะหน้านี้ก็คือที่ประชุมผู้นำกลุ่มจี20 วันพฤหัสบดี(24) และศุกร์(25)นี้ ออกมติควบคุมการจ่ายโบนัสและผลตอบแทนอื่นๆ ในภาคการเงินการธนาคาร ซึ่งเห็นกันว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการลงทุนที่สุ่มเสี่ยงมุ่งผลแค่เฉพาะหน้า จนทำให้เกิดวิกฤตทางการเงินครั้งใหญ่ทีสุดในรอบหลายสิบปีคราวนี้
วิกฤตซึ่งแผ่ลามไปทั่วโลก ทำให้ต้องมีการปลดพนักงานกันมหาศาล โดยตามตัวเลขกระทรวงแรงงานอเมริกัน เฉพาะภาคการเงินสหรัฐฯก็ปลดถึงกว่า 286,000 คนในปีเดียว สภาพเช่นนี้น่าที่จะทำให้กิจการภาคการเงินการธนาคาร มีรายจ่ายเรื่องผลตอบแทนพนักงานลดต่ำลงฮวบฮาบ แต่ข้อเท็จจริงกลับตรงกันข้าม
โกลด์แมนแซคส์ รายงานว่าในไตรมาสที่สองมีค่าใช้จ่ายในส่วนค่าจ้างเงินเดือนและโบนัสของพนักงานเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึงกว่า 47 % ทั้งๆ ที่จำนวนพนักงานลดลง 16 %
ส่วนเจพีมอร์แกนเชสก็ระบุว่าค่าตอบแทนพนักงานในรูปของตราสารอนุพันธ์ออปชั่นหุ้น ได้เพิ่มขึ้น 21 %ในช่วงครึ่งปีแรกนี้เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดี่ยวกันในปี 2008
ธนาคาร 2 แห่งต่างก็ได้รับเงินช่วยเหลือกู้ชีวิตจากรัฐบาลเมื่อปีที่แล้ว แต่ได้ชดใช้เงินคืนให้กับรัฐบาลแล้วเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ทว่า เวลส์ฟาร์โกซึ่งยังไม่ได้ใช้คืนเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ ครบทั้งหมด ก็รายงานว่าค่าใช้จ่ายในส่วนของเงินเดือนผลตอบแทนพนักงานในไตรมาสที่สองเพิ่มขึ้น เพราะ "มีการจ่ายเงินผลตอบแทนในส่วนของกิจการสินเชื่อบ้าน กิจการโบรกเกอร์ และด้านวาณิชธนกิจเพิ่มขึ้น"
พอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบล ให้ความเห็นในคอลัมน์ของหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทม์ส์ฉบับวันอาทิตย์ (20) ว่า "แม้ว่าคนในประเทศจะยังเดือดร้อนจากภาวะการว่างงานสูงและประสบกับความยากลำบากอื่นๆ แต่การจ่ายเงินตอบแทนในวอลสตรีทกำลังเดินกลับไปสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตการณ์การเงินโลกแล้ว"
เขาบอกอีกว่าพวกนักธุรกิจการธนาคารนั้นได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองบางส่วนของพรรครีพับลิกัน และกำลังหาช่องทางสกัดกั้นไม่ให้มีการปฏิรูปธุรกิจแขนงนี้แม้แต่น้อย ส่วนประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งพรรคเดโมแครต ก็ดูเหมือนจะ "ยังไม่พร้อมที่จะเอาจริงกับพวกนักการธนาคารเสียที"
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โอบามาได้ตอบคำถามของสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กแบบเลี่ยงๆ เกี่ยวกับเรื่องที่สหรัฐฯ ไม่ได้สนับสนุนข้อเสนอให้มีการจำกัดการจ่ายเงินค่าจ้างของผู้บริหารกิจการธนาคาร โดยบอกว่า "คุณอาจต้องลองถามตัวเองว่า ทำไม่ถึงต้องจำกัดค่าจ้างผู้บริหารในวอลสตรีท แต่ไม่จำกัดค่าจ้างของพวกผู้ประกอบการในซิลิกอนแวลลีย์ หรือพวกนักฟุตบอลเอนเอฟแอลบ้างล่ะ?"
วิกฤตซึ่งแผ่ลามไปทั่วโลก ทำให้ต้องมีการปลดพนักงานกันมหาศาล โดยตามตัวเลขกระทรวงแรงงานอเมริกัน เฉพาะภาคการเงินสหรัฐฯก็ปลดถึงกว่า 286,000 คนในปีเดียว สภาพเช่นนี้น่าที่จะทำให้กิจการภาคการเงินการธนาคาร มีรายจ่ายเรื่องผลตอบแทนพนักงานลดต่ำลงฮวบฮาบ แต่ข้อเท็จจริงกลับตรงกันข้าม
โกลด์แมนแซคส์ รายงานว่าในไตรมาสที่สองมีค่าใช้จ่ายในส่วนค่าจ้างเงินเดือนและโบนัสของพนักงานเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึงกว่า 47 % ทั้งๆ ที่จำนวนพนักงานลดลง 16 %
ส่วนเจพีมอร์แกนเชสก็ระบุว่าค่าตอบแทนพนักงานในรูปของตราสารอนุพันธ์ออปชั่นหุ้น ได้เพิ่มขึ้น 21 %ในช่วงครึ่งปีแรกนี้เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดี่ยวกันในปี 2008
ธนาคาร 2 แห่งต่างก็ได้รับเงินช่วยเหลือกู้ชีวิตจากรัฐบาลเมื่อปีที่แล้ว แต่ได้ชดใช้เงินคืนให้กับรัฐบาลแล้วเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ทว่า เวลส์ฟาร์โกซึ่งยังไม่ได้ใช้คืนเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ ครบทั้งหมด ก็รายงานว่าค่าใช้จ่ายในส่วนของเงินเดือนผลตอบแทนพนักงานในไตรมาสที่สองเพิ่มขึ้น เพราะ "มีการจ่ายเงินผลตอบแทนในส่วนของกิจการสินเชื่อบ้าน กิจการโบรกเกอร์ และด้านวาณิชธนกิจเพิ่มขึ้น"
พอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบล ให้ความเห็นในคอลัมน์ของหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทม์ส์ฉบับวันอาทิตย์ (20) ว่า "แม้ว่าคนในประเทศจะยังเดือดร้อนจากภาวะการว่างงานสูงและประสบกับความยากลำบากอื่นๆ แต่การจ่ายเงินตอบแทนในวอลสตรีทกำลังเดินกลับไปสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตการณ์การเงินโลกแล้ว"
เขาบอกอีกว่าพวกนักธุรกิจการธนาคารนั้นได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองบางส่วนของพรรครีพับลิกัน และกำลังหาช่องทางสกัดกั้นไม่ให้มีการปฏิรูปธุรกิจแขนงนี้แม้แต่น้อย ส่วนประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งพรรคเดโมแครต ก็ดูเหมือนจะ "ยังไม่พร้อมที่จะเอาจริงกับพวกนักการธนาคารเสียที"
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โอบามาได้ตอบคำถามของสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กแบบเลี่ยงๆ เกี่ยวกับเรื่องที่สหรัฐฯ ไม่ได้สนับสนุนข้อเสนอให้มีการจำกัดการจ่ายเงินค่าจ้างของผู้บริหารกิจการธนาคาร โดยบอกว่า "คุณอาจต้องลองถามตัวเองว่า ทำไม่ถึงต้องจำกัดค่าจ้างผู้บริหารในวอลสตรีท แต่ไม่จำกัดค่าจ้างของพวกผู้ประกอบการในซิลิกอนแวลลีย์ หรือพวกนักฟุตบอลเอนเอฟแอลบ้างล่ะ?"
