ASTVผู้จัดการรายวัน – “ฟิวเจอร์พาร์ค” ปรับแผนการลงทุนพัฒนาพี่ดินใหม่ มุ่งพาร์ทเนอร์เป็นหลัก เล็งเปิดเป็นสปอร์ต คอมเพล็กซ์ หวังช่วยเสริมศักยภาพของศูนย์ฯ หลังชะลอแผนลงทุนมากว่า 2 ปี เผยแผนปีหน้ามุ่งเรื่องการบริการที่สะดวกสบายมากขึ้น หลังหันมารีโนเวตพื้นที่ในศูนย์กว่า 2 ปี เชื่อเศรษฐกิจไม่นิ่ง ยังไม่ควรลงทุน ล่าสุดอัดแคมเปญกระตุ้นไตรมาสสี่ ด้วยงบ 60 ล้านบาท มั่นใจผลักรายได้แตะ 1,500 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5-8
นางสาวจิตตินันท์ หวั่งหลี กรรมการบริษัท รังสิตพลาซ่า ผู้บริหาร ศูนย์การค้า ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เปิดเผยว่า จากแผนการลงทุนเดิมที่จะพัฒนาโครงการพัฒนาพื้นที่กว่า 700 ไร่ รอบๆศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ที่ตั้งใจว่าจะทำเป็นคอมมูนิตี้มอลล์นั้น ล่าสุดมองว่าช่วงเวลานี้ยังไม่เหมาะสมที่จะลงทุน ส่วนหนึ่งมาจากสภาพเศรษฐกิจอีกทั้งต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
ล่าสุดบริษัทได้ปรับแผนการพัฒนาที่ดินดังกล่าว จากเดิมมุ่งลงทุนเอง หรือการร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ มาเป็นการหาผู้ร่วมลงทุนมาพัฒนาที่ดินแทน ขณะที่โครงการที่ผู้ลงทุนเหล่านั้นจะเข้ามาดำเนินการจะต้องเสริมศักยภาพให้กับทางศูนย์การค้า ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ด้วย โดยในขณะนี้มีผู้ที่สนใจและติดต่อเจรจากันอยู่ประมาณ 2-3 ราย กับพื้นที่ที่จะใช้พัฒนาไม่ต่ำกว่า 10 ไร่
ทั้งนี้มองว่าการพัฒนาที่ดินครั้งนี้ ควรจะเป็นโครงการที่แตกต่างและยังไม่มีใครทำมาก่อน เช่น สปอร์ต คอมเพล็กซ์ ที่มีสนามกีฬาประเภทต่างๆ และสนามเด็กเล่น รวมไปถึงโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องของเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ต่างๆ และกลุ่มรีเทลด้วย ซึ่งก็มองว่าเป็นโครงการที่น่าสนใจ
อย่างไรก็ตามแผนการลงทุนของทางบริษัทนั้น ระหว่างนี้ยังไม่มีแผนลงทุนใหญ่ๆ เว้นแต่ในปีหน้ายังคงเดินหน้าต่อเนื่องในการรีโนเวตพื้นที่ในศูนย์การค้าฯเพื่อให้เกิดความสะดวกแก่ผู้ที่เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์ฯมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของลานจอดรถ และการบริการต่างๆ ล่าสุดในปีนี้ก็ได้มีการพัฒนาพื้นที่บนชั้น 3 ซึ่งเริ่มในช่วง ก.ค. และแล้วเสร็จในเดือนส.ค.
ที่ผ่านมา โดยการรีโนเวตพื้นที่ในฟิวเจอร์พาร์คแห่งนี้ เริ่มทำมากว่า 2 ปี มีการใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ในส่วนของงบการตลาดในปี 2553 นั้น ขณะนี้ยังวางไว้ที่ 300 ล้านบาท เท่ากับปีนี้ โดยมองว่าการเมืองยังคงเป็นเรื่องที่ส่งผลต่ออารมณ์ในการจับจ่ายซื้อของอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามผลประกอบการของศูนย์ฯ ครึ่งปีแรกยังมีการเติบโต 5% ส่วนในเดือนก.ค.มีเรื่องของไข้หวัด 2009 เข้ามา ส่งผลให้มีจำนวนคนเดินเข้าศูนย์ฯลดลงบ้าง แต่ในเดือนส.ค.เป็นต้นมาเริ่มดีขึ้น มั่นใจว่าทั้งปีจะมีรายได้ตามแผนที่วางไว้ 1,500 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนอีก 5-8%
ล่าสุดบริษัทเตรียมจัดกิจกรรมฉลองครบรอบ 14 ปี ได้ทุ่มงบกว่า 20 ล้านบาท (จากงบที่ใช้ในไตรมาสสุดท้ายทั้งหมด 60 ล้านบาท) จัดกิจกรรม “Future Park 14 Anniversary Grand Splendor” ชูเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ มาร์เก็ตติ้ง ดึง 10 ศิลปินดัง ร่วมโชว์ คอนเสิร์ต 10 วัน ด้วยคอนเซ็ปต์ “ซูเปอร์เซลล์ ซูเปอร์โชว์ ซูเปอร์สตาร์”ระหว่างวันที่ 25 ก.ย.-4 ต.ค. นี้ เพียงซื้อสินค้าครบ 1,000 บาท รับบัตรชมคอนเสิร์ต 1 ที่นั่ง
นางสาวจิตตินันท์ หวั่งหลี กรรมการบริษัท รังสิตพลาซ่า ผู้บริหาร ศูนย์การค้า ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เปิดเผยว่า จากแผนการลงทุนเดิมที่จะพัฒนาโครงการพัฒนาพื้นที่กว่า 700 ไร่ รอบๆศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ที่ตั้งใจว่าจะทำเป็นคอมมูนิตี้มอลล์นั้น ล่าสุดมองว่าช่วงเวลานี้ยังไม่เหมาะสมที่จะลงทุน ส่วนหนึ่งมาจากสภาพเศรษฐกิจอีกทั้งต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
ล่าสุดบริษัทได้ปรับแผนการพัฒนาที่ดินดังกล่าว จากเดิมมุ่งลงทุนเอง หรือการร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ มาเป็นการหาผู้ร่วมลงทุนมาพัฒนาที่ดินแทน ขณะที่โครงการที่ผู้ลงทุนเหล่านั้นจะเข้ามาดำเนินการจะต้องเสริมศักยภาพให้กับทางศูนย์การค้า ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ด้วย โดยในขณะนี้มีผู้ที่สนใจและติดต่อเจรจากันอยู่ประมาณ 2-3 ราย กับพื้นที่ที่จะใช้พัฒนาไม่ต่ำกว่า 10 ไร่
ทั้งนี้มองว่าการพัฒนาที่ดินครั้งนี้ ควรจะเป็นโครงการที่แตกต่างและยังไม่มีใครทำมาก่อน เช่น สปอร์ต คอมเพล็กซ์ ที่มีสนามกีฬาประเภทต่างๆ และสนามเด็กเล่น รวมไปถึงโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องของเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ต่างๆ และกลุ่มรีเทลด้วย ซึ่งก็มองว่าเป็นโครงการที่น่าสนใจ
อย่างไรก็ตามแผนการลงทุนของทางบริษัทนั้น ระหว่างนี้ยังไม่มีแผนลงทุนใหญ่ๆ เว้นแต่ในปีหน้ายังคงเดินหน้าต่อเนื่องในการรีโนเวตพื้นที่ในศูนย์การค้าฯเพื่อให้เกิดความสะดวกแก่ผู้ที่เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์ฯมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของลานจอดรถ และการบริการต่างๆ ล่าสุดในปีนี้ก็ได้มีการพัฒนาพื้นที่บนชั้น 3 ซึ่งเริ่มในช่วง ก.ค. และแล้วเสร็จในเดือนส.ค.
ที่ผ่านมา โดยการรีโนเวตพื้นที่ในฟิวเจอร์พาร์คแห่งนี้ เริ่มทำมากว่า 2 ปี มีการใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ในส่วนของงบการตลาดในปี 2553 นั้น ขณะนี้ยังวางไว้ที่ 300 ล้านบาท เท่ากับปีนี้ โดยมองว่าการเมืองยังคงเป็นเรื่องที่ส่งผลต่ออารมณ์ในการจับจ่ายซื้อของอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามผลประกอบการของศูนย์ฯ ครึ่งปีแรกยังมีการเติบโต 5% ส่วนในเดือนก.ค.มีเรื่องของไข้หวัด 2009 เข้ามา ส่งผลให้มีจำนวนคนเดินเข้าศูนย์ฯลดลงบ้าง แต่ในเดือนส.ค.เป็นต้นมาเริ่มดีขึ้น มั่นใจว่าทั้งปีจะมีรายได้ตามแผนที่วางไว้ 1,500 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนอีก 5-8%
ล่าสุดบริษัทเตรียมจัดกิจกรรมฉลองครบรอบ 14 ปี ได้ทุ่มงบกว่า 20 ล้านบาท (จากงบที่ใช้ในไตรมาสสุดท้ายทั้งหมด 60 ล้านบาท) จัดกิจกรรม “Future Park 14 Anniversary Grand Splendor” ชูเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ มาร์เก็ตติ้ง ดึง 10 ศิลปินดัง ร่วมโชว์ คอนเสิร์ต 10 วัน ด้วยคอนเซ็ปต์ “ซูเปอร์เซลล์ ซูเปอร์โชว์ ซูเปอร์สตาร์”ระหว่างวันที่ 25 ก.ย.-4 ต.ค. นี้ เพียงซื้อสินค้าครบ 1,000 บาท รับบัตรชมคอนเสิร์ต 1 ที่นั่ง