xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค”จ้อดึงทุนอเมริกา ชู 400 โครงการไทยเข้มแข็ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – “อภิสิทธิ์” พร้อมร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 64 ณ นครนิวยอร์ก เตรียมเดินสายสร้างความเชื่อมั่น หวังดึงทุนจากนักลงทุนอเมริกาเข้าไทยมากขึ้น “กษิต-อลงกรณ์” ฟุ้งนักธุรกิจ นักลงทุน คนสหรัฐฯ เชื่อมั่นนโยบายเศรษฐกิจ-การเมืองไทยมากขึ้น โวผ่าน 400 โครงการตามนโยบายไทยเข้มแข็ง


เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล (www.thaigov.go.th) รายงานว่า วานนี้ (22 ก.ย.) เวลา 11.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น(สหรัฐอเมริกา) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและภริยา เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติ John F. Kennedy นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยมีนายดอน ปรมัตถ์วินัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน และนายนรชิต สิงหเสนี เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก รอให้การต้อนรับ

การเยือนสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 64 ณ นครนิวยอร์ก และการประชุม Pittsburgh Summit ณ นครพิตส์เบิร์ก ระหว่างวันที่ 21-27 ก.ย. 52 และร่วมกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นประเทศไทย ณ นครนิวยอร์ก

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทย ว่า สหรัฐฯเขาเห็นว่าไทยและเอเชียในภาพรวม กำลังฟื้นตัวทางเศรษฐกิจค่อนข้างเร็ว จึงได้ยืนยันในส่วนของไทยว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นของไทยขึ้นมาเกือบร้อยละ 60 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจ เริ่มเป็นบวก

นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลาง และระยะยาวในโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยเฉพาะเรื่องน้ำ เส้นทางคมนาคม และภาคบริการ และเชื่อมั่นว่า จะเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนให้กับนักลงทุนสหรัฐฯ ว่า ไทยกำลังจะมีการลงทุนใหม่เกิดขึ้น

** “กษิต-อลงกรณ์”จ้อไกลจากสหรัฐฯ

เวลา 08.30 น. วานนี้ (22 ก.ย.) ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ พร้อมด้วย นายปณิธาน วัฒนยากรณ์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวผ่านการถ่ายทอดทาง Web Conference จากประเทศสหรัฐอเมริกา เวลาในประเทศ 21.30 น. ในภารกิจวันแรกของการเดินทางไปการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 64 ณ นครนิวยอร์ก และการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ (G 20) ที่เมือง Pittsburgh ในระหว่างวันที่ 21-27 ก.ย. 52 ซึ่งเป็นการออกรายการแทนนายกฯ ที่ติดภารกิจงานเลี้ยงรับรองผู้ค้าผู้ลงทุนรายใหญ่ในไทย

นายอลงกรณ์ แถลงว่า นายกฯได้พบปะนักลงทุน ผู้จัดการกองทุน และบริษัทหลักทรัพย์ โดยนายกฯได้สร้างความเชื่อมั่น ทางเศรษฐกิจและได้รับความสนใจโดยเฉพาะเอสพี2 หรือแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง เพราะเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ของไทยจำนวน 1.4 แสนล้านล้านบาท

"นายกฯได้กล่าวปราศรัยกับ40บริษัทผู้นำเข้าของสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะปีที่ผ่านมา มีการนำเข้าสินค้าไทย6แสนกว่าล้านบาท ถือเป็นผู้ส่งออกสินค้ามายังไทยในลำดับที่3 ฉะนั้นสหรัฐอเมริกาคือคู่ค้าสำคัญของไทยแต่เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาได้รับผลกระทบ ตัวเลขการนำเข้าสินค้าไทยจึงลดลง 25% ช่วง7เดือนแรก ไทยผ่านจุดต่ำสุดของวิกฤตเศรษฐกิจไทยแล้ว"

นายอลงกรณ์กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การเมืองที่มีข้อกังวลและมีคำถามว่ารัฐบาลมีแนวทางอย่างไร นายกฯชี้แจงว่าวันนี้สถานการณ์คลี่คลายดีขึ้น และหลังกลับจากสหรัฐอเมริกานายกฯจะหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และรัฐบาลยังดำเนินนโยบายสมานฉันท์ปรองดองคู่กันไป สหรัฐอเมริกาก็เข้าใจว่าเป็นสิทธิของประชาชนในการชุมนุมแสดงความเห็นที่แตกต่าง

นายอลงกรณ์กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้เจรจาจนประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ คือ 1 นายกฯเป็นที่ชื่นชมว่าเป็นผู้นำรุ่นใหม่ มีการศึกษาดี มีวิสัยทัศน์ เป็นคนเก่งและเป็นนักประชาธิปไตยเพราะได้พิสูจน์ตัวเองในวิถีทางการเมืองมา17ปี 2.ความเชื่อมั่นต่อการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้ นักลงทุนเห็นว่า ไทยฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจเร็วกว่าที่คิดและตรงกับตัวเลขข้อเท็จจริงที่ปรากฏ

นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สิ่งที่นายกฯได้ย้ำคือเรื่องของภาพลักษณ์ ภาพพจน์ และความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย โดยแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยที่ได้ผ่านรัฐสภา และได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคม และสิ่งที่คู่ขนานกับเศรษฐกิจนายกฯได้ย้ำก็คือ เสถียรภาพทางการเมืองของไทย

“ เมื่อนายกฯเดินทางกลับประเทศไทย จะให้พรรคการเมือง ส.ส. ส.ว.ได้เลือกคือ จะพิจารณาข้อเสนอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร จะเป็นสัมมัชชาแห่งชาติ จะเป็นพรรคการเมืองว่ากันในสภา หรือจะมีคณะกรรมการพิเศษ เป็นการตอกย้ำให้กับนักลงทุน นักธุรกิจต่างชาติเห็นว่า เราเพียรพยายามแก้ไขปัญหาการเมืองด้วยสันติวิธี ด้และสามารถดำเนินการ 2 อย่างควบคู่กันไปได้ คือ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเสถียรภาพทางการเมือง การแก้ไขปัญหาทางการเมือง ด้วยสันติวิธี”

ในวันที่ 23 ก.ย.นายกฯมีภาระกิจหลักคือ 1. การประชุมสุดยอดผู้นำสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องโลกร้อน ที่สหประชาชาติ 2. การกล่าวกับกลุ่มผู้ลงทุนหรือบริษัทที่ได้มีการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะนักลงทุนรายใหม่ที่จะไปลงทุนในประเทศไทย และ3.การพบผู้แทนชุมชนชาวไทย ประมาณ 300 คน และจะออกรายการ “ที่นี้ไทยยูเอสเอ” พูดกับทางสื่อที่กรุงเทพฯโดยตรงในวันที่ 23 ก.ย.นี้ รวมไปถึงการพบเลขาธิการสหประชาชาติ ผู้นำของประเทศลิเบีย และพบกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในงานเลี้ยงรับรองในช่วงค่ำ และมีกำหนดการพบกับผู้นำหลายประเทศ

นายกษิต กล่าวว่า ระดับความสนใจ ความห่วงใยทางด้านการเมืองของไทยจากนักลงทุนสหรัฐมีอยู่สูงมาก เพราะว่ามันกระทบกระเทือนต่อการลงทุน แต่สิ่งที่รัฐบาลไทยดำเนินการตลอด ซึ่งรัฐบาลได้เสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อทิศทางของประเทศ และเสถียรภาพที่เพิ่งจะมีทั้งเศรษฐกิจ และการเมือง โดยเฉพาะทิศทางจะไปทิศไหนอย่างไร เช่นการลงทุนใหญ่หลวงโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเชื่อมต่อในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน พัฒนาคน โดยเฉพาะการศึกษา สุขภาพ คุณภาพชีวิต ทุกอย่างมีโครงการถึง 400 โครงการ เป็นเงิน 45 พันพันล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา ตัวเลขก็ออกมาชัด ตรวจสอบได้ จับต้องได้ เป็นสิ่งที่รัฐบาลลงทุน รัฐบาลมีเงิน ไม่ใช่พูดลอยๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น