เดลิเมล์ - สูบมาเกือบศตวรรษ ที่สุดคุณย่าทวดวินนี แลงลีย์ วัย 102 ปี ตัดสินใจเลิกบุหรี่เด็ดขาด
คุณย่าทวดวินนีจุดบุหรี่ครั้งแรกเมื่อยุโรปเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1914
นับจากนั้นเป็นต้นมา คุณย่าทวดมีบุหรี่เพลเยอร์ส เนวี บลู (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเอ็มบาสซี) เป็นเพื่อนมาตลอดทั้งในยามทุกข์และยามสุข
กระทั่งขณะนี้ในวัย 102 ปี คุณย่าทวดตัดสินใจหันหลังให้บุหรี่โดยสิ้นเชิงหลังสูบต่อเนื่องมา 95 ปี เพราะไม่ 'ปลื้ม' เจ้ามวนขาวอีกต่อไป
วินนีที่เคยแบ่งบุหรี่กับเพื่อนๆ ตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กเล็ก เล่าว่าที่ไม่เป็นมะเร็งเพราะไม่เคยอัดควันบุหรี่เข้าปอด
อดีตพนักงานซักรีดที่อาศัยอยู่ในครอยดอน ทางใต้ของลอนดอน บอกว่า "สมัยก่อนใครๆ ก็สูบบุหรี่กันทั้งนั้น เข้าเมืองตาหลิ่วเลยต้องหลิ่วตาตาม เราไม่รู้หรอกเรื่องปัญหาสุขภาพ แต่ตอนนี้ฉันก็แค่ไม่ปลื้มมันแล้วเท่านั้น
"พักหลังสายตาฉันแย่ลง อีกไม่นานคงมองซองบุหรี่ไม่เห็นแล้ว"
นับจากเริ่มพฤติกรรมสิงห์อมควันครั้งแรกเมื่อปี 1914 คุณย่าทวดสูบบุหรี่เฉลี่ยวันละ 5 มวน รวมแล้วตลอดชีวิตที่ผ่านมาสูบไปแล้วกว่า 170,000 มวน
ในมือวินนีจะมีบุหรี่เสมอระหว่างที่เศรษฐกิจบ้านเมืองฝืดเคืองหนักและช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
"ฉันอยู่ใกล้ๆ บิกกินฮิลล์ ได้ยินเสียงทิ้งระเบิดของเยอรมันถนัดถนี่ บางลูกตกใกล้เหลือเกิน หลังจากนั้นเป็นคุณก็คงอยากอัดบุหรี่เหมือนฉัน เราไม่มีทางรู้เลยว่าวันพรุ่งนี้จะมีชีวิตรอดหรือเปล่า ฉันเลยคิดว่าน่าจะหาความสุขใส่ตัวเองให้มากที่สุดระหว่างที่ยังมีลมหายใจอยู่"
วินนีอายุยืนกว่าโรเบิร์ต สามีที่เสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 1968 หรือแม้กระทั่งลูกชายที่ตายเมื่อสี่ปีที่แล้ว ขณะอายุ 72 ปี
"ช่วงปีหลังๆ มานี้ฉันสูบน้อยลง ประมาณ 2-3 วันจะสูบสักมวนหลังอาหารเย็นหรือในห้องนอน ฉันยังมีปัญญาซื้ออยู่แต่ว่าราคาบุหรี่ยุคนี้แพงจนน่าเกลียด การห้ามสูบบุหรี่ก็น่าขยะแขยงเหมือนกัน จากแต่ก่อนที่คุณอยากสูบที่ไหนก็สูบได้"
คลิฟ หลายชายวัย 53 ปี สำทับว่า "หมอบอกว่าจะเลิกหรือไม่เลิกตอนนี้ไม่ได้แตกต่างอะไร เพราะย่าอายุ 102 ปีแล้วโดยที่ไม่มีมะเร็งมากล้ำกรายเลย ซึ่งสำหรับผมเหลือเชื่อมาก"
คุณย่าทวดวินนีจุดบุหรี่ครั้งแรกเมื่อยุโรปเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1914
นับจากนั้นเป็นต้นมา คุณย่าทวดมีบุหรี่เพลเยอร์ส เนวี บลู (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเอ็มบาสซี) เป็นเพื่อนมาตลอดทั้งในยามทุกข์และยามสุข
กระทั่งขณะนี้ในวัย 102 ปี คุณย่าทวดตัดสินใจหันหลังให้บุหรี่โดยสิ้นเชิงหลังสูบต่อเนื่องมา 95 ปี เพราะไม่ 'ปลื้ม' เจ้ามวนขาวอีกต่อไป
วินนีที่เคยแบ่งบุหรี่กับเพื่อนๆ ตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กเล็ก เล่าว่าที่ไม่เป็นมะเร็งเพราะไม่เคยอัดควันบุหรี่เข้าปอด
อดีตพนักงานซักรีดที่อาศัยอยู่ในครอยดอน ทางใต้ของลอนดอน บอกว่า "สมัยก่อนใครๆ ก็สูบบุหรี่กันทั้งนั้น เข้าเมืองตาหลิ่วเลยต้องหลิ่วตาตาม เราไม่รู้หรอกเรื่องปัญหาสุขภาพ แต่ตอนนี้ฉันก็แค่ไม่ปลื้มมันแล้วเท่านั้น
"พักหลังสายตาฉันแย่ลง อีกไม่นานคงมองซองบุหรี่ไม่เห็นแล้ว"
นับจากเริ่มพฤติกรรมสิงห์อมควันครั้งแรกเมื่อปี 1914 คุณย่าทวดสูบบุหรี่เฉลี่ยวันละ 5 มวน รวมแล้วตลอดชีวิตที่ผ่านมาสูบไปแล้วกว่า 170,000 มวน
ในมือวินนีจะมีบุหรี่เสมอระหว่างที่เศรษฐกิจบ้านเมืองฝืดเคืองหนักและช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
"ฉันอยู่ใกล้ๆ บิกกินฮิลล์ ได้ยินเสียงทิ้งระเบิดของเยอรมันถนัดถนี่ บางลูกตกใกล้เหลือเกิน หลังจากนั้นเป็นคุณก็คงอยากอัดบุหรี่เหมือนฉัน เราไม่มีทางรู้เลยว่าวันพรุ่งนี้จะมีชีวิตรอดหรือเปล่า ฉันเลยคิดว่าน่าจะหาความสุขใส่ตัวเองให้มากที่สุดระหว่างที่ยังมีลมหายใจอยู่"
วินนีอายุยืนกว่าโรเบิร์ต สามีที่เสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 1968 หรือแม้กระทั่งลูกชายที่ตายเมื่อสี่ปีที่แล้ว ขณะอายุ 72 ปี
"ช่วงปีหลังๆ มานี้ฉันสูบน้อยลง ประมาณ 2-3 วันจะสูบสักมวนหลังอาหารเย็นหรือในห้องนอน ฉันยังมีปัญญาซื้ออยู่แต่ว่าราคาบุหรี่ยุคนี้แพงจนน่าเกลียด การห้ามสูบบุหรี่ก็น่าขยะแขยงเหมือนกัน จากแต่ก่อนที่คุณอยากสูบที่ไหนก็สูบได้"
คลิฟ หลายชายวัย 53 ปี สำทับว่า "หมอบอกว่าจะเลิกหรือไม่เลิกตอนนี้ไม่ได้แตกต่างอะไร เพราะย่าอายุ 102 ปีแล้วโดยที่ไม่มีมะเร็งมากล้ำกรายเลย ซึ่งสำหรับผมเหลือเชื่อมาก"