วานนี้ ( 16 ก.ย.) คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีนายชัช ชลวร เป็นประธาน ได้มีการประชุมกรณี นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา มีหนังสือลงวันที่ 11 ก.ย. 52 ส่งความเห็นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 กรณีสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 16 คน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 119 (5) เนื่องจากกระทำการต้องห้าม ตามมาตรา 265 (2) (4) ถือครองหุ้นในธุรกิจสื่อและบริษัทที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐ
ภายหลังการประชุมนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ทางสำนักงานฯได้รายงานความคืบหน้าของคำร้องว่า คำร้องที่มีการส่งมานั้น ประกอบด้วยต้นฉบับ และสำเนาจำนวน 16 ชุด แต่ละชุดมีเอกสารจำนวนประมาณ 5,000 แผ่น รวมทั้งสิ้น 80,000 แผ่น
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เอกสารบางส่วนไม่สมบูรณ์ บางส่วนไม่มีเลขหน้า บางส่วนถ่ายเอกสารไม่ชัดเจน และบางส่วนไม่ได้รับรองสำเนาถูกต้อง เป็นต้น รวมทั้งยังพบว่าเนื้อหาของคำร้องที่ส่งมา มีทั้งสำนวน ส.ว. ที่ กกต.เห็นว่าสมาชิกภาพของ ส.ว.สิ้นสุดลง 16 คน และไม่เข้าลักษณะต้องห้าม และยุติเรื่อง 21 คน รวมทั้งสิ้น 37 คน จึงเป็นเหตุให้ต้องใช้เวลา และกำลังคนจำนวนมากในการคัดแยกสำนวน
ที่ประชุมจึงมีมติให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งไปยังสำนักงาน กกต.และสำนักเเลขาธิการวุฒิสภา เพื่อให้ส่งเจ้าหน้าที่มาดำเนินการแยกสำนวน ภายในวันที่ 17 ก.ย.นี้
ด้านนายบุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า การคัดแยกเอกสารทางคณะตุลาการฯไม่ได้กำหนดเวลา เพียงแต่บอกว่าขอให้เสร็จโดยเร็ว จากนั้นก็อาจต้องเชิญผู้ถูกร้องคือ ส.ว. มาตรวจสอบอีกครั้ง โดยเมื่อได้ข้อสุรปเรื่องเอกสารเรียบร้อย ก็จะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาว่า คำร้องดังกล่าวเข้าเกณฑ์ที่จะรับไว้พิจารณาหรือไม่
ดังนั้นขอให้เข้าใจว่า มติที่ออกมาครั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีเจตนาที่จะยื้อเรื่องนี้แต่อย่างใด
นายบุญส่ง กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวมองว่า แม้กรณีดังกล่าว ส.ว.จะมีการร้องต่อศาลปกครอง แต่ก็ไม่จำเป็นที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องไปรอการวินิจฉัยของศาลปกครองก่อน เพราะเป็นคนละเรื่องกัน ศาลปกครองเขาก็พิจารณาในเรื่องว่ากระบวนการวินิจฉัยของ กกต.ชอบหรือไม่ ส่วนศาลรัฐธรรมนูญก็จะดูประเด็นว่า การที่ ส.ว.ถือหุ้นนั้น ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ทาง กกต.ได้รับหนังสือประสานขอเจ้าหน้าที่ไปร่วมคัดแยกเอกสารแล้ว โดยพร้อมให้ความร่วมมืออย่างดี ซึ่งในวันนี้ (17 ก.ย.) ก็จะมอบหมายผู้รับผิดชอบโดยตรง เป็นระดับผู้อำนวยการสำนักวินิจฉัยและคดี และเลขานุการคณะกรรมการไต่สวนชุดหุ้นส.ว.ไปร่วมตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ยังได้รับคำร้องของประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ส่งความเห็นของ กกต.ขอให้ศาลได้วินิจฉัยกรณีสมาชิกภาพของ 13 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถือหุ้นเข้าลักษณะต้องห้าม โดยพบว่าเอกสารที่จัดส่งมานั้นมีจำนวน 3 กล่อง ด้วยกัน
ภายหลังการประชุมนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ทางสำนักงานฯได้รายงานความคืบหน้าของคำร้องว่า คำร้องที่มีการส่งมานั้น ประกอบด้วยต้นฉบับ และสำเนาจำนวน 16 ชุด แต่ละชุดมีเอกสารจำนวนประมาณ 5,000 แผ่น รวมทั้งสิ้น 80,000 แผ่น
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เอกสารบางส่วนไม่สมบูรณ์ บางส่วนไม่มีเลขหน้า บางส่วนถ่ายเอกสารไม่ชัดเจน และบางส่วนไม่ได้รับรองสำเนาถูกต้อง เป็นต้น รวมทั้งยังพบว่าเนื้อหาของคำร้องที่ส่งมา มีทั้งสำนวน ส.ว. ที่ กกต.เห็นว่าสมาชิกภาพของ ส.ว.สิ้นสุดลง 16 คน และไม่เข้าลักษณะต้องห้าม และยุติเรื่อง 21 คน รวมทั้งสิ้น 37 คน จึงเป็นเหตุให้ต้องใช้เวลา และกำลังคนจำนวนมากในการคัดแยกสำนวน
ที่ประชุมจึงมีมติให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งไปยังสำนักงาน กกต.และสำนักเเลขาธิการวุฒิสภา เพื่อให้ส่งเจ้าหน้าที่มาดำเนินการแยกสำนวน ภายในวันที่ 17 ก.ย.นี้
ด้านนายบุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า การคัดแยกเอกสารทางคณะตุลาการฯไม่ได้กำหนดเวลา เพียงแต่บอกว่าขอให้เสร็จโดยเร็ว จากนั้นก็อาจต้องเชิญผู้ถูกร้องคือ ส.ว. มาตรวจสอบอีกครั้ง โดยเมื่อได้ข้อสุรปเรื่องเอกสารเรียบร้อย ก็จะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาว่า คำร้องดังกล่าวเข้าเกณฑ์ที่จะรับไว้พิจารณาหรือไม่
ดังนั้นขอให้เข้าใจว่า มติที่ออกมาครั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีเจตนาที่จะยื้อเรื่องนี้แต่อย่างใด
นายบุญส่ง กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวมองว่า แม้กรณีดังกล่าว ส.ว.จะมีการร้องต่อศาลปกครอง แต่ก็ไม่จำเป็นที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องไปรอการวินิจฉัยของศาลปกครองก่อน เพราะเป็นคนละเรื่องกัน ศาลปกครองเขาก็พิจารณาในเรื่องว่ากระบวนการวินิจฉัยของ กกต.ชอบหรือไม่ ส่วนศาลรัฐธรรมนูญก็จะดูประเด็นว่า การที่ ส.ว.ถือหุ้นนั้น ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ทาง กกต.ได้รับหนังสือประสานขอเจ้าหน้าที่ไปร่วมคัดแยกเอกสารแล้ว โดยพร้อมให้ความร่วมมืออย่างดี ซึ่งในวันนี้ (17 ก.ย.) ก็จะมอบหมายผู้รับผิดชอบโดยตรง เป็นระดับผู้อำนวยการสำนักวินิจฉัยและคดี และเลขานุการคณะกรรมการไต่สวนชุดหุ้นส.ว.ไปร่วมตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ยังได้รับคำร้องของประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ส่งความเห็นของ กกต.ขอให้ศาลได้วินิจฉัยกรณีสมาชิกภาพของ 13 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถือหุ้นเข้าลักษณะต้องห้าม โดยพบว่าเอกสารที่จัดส่งมานั้นมีจำนวน 3 กล่อง ด้วยกัน