ASTVผู้จัดการรายวัน - สแตนดาร์ดฯเล็งปรับพอร์ตสินเชื่อ เพิ่มสัดส่วนสินเชื่อที่มีหลักประกันเป็น 70%ภายใน 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 50% เพื่อสร้างสมดุลในการดำเนินธุรกิจ และมีสินเชื่อรวมแตะ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ล่าสุดเปิดตัวแคมเปญ“โบนัสมาราธอน” เพื่อรุกตลาดรายย่อย
นายวิกราม อิซซาร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย)จำกัด(มหาชน)(SCBT) เปิดเผยว่า ในปี 2555 ธนาคารตั้งเป้าเติบโตสัดส่วนสินเชื่อที่มีหลักประกันไว้ที่ 70%ของสินเชื่อรวม ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะเป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัย 35-40% สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดกลาง (เอสเอ็มอี) 10% และบริหารการเงินและการลงทุน (Wealth Management) 20-25% ส่วนสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันจะอยู่ที่ 30%ของสินเชื่อรวม จะเป็นสินเชื่อบุคคล เนื่องจากธนาคารต้องการปรับฐานธุรกิจรายย่อยให้มีความสมดุลมากขึ้น จากที่ในอดีตเน้นการเติบโตของสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันและประสบความสำเร็จอย่างดี แต่จากภาวะเศรษฐกิจและตลาดที่เปลี่ยนไปธนาคารจึงปรับกลยุทธ์เน้นการเติบโตที่เจาะจงมากขึ้นเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจผ่านวิกฤตเศรษฐกิจไปได้
ทั้งนี้ ในปัจจุบันสัดส่วนสินเชื่อที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันของธนาคารอยู่ที่ 50% ต่อ 50% เมื่อเทียบกับประเทศอื่นทั่วโลกที่สัดส่วนดังกล่าวจะอยู่ที่ 80% ต่อ 20% ส่วนรายได้ของสินเชื่อที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันในปัจจุบันยู่ที่ 60% ต่อ 40% อย่างไรก็ดี ไม่ได้หมายความว่าธนาคารไม่ต้องการเติบโตในส่วนของสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน แต่ธนาคารจะรักษาการเติบโตให้อยู่ในระดับทรงตัว ส่วนสินเชื่อที่มีหลักประกันธนาคารต้องการเติบโตมากขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารยังตั้งเป้าเติบโตยอดการปล่อยสินเชื่อรวมในปี 2555 ไว้ที่ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
นายวิกรามยังกล่าวอีกว่า ในเดือนมิ.ย.ปี 2551 เศรษฐกิจโลกมีปัญหา และประเทศไทยก็มีการปัญหาด้านการเมือง มีการปิดสนามบินในเดือนพฤศจิกายนทำให้ธนาคารมีมุมต่อเศรษฐกิจไทยเป็นสีแดง และเมื่อช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เปลี่ยนมุมมองต่อเศรษฐกิจไทยเป็นสีเหลือง ซึ่งมองว่าในอนาคตเศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้น ธนาคารจึงได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่รองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจ คือแคมเปญ “โบนัสมาราธอน” เพื่อรุกตลาดรายย่อย มีทั้งผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อบุคคล และบัตรเครดิต นอกจากนี้ยังเป็นการรองรับที่ธนาคารเป็นผู้สนับสนุนหลัก“สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดกรุงเทพมาราธอน 2009” และสนับสนุนสโมสรฟุตบอลทีมลิเวอร์พูล
นอกจากนี้ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของธนาคารในปัจจุบันมีการปรับตัวลดลงมาก ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะมีการชะลอตัวลงและส่งผลกระทบต่อลูกค้า แต่ธนาคารก็ยังสามารถควบคุมเอ็นพีแอลให้อยู่ในระดับที่ไม่สูงได้ เพราะธนาคารมีการดูแลลูกค้าและดูแลตลาดอย่างใกล้ชิด
นายวิกราม อิซซาร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย)จำกัด(มหาชน)(SCBT) เปิดเผยว่า ในปี 2555 ธนาคารตั้งเป้าเติบโตสัดส่วนสินเชื่อที่มีหลักประกันไว้ที่ 70%ของสินเชื่อรวม ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะเป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัย 35-40% สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดกลาง (เอสเอ็มอี) 10% และบริหารการเงินและการลงทุน (Wealth Management) 20-25% ส่วนสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันจะอยู่ที่ 30%ของสินเชื่อรวม จะเป็นสินเชื่อบุคคล เนื่องจากธนาคารต้องการปรับฐานธุรกิจรายย่อยให้มีความสมดุลมากขึ้น จากที่ในอดีตเน้นการเติบโตของสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันและประสบความสำเร็จอย่างดี แต่จากภาวะเศรษฐกิจและตลาดที่เปลี่ยนไปธนาคารจึงปรับกลยุทธ์เน้นการเติบโตที่เจาะจงมากขึ้นเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจผ่านวิกฤตเศรษฐกิจไปได้
ทั้งนี้ ในปัจจุบันสัดส่วนสินเชื่อที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันของธนาคารอยู่ที่ 50% ต่อ 50% เมื่อเทียบกับประเทศอื่นทั่วโลกที่สัดส่วนดังกล่าวจะอยู่ที่ 80% ต่อ 20% ส่วนรายได้ของสินเชื่อที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันในปัจจุบันยู่ที่ 60% ต่อ 40% อย่างไรก็ดี ไม่ได้หมายความว่าธนาคารไม่ต้องการเติบโตในส่วนของสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน แต่ธนาคารจะรักษาการเติบโตให้อยู่ในระดับทรงตัว ส่วนสินเชื่อที่มีหลักประกันธนาคารต้องการเติบโตมากขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารยังตั้งเป้าเติบโตยอดการปล่อยสินเชื่อรวมในปี 2555 ไว้ที่ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
นายวิกรามยังกล่าวอีกว่า ในเดือนมิ.ย.ปี 2551 เศรษฐกิจโลกมีปัญหา และประเทศไทยก็มีการปัญหาด้านการเมือง มีการปิดสนามบินในเดือนพฤศจิกายนทำให้ธนาคารมีมุมต่อเศรษฐกิจไทยเป็นสีแดง และเมื่อช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เปลี่ยนมุมมองต่อเศรษฐกิจไทยเป็นสีเหลือง ซึ่งมองว่าในอนาคตเศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้น ธนาคารจึงได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่รองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจ คือแคมเปญ “โบนัสมาราธอน” เพื่อรุกตลาดรายย่อย มีทั้งผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อบุคคล และบัตรเครดิต นอกจากนี้ยังเป็นการรองรับที่ธนาคารเป็นผู้สนับสนุนหลัก“สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดกรุงเทพมาราธอน 2009” และสนับสนุนสโมสรฟุตบอลทีมลิเวอร์พูล
นอกจากนี้ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของธนาคารในปัจจุบันมีการปรับตัวลดลงมาก ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะมีการชะลอตัวลงและส่งผลกระทบต่อลูกค้า แต่ธนาคารก็ยังสามารถควบคุมเอ็นพีแอลให้อยู่ในระดับที่ไม่สูงได้ เพราะธนาคารมีการดูแลลูกค้าและดูแลตลาดอย่างใกล้ชิด