xs
xsm
sm
md
lg

สตาร์ส ไมโครฯเคาะราคา4.95บ. เปิดจอง16-18ก.ย.นี้ชูปันผลล่อใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ กำหนดราคาไอพีโอ 4.95 บาท ให้ส่วนลดนักลงทุน 25-30% เปิดจอง 16-18 ก.ย. พร้อมเอาใจนักลงทุนจ่ายปันผลกลางปีหุ้นละ 0.14 บาท เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ 24 ก.ย. ด้านผู้บริหาร แจงนำเงินระดมทุน 455 ล้านบาท ชำระคืนเงินกู้ลดภาระดอกเบี้ย

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย ) จำกัด ( มหาชน) หรือ SMT เปิดเผยว่า บริษัทสตาร์ส ไมโครฯ กำหนดราคาเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO) ที่ 4.95 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีส่วนลดให้กับนักลงทุน 25-30% จากราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ประเมินที่จะมีการปรับเพิ่มขึ้น 30-40% โดยมีค่าP/E ต่ำกว่า 7 เท่า จากหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์อยู่ที่ 8-12 เท่า

โดยจะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้นในวันที่ 16-18 กันยายนนี้ จำนวน 92 ล้านหุ้น แบ่งเป็นเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไปจำนวน 45.5 ล้านหุ้น นักลงทุนสถาบันในประเทศ 31.5 ล้านหุ้น และผู้มีอุปการคุณของบริษัทจำนวน 15 ล้านหุ้น และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 24 กันยายนนี้

ทั้งนี้ จากการสำรวจความสนใจจองซื้อหุ้น พบว่านักลงทุนสถาบันในประเทศให้ความสนใจจองล้น 3 เท่า ขณะจำนวนหุ้นที่จัดสรรให้ครั้งนี้ 31.5 ล้านหุ้น จากประเมินว่าบริษัทมีแนวโน้มผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง และธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์อยู่ในช่วงขาขึ้น โดยขณะนี้มีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวทำให้ธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกดีขึ้น เชื่อว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีกับนักลงทุน

นายไพบูลย์กล่าวว่าสำหรับนักลงทุนที่จองซื้อหุ้นสตาร์ส ไมโครฯจะได้รับเงินปันผลระหว่างกาลอีก 0.14 บาทต่อหุ้นหรือคิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล (ดีวีเดนยิว) 3% ซึ่งจะจ่ายได้ต้นไตรมาส4/52 โดยส่วนตัวคาดว่าการเข้าจดทะเบียนวันแรกของ สตาร์ส ไมโครฯเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เพราะมีนักลงทุนสถาบันที่ให้ความสนใจจองซื้อที่สูงกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรจะเข้ามาลงทุนในตลาด

นายพลศักดิ์ เสิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตราร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ จำกัด (มหาชน)หรือ SMT กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จำนวน 455.4 ล้านบาท บริษัทจะนำไปชำระเงินกู้เพื่อลดภาระดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้หนี้สินต่อทุน ( D/E ) บริษัทลดลงเหลือ 0.5 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.1 เท่า

นอกจากนี้บริษัทแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตแผงวงจรไฟฟ้ารวม 1,200 ล้านชิ้นต่อปีจาก 700 ล้านชิ้นต่อปี เพราะสินค้าที่บริษัทหลายประเภทอยู่ในช่วงที่ตลาดโลกมีความต้องการพิ่มมากขึ้น โดยจะใช้เงินลงทุนจำนวน 150 บาท ซึ่งจะทยอยลงทุนในระหว่างปีนี้ถึงปีหน้า ส่วนเงินทุนนั้นจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้ของบริษัทจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่มี 12,000 ล้านบาท โดนครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้แล้ว 4,589 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 115 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น