xs
xsm
sm
md
lg

ครบ1ปี‘เลห์แมน’ล้มครืน ‘คนวงใน’เล่าย้อนสาเหตุ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี – ครบรอบ 1 ปีในวันนี้(15 ก.ย.) การล้มครืนของ “เลห์แมน บราเธอร์ วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่แห่งวอลล์สตรีท ที่จุดชนวนเริ่มต้นวิกฤตการเงินและลามมาเป็นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดของโลกในรอบ 60 ปี ลอเรนซ์ แมคโดนัลด์ บุคคลวงในซึ่งเป็นผู้เขียนร่วมของหนังสือขายดีแฉเรื่องราวเบื้องลึกเหตุการณ์อันน่าตื่นตะลึงคราวนี้ ให้สัมภาษณ์เล่าสรุปถึงสิ่งที่เขาพบเห็นด้วยตนเองและสิ่งที่เขาได้รู้จากการสัมภาษณ์คนอื่นๆ ภายในบริษัท
ลอเรนซ์ แมคโดนัลด์ ยังคงรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงกระดูกสันหลัง ทุกครั้งที่เขาขับรถผ่านอาคารในวอลล์สตรีทซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเลห์แมน บราเธอร์ส ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นทำงานเทรดเดอร์ตราสารหนี้ผู้มีผลงานเยี่ยมระดับทำกำไรได้สูงที่สุดคนหนึ่ง
“ที่แย่ที่สุดก็คือชะตากรรมของคนกว่า 20,000 คนที่ถูกกำหนดในอาคารหลังนั้น โดยเฉพาะจากบนชั้นที่ 31” แมคโดนัลด์ วัย 43 ปี ให้สัมภาษณ์เนื่องในวาระครบหนึ่งปีหลังจากที่กิจการวาณิชธนกิจอายุ 158 ปีแห่งนี้ ต้องยื่นขอความคุ้มครองจากศาลล้มละลายของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2008 กลายเป็นกรณีล้มละลายใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และทำให้พนักงานจำนวนประมาณ 25,000 คนต้องตกอยู่ในภาวะไร้อนาคต อีกทั้งยังกลายเป็นคลื่นยักษ์สึนามิทางการเงินที่ซัดกระหน่ำไปทั่วโลกซึ่งมีผลสะท้อนต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้
เลห์แมนล้มครืนลงมาจากการต้องแบกหลักทรัพย์ที่อิงอยู่กับสินเชื่อที่อยู่อาศัยรวมเป็นมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ แต่แมคโดนัลด์มีความเห็นว่า ที่จริงเลห์แมนอาจไม่ถึงกับต้องล้มละลายก็ได้ ถ้าหากพวกบิ๊กบอสเอาใจใส่กับคำเตือนต่างๆ ที่ออกมามากมายในช่วงก่อนหน้านั้น
เขาบอกว่าพวกผู้นำระดับสูงของเลห์แมน “พาพวกเราแล่นตะบึงไปข้างหน้าด้วยความเร็วถึง 261 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ... แล้วพุ่งเข้าชนภูเขาน้ำแข็งวิกฤตซับไพรม์ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา”
ริชาร์ด ฟุลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และโจ เกรกอรี กรรมการผู้จัดการใหญ่ของเลห์แมน เคยได้ยินเสียงเตือนเรื่องปัญหาตลาดอสังหาริมทรัพย์มาตั้งแต่ปี 2005 แล้ว ว่าพวกเขาสุ่มเสี่ยงเกินไปในภาวะที่ตลาดอสังหาฯจวนจะล้มอยู่แล้ว แต่ทุกครั้งพวกผู้บริหารก็เมินหน้า
“มันเป็นเรื่องที่คน 24,992 คนทำงานหาเงิน แล้วคน 8 คนผลาญเงินไปทั้งหมด” แมคโดนัลซึ่งเคยเป็นพนักงานขายสเต๊กพอร์คช็อป แล้วผันตัวเองมาเป็นเทรดเดอร์ตัวเอ้ในวอลสตรีทเล่า ครั้งหนึ่งทีมของเขาเคยทำกำไรได้สูงสุดถึง 250 ล้านดอลลาร์ในวันเดียว
เลห์แมนอยู่ในสภาพลงทุนด้วยการก่อหนี้ก่อสินอย่างเต็มเหนี่ยวในช่วงที่ตลาดกำลังขึ้นสูงสุดในปี 2007 โดยมีส่วนของสินทรัพย์ที่จับต้องได้อยู่ 17,000 ล้านดอลลาร์ แต่ทำยอดการลงทุนรวมไปถึง 750,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่ทีเดียวเป็นการลงทุนในหลักทรัพย์อิงสินเชื่อที่อยู่อาศัย ที่ในเวลาต่อมากลายเป็น หลักทรัพย์ “มีพิษ”
แมคโดนัลด์เล่าอีกว่า “ภายในเลห์แมน เรื่องประหลาดจริงๆ กำลังดำเนินไป ... บนชั้นที่ 31 คือสถานที่ลึกลับที่สุดแห่งหนึ่งของวอลล์สตรีท เพราะเรามีนักเสี่ยงผู้สามารถอย่างเหลือเชื่อ ที่ต้องเสียเชิงเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวทางการเมืองและถูกบีบคั้นแหลกเละเหมือนผลองุ่น” เขาพูดอย่างเดือดาล
“พวกเขาไม่เพียงปกครองด้วยกฎเหล็กแบบเผด็จการเท่านั้นนะ แต่ยังสวมสนับมือทองเหลืองพร้อมชกตลอดเวลาด้วย” เขาก่นวิพากษ์พวกบิ๊กบอสของเลห์แมนในตอนนั้น
เมื่อถูกถามว่าเคยได้มีโอกาสพูดถึงปัญหาต่างๆ กับผู้บริหารระดับสูงบ้างหรือไม่ แมคโดนัลด์บอกว่าเขาไม่เคยมีโอกาสเข้าถึงคนพวกนี้เลย แต่หัวหน้าโดยตรงของเขาเคยพูดเตือนเรื่องนี้ “ถ้าผมไปพูดกับพวกผู้บริหารเองล่ะก็ เท่ากับฆ่าตัวตายชัดๆ เลยล่ะ”
ปัจจุบันแมคโดนัลด์เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทแพนเกีย แคปิตอล แมเนจเมนต์ และยังเป็นผู้แต่งร่วมของหนังสือชื่อ A Colossal Failure of Common Sense: The Incredible Inside Story of the Collapse of Lehman Brothers (ความล้มเหลวครั้งใหญ่มหึมาของสามัญสำนึก: เรื่องราววงในอันเหลือเชื่อแห่งการล้มครืนลงของเลห์แมนบราเธอร์ส) ซึ่งกลายเป็นหนังสือขายดี
หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยพุ่งเป้าโจมตีฟุลด์กับคณะกรรมการบริษัทอย่างเต็มที่ว่าเป็นผู้ที่ทำให้เลห์แมนสุ่มเสี่ยงอันตรายอย่างสูงโดยหวังเพียงกำไรระยะสั้น
“ผมคุยกับคน 150 คน เป็นระดับผู้อำนวยการบริหาร 45 คน และสมาชิกหลายคนในคณะกรรมการด้านความเสี่ยงที่เป็นเพื่อนกับผม รวมทั้งกรรมการบริหารอีกหลายคน ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่าผมจะเข้าถึงคนพวกนี้ได้” แมคโดนัลด์เล่า
หนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก โพสต์ รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าฟุลด์พลุ่งพล่านกับหนังสื่อเล่มนี้ถึงกับโทรศัพท์ต่อว่าอดีตเทรดเดอร์ของเลห์แมนสองคนที่เขาเชื่อว่าแอบช่วยแมคโดนัลด์หาข้อมูลเรื่องการล้มละลายของบริษัท
ทั้งนี้ เมื่อครั้งที่ฟุลด์ต้องไปให้ปากคำถึงสาเหตุการล้มละลายของเลห์แมนต่อรัฐสภาอเมริกันเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เขาบอกเพียงว่า “ทั้งหมดที่เกิดขึ้นถือเป็นโศกนาฏกรรมโดยแท้ ผมขอรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจของผม และต่อการกระทำของผมทั้งหมด”
ฟุลด์ยังบอกอีกว่าหากย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะทำอะไรหลายอย่างที่แตกต่างจากที่ได้ทำไปแล้ว แต่พวกสมาชิกรัฐสภาก็ไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ อยู่ดี มีคนหนึ่งยกตารางแสดงข้อมูลว่าในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ฟุลด์มีรายได้รวมถึง 480 ล้านดอลลาร์ แต่ฟุลด์กล่าวว่าตัวเลขดังกล่าวนั้นสูงกว่าความเป็นจริง และว่ารายได้ส่วนใหญ่ของเขานั้นอยู่ในรูปของหุ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่เขายังไม่ได้รับในขณะที่เลห์แมนขอล้มละลาย
อย่างไรก็ตาม แมคโดนัลด์บอกว่าบทเรียนที่ได้จากการล้มละลายของเลห์แมนนั้นสำคัญที่เดียว กล่าวคือ “อย่าเพียงแค่เตือนว่าจะเกิดความหายนะในลักษณะเช่นนี้ขึ้นมาได้อีกในอนาคต แต่ถึงที่สุดแล้วจะต้องให้แสงสว่างที่จะช่วยเราให้สามารถให้บริการผู้เดินธรรมดาสามัญได้ดีขึ้นอีกด้วย”
กำลังโหลดความคิดเห็น