ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - จนท.นราฯสนธิกำลังเข้าปิดล้อมค้นพื้นที่เป้าหมายในหมู่บ้านบองอ อำเภอระแงะ จับแกนนำ RKK ได้ 1 คน พร้อมบุกเข้าทลายคลังแสงโจรใต้ ยึด M-16 และปืนลูกซอง 6 กระบอก กระสุนอีกจำนวนมาก เผย M-16 จำนวน 5 กระบอกเป็นอาวุธปืนที่ถูกปล้นมาจากค่ายปิเหล็งเมื่อ 4 ม.ค.47 ด้านหน่วยข่าวกรองในพื้นที่ชายแดนใต้เชื่อคนร้ายที่ซุ่มยิงทหารพรานเสียชีวิต 5 นายที่ยะลาฝีมือ "อาสมาน ดอฆอ"
เมื่อเวลา 07.00 น.วานนี้ (14 ก.ย.) พ.ต.อ.นิตินัย หลังยาหน่าย ผกก.สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส พร้อมด้วย พ.ท.ธนิต แสงจันทร์ ผบ.ฉก.นราธิวาส 38, พ.ท.จรัล เอี่ยมฐานนท์ รอง ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 และ พ.ต.ต.ปรีชา กิ่มเกลี้ยง ผบ.ร้อย นปพ.นราธิวาสที่ 2 ได้ร่วมสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ 120 นาย ใช้กฎอัยการศึกในการเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 197 ม.4 บ้านบองอ ต.บองอ อ.ระแงะ หลังสืบทราบว่ากองกำลังติดอาวุธ RKK กลุ่มนายอำรัน มิง และพวกรวม 6 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาลอบวางระเบิดร้านอาหารสวนกล้วย เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้แฝงตัวเคลื่อนไหวมากบดานที่บ้านพักของนายอับดุลเราะห์มาน จือแนะรือเต็ง อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นสมาชิกแนวร่วมในกลุ่มที่มีชื่ออยู่ในหมายทำเนียบ พรก.ของเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อมาประชุมเตรียมก่อเหตุร้ายในช่วงเดือนรอมฏอน
เมื่อเจ้าหน้าที่ถึงเป้าหมายได้กระจายกำลังกันโอบล้อมบ้านพักหลังดังกล่าว แต่ชายฉกรรจ์ที่อาศัยอยู่ในบ้านจำนวน 6 คน จึงได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่พร้อมทั้งได้กระโดดหลบหนีออกทางหน้าต่างและประตูหลังของบ้านพัก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังออกติดตามกลุ่มคนร้ายที่หลบหนีมุ่งหน้าเข้าไปยังสวนผลไม้ จนเกิดการปะทะกันเป็นละลอกๆนานกว่า 15 นาที จนเสียงปืนสงบลงเจ้าหน้าที่ได้เข้าเคลียร์พื้นที่ และพบว่ากลุ่มคนร้าย จำนวน 5 คน ซึ่งมีอาวุธปืนครบมือและ 1 ใน 5 คือ นายอำรัน มิง อาศัยความชำนาญพื้นที่สามารถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้อย่างหวุดหวิด
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายหลังดังกล่าว สามารถจับกุมตัวนายอับดุลเราะห์มาน จือแนะรือเต็ง ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านและมีหมายจับ พ.ร.ก.ได้ 1 คน พร้อมทั้งได้ตรวจค้นภายในบ้านพัก แต่ไม่พบอุปกรณ์ชนิดต่างๆที่ใช้ในการก่อเหตุคดีความมั่นคง แต่เจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.นราธิวาส เพื่อขอสนับสนุนกำลังและเครื่อง จี.ที.200 ในการตรวจสอบสวนผลไม้รอบบ้านหลังดังกล่าวอย่างละเอียด เพราะเชื่อว่า น่าจะมีเครื่องมือและอุปกรณ์ในการก่อเหตุร้ายนาๆชนิดซุกซ่อนอยู่ที่ใดที่หนึ่ง
จนเวลาผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่สามารถใช้เครื่อง จี.ที.200 ตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยซุกซ่อนอยู่ใต้ถุนบ้านร้างที่สร้างไม่เสร็จหลังหนึ่ง ซึ่งห่างจากบ้านพักของนายอับดุลเราะห์มาน ประมาณ 50 เมตร เจ้าหน้าที่จึงได้แกะกระสอบปุ๋ยสีขาวและถุงพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ 3 ใบ พบว่าภายในมีอาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 จำนวน 5 กระบอกและอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนเอ็ม.16 จำนวน 180 นัดและกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 19 นัด รวมทั้งรองเท้ายาง จำนวน 5 คู่และเสียบ 1 อัน
จากการตรวจสอบอาวุธปืนเอ็ม 16 ทั้ง 5 กระบอกพบว่าเป็นอาวุธปืนที่คนร้ายบุกปล้นมาจากกองพันพัฒนาที่ 4 เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2547 ส่วนอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัดนั้น เป็นอาวุธปืนของที่ว่าการอำเภอระแงะ ที่คนร้ายได้ขโมยไปจาก อส.หลังจากที่คนร้ายได้นำกำลังดักซุ่มยิงเสียชีวิต เมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการเคลียร์พื้นที่และตรวจสอบอาวุธปืนของกลางที่ตรวจยึดมาได้แล้วเสร็จ จึงได้ควบคุมตัวนายอับดุลเราะห์มาน มาทำการสอบสวนขยายผลที่ฐานปฏิบัติการณ์ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 38 ก่อนที่จะส่งตัวไปสอบสวนขยายผลต่ออีกทอดหนึ่งที่ศูนย์เสริมสร้างสมานฉันท์ ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
**ชี้ยิง 5 ทหารพรานดับมือ"อาสมาน"
ด้านเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองในพื้นที่ จ.ยะลา เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุคนร้ายยิงถล่มทหารพรานเสียชีวิต 5 นายที่บริเวณหน้าสถานีอนามัยตาเซะ ห่างจากมัสยิดบ้านตาเซะ ม.3 ต.ตาเซะ อ.เมือง จ.ยะลา เพียง 10 เมตรเมื่อคืนวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มนายอาสมาน ดอฆอ หรือเจ๊ะกูสมาน ซึ่งมีอยู่ราว 7-10 คน โดยเคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่ ต.ตาเซ๊ะ ยุโป และ อ.เมืองยะลา และเป็นกลุ่มเดียวกับที่ก่อเหตุยิงพระมรณภาพ 2 รูป ใน ต.ยุโป และ อ.เมืองยะลาเมื่อหลายเดือนก่อน รวมทั้งอีกหลายคดี ซึ่งกำลังหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 อยู่ระหว่างปิดล้อมพื้นที่ เพื่อติดตามไล่ล่าคนร้ายกลุ่มนี้แล้ว
**"สุเทพ"ควง"อนุพงษ์-ประยุทธ์"ลงใต้
วันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก และคณะฝ่ายเสนาธิการ ได้เดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อรับฟังสรุปสถานการณ์ความไม่สงบ รวมถึงติดตามสถานการณ์เหตุการณ์คนร้ายซุ่มโจมตีฐานปฏิบัติการของทหารพรานใน จ.ยะลา
นายสุเทพ กล่าวว่า สถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะยังไม่มีการปรับเปลี่ยนแผนในภาพใหญ่ แต่จะใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้น รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานอย่างเต็มกำลัง ซึ่งที่ผ่านมาเราเน้นการปฏิบัติงานในเรื่องการเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ลักษณะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนเราเป็นฝ่ายตั้งรับ ดังนั้น การตั้งรับไม่เหมือนกับการปฏิบัติที่ที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ยังมีขวัญกำลังใจดี เป้าหมายหลักคือคุ้มครองชีวิตความปลอดภัยของประชาชน ยกระดับคุณภาพชีวิต และรายได้เดินหน้า
ส่วนเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายซุ่มโจมตีทหารพรานเสียชีวิต 5 นายใน จ.ยะลานั้น จากการรายงานในเบื้องต้นเป็นเพียงการปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชนตามปกติ ส่วนเหตุการณ์ที่แท้จริงจะมีการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อีกครั้ง ส่วนในเรื่องของการบิดเบือนความเชื่อการก่อเหตุในช่วงเทศกาลถือศีลอดของชาวมุสลิมนั้นผู้นำศาสนาในพื้นที่มีความเข้าใจ และให้ความร่วมมือกับการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลเป็นอย่างดี ดังนั้น ตนเชื่อว่าผู้นำศาสนาจะสามารถอธิบาย และชี้แจงให้ประชาชนในพื้นที่ได้เข้าใจในข้อมูลที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายปรับเปลี่ยนแผน เพื่อรับมือกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ แต่จะเพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติงานให้มากยิ่งขึ้น
**มท.1 หลับเพิ่งตื่นเตรียมลงใต้
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ว่า ขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลอยู่แล้ว เพราะภารกิจของกระทรวงมหาดไทยเป็นการส่งกำลังบำรุงให้ความช่วยเหลือ ส่วนงานหลักเป็นหน้าที่ของทหาร และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกเห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่คิดว่าขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่คงรู้สึกชิน เพราะเกิดปัญหาแทบทุกวัน
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะลงพื้นที่ไปดูสถานการณ์ด้วยตัวเองสักครั้งหนึ่งหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า กำลังหาจังหวะไปอยู่เหมือนกัน.
เมื่อเวลา 07.00 น.วานนี้ (14 ก.ย.) พ.ต.อ.นิตินัย หลังยาหน่าย ผกก.สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส พร้อมด้วย พ.ท.ธนิต แสงจันทร์ ผบ.ฉก.นราธิวาส 38, พ.ท.จรัล เอี่ยมฐานนท์ รอง ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 และ พ.ต.ต.ปรีชา กิ่มเกลี้ยง ผบ.ร้อย นปพ.นราธิวาสที่ 2 ได้ร่วมสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ 120 นาย ใช้กฎอัยการศึกในการเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 197 ม.4 บ้านบองอ ต.บองอ อ.ระแงะ หลังสืบทราบว่ากองกำลังติดอาวุธ RKK กลุ่มนายอำรัน มิง และพวกรวม 6 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาลอบวางระเบิดร้านอาหารสวนกล้วย เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้แฝงตัวเคลื่อนไหวมากบดานที่บ้านพักของนายอับดุลเราะห์มาน จือแนะรือเต็ง อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นสมาชิกแนวร่วมในกลุ่มที่มีชื่ออยู่ในหมายทำเนียบ พรก.ของเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อมาประชุมเตรียมก่อเหตุร้ายในช่วงเดือนรอมฏอน
เมื่อเจ้าหน้าที่ถึงเป้าหมายได้กระจายกำลังกันโอบล้อมบ้านพักหลังดังกล่าว แต่ชายฉกรรจ์ที่อาศัยอยู่ในบ้านจำนวน 6 คน จึงได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่พร้อมทั้งได้กระโดดหลบหนีออกทางหน้าต่างและประตูหลังของบ้านพัก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังออกติดตามกลุ่มคนร้ายที่หลบหนีมุ่งหน้าเข้าไปยังสวนผลไม้ จนเกิดการปะทะกันเป็นละลอกๆนานกว่า 15 นาที จนเสียงปืนสงบลงเจ้าหน้าที่ได้เข้าเคลียร์พื้นที่ และพบว่ากลุ่มคนร้าย จำนวน 5 คน ซึ่งมีอาวุธปืนครบมือและ 1 ใน 5 คือ นายอำรัน มิง อาศัยความชำนาญพื้นที่สามารถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้อย่างหวุดหวิด
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายหลังดังกล่าว สามารถจับกุมตัวนายอับดุลเราะห์มาน จือแนะรือเต็ง ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านและมีหมายจับ พ.ร.ก.ได้ 1 คน พร้อมทั้งได้ตรวจค้นภายในบ้านพัก แต่ไม่พบอุปกรณ์ชนิดต่างๆที่ใช้ในการก่อเหตุคดีความมั่นคง แต่เจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.นราธิวาส เพื่อขอสนับสนุนกำลังและเครื่อง จี.ที.200 ในการตรวจสอบสวนผลไม้รอบบ้านหลังดังกล่าวอย่างละเอียด เพราะเชื่อว่า น่าจะมีเครื่องมือและอุปกรณ์ในการก่อเหตุร้ายนาๆชนิดซุกซ่อนอยู่ที่ใดที่หนึ่ง
จนเวลาผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่สามารถใช้เครื่อง จี.ที.200 ตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยซุกซ่อนอยู่ใต้ถุนบ้านร้างที่สร้างไม่เสร็จหลังหนึ่ง ซึ่งห่างจากบ้านพักของนายอับดุลเราะห์มาน ประมาณ 50 เมตร เจ้าหน้าที่จึงได้แกะกระสอบปุ๋ยสีขาวและถุงพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ 3 ใบ พบว่าภายในมีอาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 จำนวน 5 กระบอกและอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนเอ็ม.16 จำนวน 180 นัดและกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 19 นัด รวมทั้งรองเท้ายาง จำนวน 5 คู่และเสียบ 1 อัน
จากการตรวจสอบอาวุธปืนเอ็ม 16 ทั้ง 5 กระบอกพบว่าเป็นอาวุธปืนที่คนร้ายบุกปล้นมาจากกองพันพัฒนาที่ 4 เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2547 ส่วนอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัดนั้น เป็นอาวุธปืนของที่ว่าการอำเภอระแงะ ที่คนร้ายได้ขโมยไปจาก อส.หลังจากที่คนร้ายได้นำกำลังดักซุ่มยิงเสียชีวิต เมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการเคลียร์พื้นที่และตรวจสอบอาวุธปืนของกลางที่ตรวจยึดมาได้แล้วเสร็จ จึงได้ควบคุมตัวนายอับดุลเราะห์มาน มาทำการสอบสวนขยายผลที่ฐานปฏิบัติการณ์ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 38 ก่อนที่จะส่งตัวไปสอบสวนขยายผลต่ออีกทอดหนึ่งที่ศูนย์เสริมสร้างสมานฉันท์ ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
**ชี้ยิง 5 ทหารพรานดับมือ"อาสมาน"
ด้านเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองในพื้นที่ จ.ยะลา เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุคนร้ายยิงถล่มทหารพรานเสียชีวิต 5 นายที่บริเวณหน้าสถานีอนามัยตาเซะ ห่างจากมัสยิดบ้านตาเซะ ม.3 ต.ตาเซะ อ.เมือง จ.ยะลา เพียง 10 เมตรเมื่อคืนวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มนายอาสมาน ดอฆอ หรือเจ๊ะกูสมาน ซึ่งมีอยู่ราว 7-10 คน โดยเคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่ ต.ตาเซ๊ะ ยุโป และ อ.เมืองยะลา และเป็นกลุ่มเดียวกับที่ก่อเหตุยิงพระมรณภาพ 2 รูป ใน ต.ยุโป และ อ.เมืองยะลาเมื่อหลายเดือนก่อน รวมทั้งอีกหลายคดี ซึ่งกำลังหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 อยู่ระหว่างปิดล้อมพื้นที่ เพื่อติดตามไล่ล่าคนร้ายกลุ่มนี้แล้ว
**"สุเทพ"ควง"อนุพงษ์-ประยุทธ์"ลงใต้
วันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก และคณะฝ่ายเสนาธิการ ได้เดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อรับฟังสรุปสถานการณ์ความไม่สงบ รวมถึงติดตามสถานการณ์เหตุการณ์คนร้ายซุ่มโจมตีฐานปฏิบัติการของทหารพรานใน จ.ยะลา
นายสุเทพ กล่าวว่า สถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะยังไม่มีการปรับเปลี่ยนแผนในภาพใหญ่ แต่จะใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้น รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานอย่างเต็มกำลัง ซึ่งที่ผ่านมาเราเน้นการปฏิบัติงานในเรื่องการเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ลักษณะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนเราเป็นฝ่ายตั้งรับ ดังนั้น การตั้งรับไม่เหมือนกับการปฏิบัติที่ที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ยังมีขวัญกำลังใจดี เป้าหมายหลักคือคุ้มครองชีวิตความปลอดภัยของประชาชน ยกระดับคุณภาพชีวิต และรายได้เดินหน้า
ส่วนเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายซุ่มโจมตีทหารพรานเสียชีวิต 5 นายใน จ.ยะลานั้น จากการรายงานในเบื้องต้นเป็นเพียงการปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชนตามปกติ ส่วนเหตุการณ์ที่แท้จริงจะมีการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อีกครั้ง ส่วนในเรื่องของการบิดเบือนความเชื่อการก่อเหตุในช่วงเทศกาลถือศีลอดของชาวมุสลิมนั้นผู้นำศาสนาในพื้นที่มีความเข้าใจ และให้ความร่วมมือกับการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลเป็นอย่างดี ดังนั้น ตนเชื่อว่าผู้นำศาสนาจะสามารถอธิบาย และชี้แจงให้ประชาชนในพื้นที่ได้เข้าใจในข้อมูลที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายปรับเปลี่ยนแผน เพื่อรับมือกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ แต่จะเพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติงานให้มากยิ่งขึ้น
**มท.1 หลับเพิ่งตื่นเตรียมลงใต้
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ว่า ขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลอยู่แล้ว เพราะภารกิจของกระทรวงมหาดไทยเป็นการส่งกำลังบำรุงให้ความช่วยเหลือ ส่วนงานหลักเป็นหน้าที่ของทหาร และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกเห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่คิดว่าขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่คงรู้สึกชิน เพราะเกิดปัญหาแทบทุกวัน
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะลงพื้นที่ไปดูสถานการณ์ด้วยตัวเองสักครั้งหนึ่งหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า กำลังหาจังหวะไปอยู่เหมือนกัน.
