ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เจ้าหน้าที่รวบแล้ว 2 ผู้ต้องสงสัยสมุนแกนนำ “อาร์เคเค” มือวางระเบิดคาร์บอมบ์กลางเมืองนราธิวาส เผยเป็นผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับมาแล้วหลายคดี “มาร์ค” กำชับ จนท.เฝ้าระวังและทำงานให้ละเอียดมากขึ้น ชี้ก่อเหตุรุนแรงใน 3 จชต.ช่วงนี้ถือเป็นจุดสำคัญที่ทำให้แนวรวมออกปฏิบัติการป่วน พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่ประเมินสถานการณ์ “ถาวร” เชื่อไฟใต้จะรุนแรงขึ้นอีก จวกเจ้าหน้าที่ทำงานใจไม่เต็มร้อย
วานนี้ (26 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจนราธิวาส สามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์น้ำหนักราว 50 กิโลกรัมที่บริเวณหน้าร้านสวนกล้วย เลขที่ 38/1 ตั้งอยู่ซอยรัตนวาณิชย์ ถนนธรรมวิถี เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น.วันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมาได้แล้ว 2 คน ขณะย้อนกลับมาดูที่เกิดเหตุ พบเป็นลูกน้องของนายอัมรัน มิง แกนนำขบวนการอาร์เคเค ซึ่งถูกออกหมายจับในคดีลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ข้าง สภ.ยี่งอ จ.นราธิวาส และลอบยิงเจ้าหน้าที่เสียชีวิตหลายนายเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุคาร์บอมบ์ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.หรือไม่
พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฎฐ์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศชต.) กล่าวถึงเหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่เกิดขึ้นว่า ถือว่ามีความรุนแรงระดับหนึ่ง เป็นเหตุการณ์คล้ายกับที่เกิดใน อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ซึ่งขณะนี้ทราบตัวคนก่อเหตุแล้ว เพราะในจุดเกิดมีกล้องวงจรปิดอยู่ 3-4 ตัว โดยผู้ก่อเหตุเป็นชุดเดียวกับที่เคยวางระเบิดคาร์บอมใน อ.ยี่งอ เมื่อมิถุนายนที่ผ่านมา ทราบชื่อแล้ว คือ นายอารัน มิง อายุ 28 ปี และได้ขออนุมัติออกหมายจับไปแล้ว ขณะนี้ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่ออกติดตามไล่ล่าตัวอยู่ แต่การติดตามก็ยากกว่าปกติ เนื่องจากคนร้ายได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี และพร้อมที่จะต่อสูงเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นว่า ทางการข่าวได้รายงานมาแล้วว่าในช่วงเดือนนี้น่าจะมีเหตุการณ์ลักษณะความรุนแรงมากขึ้น จึงต้องมีการเฝ้าระวังให้ดีขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงที่ชาวไทยมุสลิมถือศีลอด หรือรอมฎอน ซึ่งถือเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้แนวร่วมต่างๆ ออกปฏิบัติการในช่วงนี้ ซึ่งตนจะหารือกับฝ่ายความมั่นคง
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่บอกว่าจะมีการเฝ้าระวังนั้นจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะต้องมาดู ต้องวิเคราะห์ในแง่เป้าหมายจุดโจมตีให้ได้ เพราะเราไม่สามารถป้องกันได้ทุกที่ตลอดเวลา เมื่อถามว่า เดิมฝ่ายข่าววิเคราะห์ว่าการเป้าการโจมตีจะอยู่ที่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่กลับเกิดขึ้นเกิดกับประชาชน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องมีการปรับปรุงในส่วนนี้
เมื่อถามว่า จะมีการเฝ้าระวังอย่างไรให้ประชาชนมั่นใจว่าเกิดความปลอดภัย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องทำงานให้ละเอียดมากขึ้นในเรื่องการข่าว ต้องสามารถเข้าไปเคลื่อนไหวป้องกันเร็วขึ้น ส่วนที่คิดว่ายังมีจุดบอดตรงไหนนั้นก็จะให้เจ้าหน้าที่ประเมินมา แต่สำหรับผู้ที่ก่อเหตุนั้นโดยทั่วไปเป็นเครือข่ายและกลุ่มเดิม
ทางด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์เรื่องเดียวกันว่า ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่าเป็นการกระทำของกลุ่มใด เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องติดตามคนผิดมาลงโทษ เมื่อถามว่าได้รับรายงานข่าวก่อนหน้าหรือไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทางการข่าวได้รับรายงานว่าจะมีการก่อเหตุบ้างบางครั้ง และการป้องกันดูแลยอมรับว่าทำได้ยาก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทำได้เพียงเฝ้าระวัง ไม่สามารถดูแลผู้ที่จ้องก่อเหตุได้ทั่วถึง เราเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเดียว
“การดูแลต้องทำอย่างเข้มข้นต่อไป และหลังจากนี้จะมีการประชุมเจ้าหน้าที่ในการเตรียมการเฝ้าระวังเหตุ และดูแความเรียบร้อยในพื้นที่”
นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งกำกับดูแลพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ กล่าวว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังการก่อเหตุอย่างเต็มที่ ซึ่งยอมรับว่าได้ทราบมาก่อนหน้านี้แล้วว่า จะมีคาร์บอมเกิดขึ้น เนื่องจากมีรถถูกโจรกรรมเพื่อนำไปใช้ในการนี้ และยอมรับว่า ฝ่ายข่าวมีช่องโหว่และข้อบกพร่องอยู่บ้าง ต้องปรับปรุงกันไป ซึ่งเท่าที่ประเมินสถานการณ์ เชื่อว่าจะเกิดเหตุความรุนแรงขึ้นอีก จึงได้กำชับทุกคนทำงานอย่างเต็มที่
“ยอมรับว่ามีข้าราชการบางส่วนเปิดช่องว่าง ไม่มีความจริงใจในการทำงาน ตั้งใจไม่เต็มที่ก็มีบางส่วน ด้วยปัจจัยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อยู่ห่างครอบครัว และบางส่วนก็เกิดความกลัว”
นายถาวรยืนยันด้วยว่า ในงานด้านมวลชนของรัฐบาลชุดนี้ในพื้นที่ถือว่าดีขึ้นเห็นได้จากมวลชนฝ่ายตรงข้ามมีไม่มาก ช่วงที่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะมีมวลชนของเขาออกมากดดัน ออกมาประท้วงตามท้องถนน แต่ยุคของนายอภิสิทธิ์ ไม่มี ดังนั้น เมื่อไม่มีมวลชน เขาก็เลยมาก่อเหตุความรุนแรง เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน และขอยืนยันว่าจะต้องจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุคาร์บอมเมื่อวานนี้ให้ได้
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อเนื่อง ทำให้กองกำลังในพื้นที่ จ.ปัตตานี เพิ่มมาตรการคุมเข้มเพิ่มขึ้น โดย พล.ต.ศักดิ์ศิลป์ กลั่นเสนาะ ผบ.ฉก.ปัตตานี ได้กำชับให้มีการสนธิกำลังร่วม 3 ฝ่ายเพิ่มมาตราการณ์ดูแลความปลอดภัยทุกสถานที่ทุกอำเภอ โดยเฉพาะการลอบวางระเบิดสถานที่ชุมชุน รวมไปถึงร้านค้าต่างๆ ซึ่งทำให้ข้าราชการ ประชาชนต่างวิตกกังวลจะไม่ได้รับความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังได้เสริมมาตรการตรวจค้นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นจุดตรวจ หรือรถที่จอดไว้ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อป้องกันเหตุคาร์บอมบ์ซ้ำซากด้วย
ขณะที่ พล.ต.ต.สายันต์ กระแสแสน ผบก.ภ.จว.ยะลา ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่เพิ่มความเข้มงวดให้มากขึ้น โดยเฉพาะการตรวจตรารถยนต์ต้องสงสัย ทั้งในจุดตรวจถาวรหลัก และจุดตรวจลอย รวมถึงจุดที่มีการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อป้องกันเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แม้เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเพิ่มมาตรการความเข้มในการรักษาความปลอดภัย แต่วานนี้เหตุการณ์ความไม่สงบก็ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องในหลายพื้นที่ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายราย ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่ และประชาชนผู้บริสุทธิ์เหมือนเช่นเคย
วานนี้ (26 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจนราธิวาส สามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์น้ำหนักราว 50 กิโลกรัมที่บริเวณหน้าร้านสวนกล้วย เลขที่ 38/1 ตั้งอยู่ซอยรัตนวาณิชย์ ถนนธรรมวิถี เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น.วันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมาได้แล้ว 2 คน ขณะย้อนกลับมาดูที่เกิดเหตุ พบเป็นลูกน้องของนายอัมรัน มิง แกนนำขบวนการอาร์เคเค ซึ่งถูกออกหมายจับในคดีลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ข้าง สภ.ยี่งอ จ.นราธิวาส และลอบยิงเจ้าหน้าที่เสียชีวิตหลายนายเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุคาร์บอมบ์ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.หรือไม่
พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฎฐ์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศชต.) กล่าวถึงเหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่เกิดขึ้นว่า ถือว่ามีความรุนแรงระดับหนึ่ง เป็นเหตุการณ์คล้ายกับที่เกิดใน อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ซึ่งขณะนี้ทราบตัวคนก่อเหตุแล้ว เพราะในจุดเกิดมีกล้องวงจรปิดอยู่ 3-4 ตัว โดยผู้ก่อเหตุเป็นชุดเดียวกับที่เคยวางระเบิดคาร์บอมใน อ.ยี่งอ เมื่อมิถุนายนที่ผ่านมา ทราบชื่อแล้ว คือ นายอารัน มิง อายุ 28 ปี และได้ขออนุมัติออกหมายจับไปแล้ว ขณะนี้ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่ออกติดตามไล่ล่าตัวอยู่ แต่การติดตามก็ยากกว่าปกติ เนื่องจากคนร้ายได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี และพร้อมที่จะต่อสูงเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นว่า ทางการข่าวได้รายงานมาแล้วว่าในช่วงเดือนนี้น่าจะมีเหตุการณ์ลักษณะความรุนแรงมากขึ้น จึงต้องมีการเฝ้าระวังให้ดีขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงที่ชาวไทยมุสลิมถือศีลอด หรือรอมฎอน ซึ่งถือเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้แนวร่วมต่างๆ ออกปฏิบัติการในช่วงนี้ ซึ่งตนจะหารือกับฝ่ายความมั่นคง
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่บอกว่าจะมีการเฝ้าระวังนั้นจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะต้องมาดู ต้องวิเคราะห์ในแง่เป้าหมายจุดโจมตีให้ได้ เพราะเราไม่สามารถป้องกันได้ทุกที่ตลอดเวลา เมื่อถามว่า เดิมฝ่ายข่าววิเคราะห์ว่าการเป้าการโจมตีจะอยู่ที่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่กลับเกิดขึ้นเกิดกับประชาชน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องมีการปรับปรุงในส่วนนี้
เมื่อถามว่า จะมีการเฝ้าระวังอย่างไรให้ประชาชนมั่นใจว่าเกิดความปลอดภัย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องทำงานให้ละเอียดมากขึ้นในเรื่องการข่าว ต้องสามารถเข้าไปเคลื่อนไหวป้องกันเร็วขึ้น ส่วนที่คิดว่ายังมีจุดบอดตรงไหนนั้นก็จะให้เจ้าหน้าที่ประเมินมา แต่สำหรับผู้ที่ก่อเหตุนั้นโดยทั่วไปเป็นเครือข่ายและกลุ่มเดิม
ทางด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์เรื่องเดียวกันว่า ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่าเป็นการกระทำของกลุ่มใด เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องติดตามคนผิดมาลงโทษ เมื่อถามว่าได้รับรายงานข่าวก่อนหน้าหรือไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทางการข่าวได้รับรายงานว่าจะมีการก่อเหตุบ้างบางครั้ง และการป้องกันดูแลยอมรับว่าทำได้ยาก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทำได้เพียงเฝ้าระวัง ไม่สามารถดูแลผู้ที่จ้องก่อเหตุได้ทั่วถึง เราเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเดียว
“การดูแลต้องทำอย่างเข้มข้นต่อไป และหลังจากนี้จะมีการประชุมเจ้าหน้าที่ในการเตรียมการเฝ้าระวังเหตุ และดูแความเรียบร้อยในพื้นที่”
นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งกำกับดูแลพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ กล่าวว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังการก่อเหตุอย่างเต็มที่ ซึ่งยอมรับว่าได้ทราบมาก่อนหน้านี้แล้วว่า จะมีคาร์บอมเกิดขึ้น เนื่องจากมีรถถูกโจรกรรมเพื่อนำไปใช้ในการนี้ และยอมรับว่า ฝ่ายข่าวมีช่องโหว่และข้อบกพร่องอยู่บ้าง ต้องปรับปรุงกันไป ซึ่งเท่าที่ประเมินสถานการณ์ เชื่อว่าจะเกิดเหตุความรุนแรงขึ้นอีก จึงได้กำชับทุกคนทำงานอย่างเต็มที่
“ยอมรับว่ามีข้าราชการบางส่วนเปิดช่องว่าง ไม่มีความจริงใจในการทำงาน ตั้งใจไม่เต็มที่ก็มีบางส่วน ด้วยปัจจัยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อยู่ห่างครอบครัว และบางส่วนก็เกิดความกลัว”
นายถาวรยืนยันด้วยว่า ในงานด้านมวลชนของรัฐบาลชุดนี้ในพื้นที่ถือว่าดีขึ้นเห็นได้จากมวลชนฝ่ายตรงข้ามมีไม่มาก ช่วงที่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะมีมวลชนของเขาออกมากดดัน ออกมาประท้วงตามท้องถนน แต่ยุคของนายอภิสิทธิ์ ไม่มี ดังนั้น เมื่อไม่มีมวลชน เขาก็เลยมาก่อเหตุความรุนแรง เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน และขอยืนยันว่าจะต้องจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุคาร์บอมเมื่อวานนี้ให้ได้
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อเนื่อง ทำให้กองกำลังในพื้นที่ จ.ปัตตานี เพิ่มมาตรการคุมเข้มเพิ่มขึ้น โดย พล.ต.ศักดิ์ศิลป์ กลั่นเสนาะ ผบ.ฉก.ปัตตานี ได้กำชับให้มีการสนธิกำลังร่วม 3 ฝ่ายเพิ่มมาตราการณ์ดูแลความปลอดภัยทุกสถานที่ทุกอำเภอ โดยเฉพาะการลอบวางระเบิดสถานที่ชุมชุน รวมไปถึงร้านค้าต่างๆ ซึ่งทำให้ข้าราชการ ประชาชนต่างวิตกกังวลจะไม่ได้รับความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังได้เสริมมาตรการตรวจค้นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นจุดตรวจ หรือรถที่จอดไว้ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อป้องกันเหตุคาร์บอมบ์ซ้ำซากด้วย
ขณะที่ พล.ต.ต.สายันต์ กระแสแสน ผบก.ภ.จว.ยะลา ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่เพิ่มความเข้มงวดให้มากขึ้น โดยเฉพาะการตรวจตรารถยนต์ต้องสงสัย ทั้งในจุดตรวจถาวรหลัก และจุดตรวจลอย รวมถึงจุดที่มีการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อป้องกันเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แม้เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเพิ่มมาตรการความเข้มในการรักษาความปลอดภัย แต่วานนี้เหตุการณ์ความไม่สงบก็ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องในหลายพื้นที่ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายราย ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่ และประชาชนผู้บริสุทธิ์เหมือนเช่นเคย