พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 กันยายนนี้ว่า ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าไปแหย่ก็ไม่แน่ เพราะจากที่ดูเสื้อแดงมากขึ้นทุกวัน ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ไปแตกหักกับใคร นอกจากมีคนไปแหย่ ไปก่อกวนหรือสร้างสถานการณ์ก็ไม่แน่ ทั้งนี้คิดว่า ถ้าสุกงอมไปเรื่อยๆ และความไม่ชอบมาพากลมีขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งมีคนรับทราบขึ้นเรื่อยๆ เพราะปกปิดกันไม่ได้ ก็ไม่แน่อาจจะเกิดเหตุในเดือนตุลาคมนี้อย่างที่เคยพูดไว้ แต่ในเมืองไทยดูแล้วไม่มีอะไร นอกจากปาฏิหาริย์ เพราะวิธีนั้นจะสงบกันทั้งประเทศ ถ้าวิธีอื่นยังมองไม่เห็น
เมื่อถามว่าการปฏิวัติยึดอำนาจเคลียร์ทุกฝ่ายให้จบแล้วเริ่มกันใหม่จะดีหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ตอบว่า คิดว่าได้ เห็นด้วยทุกวิถีทางที่จะทำให้บ้านเมืองสงบ ถ้าปฏิวัติแล้วให้มีการเลือกตั้ง คืนประชาธิปไตยทันที ไม่น่าจะมีปัญหา คือ ล้างบางไปเลย แต่ถ้ายังดื้อด้านอยู่ต้องทุบกัน ต้องเล่นมวยหนักเพราะการพูดจากัน เจรจากันไม่รู้เรื่องแล้ว
เมื่อถามว่ากลุ่มเสื้อแดงระบุว่า หากทหารยึดอำนาจจะออกมานอนขวางรถถัง พล.อ.ชัยสิทธิ์ ตอบว่า หากยึดอำนาจเพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข เสื้อแดงน่าจะเห็นด้วย เพราะเขารักประชาธิปไตยและรัก พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าปฏิวัติแล้วบ้านเมืองสงบน่าจะทำได้
ฟังแล้วเหมือนกับว่าอดีตผู้บัญชาการทหารบก อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนนี้ รักและห่วงใยประเทศชาติเสียเต็มประดา แต่ครั้นดูเนื้อหาที่พูดออกมา ก็หาราคาอันใดมิได้ มิน่าลูกผู้น้องทักษิณ ชินวัตร จึงไม่ได้ให้ราคาเช่นกัน ถึงขนาดที่อยากจะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้รับการสนับสนุน ทักษิณเองยังมองเห็นว่าคนอื่นมีคุณค่ามากยิ่งกว่า แม้จะใกล้บ้าเหมือนกันก็ตาม
จึงมิใช่เรื่องแปลกที่มีภาพ มีข่าวอดีตนายทหารคนนี้เข้าร่วมหรือเป็นประธานในพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งดูแล้วกลายเป็นเรื่องตลกโปกฮาเสียมากกว่าที่จะมองเป็นอย่างอื่น
บ้าหรือใกล้บ้าเข้าไปทุกทีแล้ว เช่นเดียวกับทักษิณ ชินวัตร จึงได้คิดในทำนองเดียวกัน นั่นก็คือ คนอื่นแย่หมด เลวหมด ตัวเองถูกต้องดีงามอยู่เพียงฝ่ายเดียว
เป็นต้นว่า ตัวอยู่เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ดีๆ ก็มีคนอิจฉาริษยา ทำปฏิวัติรัฐประหาร ช่วงชิงอำนาจไปจากตัว แล้วแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ พวกที่เป็นคณะกรรมการล้วนแล้วแต่ไม่ชอบตัวทั้งนั้น ตรวจสอบแล้วก็ต้องเห็นเป็นผิด ส่งให้ศาลพิจารณา ศาลก็สิ้นความยุติธรรม หาความยุติธรรมไม่ได้แล้วในแผ่นดินนี้ พิพากษาลงโทษตัว
ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง
เพราะฉะนั้นจะต้องปลุกคนอื่นๆ มาช่วยสู้ จ้างคนอื่นมาเคลื่อนไหวเพื่อตัวเอง
และเมื่อเห็นว่าการเคลื่อนไหวหนทางประชาธิปไตยไม่สำเร็จ ก็ใช้วิธีรุนแรงอย่างที่เกิดขึ้นที่พัทยา ที่กระทรวงมหาดไทย และอีกหลายๆ จุดในช่วงเดือนเมษายน
เมื่อไม่สำเร็จ ก็ดิ้นด้วยการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ โดยอาศัยจำนวนคนเป็นแสนเป็นล้านช่วยลงชื่อ ซึ่งก็ไม่สำเร็จอีก เพราะไม่เข้าข่ายที่จะได้รับการพระราชทานอภัยโทษ เพราะไม่สำนึกผิด ไม่กลับมาติดคุกก่อน ฯลฯ
หมดมุกเข้าจริงๆ ก็เลยต้องบอกว่าต้องล้างบางด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร
เป็นการปฏิวัติรัฐประหารเพื่อทักษิณ แล้วคนเสื้อแดงจะยอม เพราะคนเสื้อแดงรักทักษิณ อดีตผู้บัญชาการทหารบก อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดพูด
คนที่พูดอย่างนี้สมควรถูกตบปากเป็นอย่างยิ่ง แต่สำหรับพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร น่าจะได้รับการยกเว้น เพราะพูดอย่างคนเลอะเลือน ใกล้บ้า เช่นเดียวกับทักษิณ ชินวัตร ที่ออกมาพูดทุกวันว่าคิดถึงบ้าน คิดถึงประเทศไทย แล้วก็มีพฤติกรรมทำลายประเทศไทยทุกวัน บ่อนเซาะประเทศที่เขารักทุกวัน ทุกเวลาที่เขาจะทำได้
ลองปฏิวัติรัฐประหารเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองอย่างที่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เพ้อ ดูซิครับ อยากจะรู้เหมือนกันว่า จะมีแผ่นดินอยู่ไหม?
หลังการยึดอำนาจเมื่อ 19 กันยายน 2549 เขาไม่ได้จัดให้มีการเลือกตั้งหรือ?
ก็มีการเลือกตั้ง มีพรรคพลังประชาชนเกิดขึ้น ได้รับเสียงข้างมากมาเป็นรัฐบาล มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี และเมื่อนายสมัคร สุนทรเวช กระเด็นไปจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพราะทะลึ่งไปจัดรายการทีวีรับเงินรับทองเป็นค่าจ้าง ซึ่งถือว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง ก็ได้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยทักษิณมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่แล้วนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็กระเด็นไปจากเก้าอี้อีก เพราะนายสมชายเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค และนายสมชายต้องหยุดกิจกรรมการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เพราะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนคือ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
ส่วนหนึ่งของพรรคพลังประชาชนกลายมาเป็นพรรคเพื่อไทย อีกส่วนหนึ่งกลายเป็นพรรคภูมิใจไทย ส่วนที่เป็นพรรคเพื่อไทยไปสนับสนุน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นนายกฯ ส่วนที่เป็นพรรคภูมิใจไทยหันมาสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
แล้วนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้รับเลือกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยเสียงข้างมาก บริหารบ้านเมืองมา 7-8 เดือนแล้ว
ลองบอกหน่อยซิว่า ไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน?
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บริหารราชการแผ่นดินมาแล้ว 7-8 เดือน ถ้าหากไปไม่รอดก็อาจจะลาออกหรือยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่
อย่างนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยหรือ? ถึงตอนนั้นพรรคเพื่อไทยก็อาจจะได้เสียงข้างมากได้มาจัดตั้งรัฐบาลอีกเช่นเดียวกับนายสมัคร เช่นเดียวกับนายสมชาย
แต่ถึงตอนนั้นคิดจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ คิดจะแก้กฎหมายเพื่อให้นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร นักโทษหญิงคุณหญิงพจมาน พ้นผิด ประชาชนก็คงจะไม่ยอม
แล้วอย่างนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน?
หรือประชาธิปไตยที่พล.อ.ชัยสิทธิ์ พร่ำพูดถึง คือ ครอบครัวของทักษิณต้องไม่ติดคุก ต้องกลับมามีอำนาจอีก
อย่าว่าแต่ประชาชนเลยครับ หมามันก็ไม่ยอม!
เมื่อถามว่าการปฏิวัติยึดอำนาจเคลียร์ทุกฝ่ายให้จบแล้วเริ่มกันใหม่จะดีหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ตอบว่า คิดว่าได้ เห็นด้วยทุกวิถีทางที่จะทำให้บ้านเมืองสงบ ถ้าปฏิวัติแล้วให้มีการเลือกตั้ง คืนประชาธิปไตยทันที ไม่น่าจะมีปัญหา คือ ล้างบางไปเลย แต่ถ้ายังดื้อด้านอยู่ต้องทุบกัน ต้องเล่นมวยหนักเพราะการพูดจากัน เจรจากันไม่รู้เรื่องแล้ว
เมื่อถามว่ากลุ่มเสื้อแดงระบุว่า หากทหารยึดอำนาจจะออกมานอนขวางรถถัง พล.อ.ชัยสิทธิ์ ตอบว่า หากยึดอำนาจเพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข เสื้อแดงน่าจะเห็นด้วย เพราะเขารักประชาธิปไตยและรัก พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าปฏิวัติแล้วบ้านเมืองสงบน่าจะทำได้
ฟังแล้วเหมือนกับว่าอดีตผู้บัญชาการทหารบก อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนนี้ รักและห่วงใยประเทศชาติเสียเต็มประดา แต่ครั้นดูเนื้อหาที่พูดออกมา ก็หาราคาอันใดมิได้ มิน่าลูกผู้น้องทักษิณ ชินวัตร จึงไม่ได้ให้ราคาเช่นกัน ถึงขนาดที่อยากจะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้รับการสนับสนุน ทักษิณเองยังมองเห็นว่าคนอื่นมีคุณค่ามากยิ่งกว่า แม้จะใกล้บ้าเหมือนกันก็ตาม
จึงมิใช่เรื่องแปลกที่มีภาพ มีข่าวอดีตนายทหารคนนี้เข้าร่วมหรือเป็นประธานในพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งดูแล้วกลายเป็นเรื่องตลกโปกฮาเสียมากกว่าที่จะมองเป็นอย่างอื่น
บ้าหรือใกล้บ้าเข้าไปทุกทีแล้ว เช่นเดียวกับทักษิณ ชินวัตร จึงได้คิดในทำนองเดียวกัน นั่นก็คือ คนอื่นแย่หมด เลวหมด ตัวเองถูกต้องดีงามอยู่เพียงฝ่ายเดียว
เป็นต้นว่า ตัวอยู่เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ดีๆ ก็มีคนอิจฉาริษยา ทำปฏิวัติรัฐประหาร ช่วงชิงอำนาจไปจากตัว แล้วแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ พวกที่เป็นคณะกรรมการล้วนแล้วแต่ไม่ชอบตัวทั้งนั้น ตรวจสอบแล้วก็ต้องเห็นเป็นผิด ส่งให้ศาลพิจารณา ศาลก็สิ้นความยุติธรรม หาความยุติธรรมไม่ได้แล้วในแผ่นดินนี้ พิพากษาลงโทษตัว
ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง
เพราะฉะนั้นจะต้องปลุกคนอื่นๆ มาช่วยสู้ จ้างคนอื่นมาเคลื่อนไหวเพื่อตัวเอง
และเมื่อเห็นว่าการเคลื่อนไหวหนทางประชาธิปไตยไม่สำเร็จ ก็ใช้วิธีรุนแรงอย่างที่เกิดขึ้นที่พัทยา ที่กระทรวงมหาดไทย และอีกหลายๆ จุดในช่วงเดือนเมษายน
เมื่อไม่สำเร็จ ก็ดิ้นด้วยการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ โดยอาศัยจำนวนคนเป็นแสนเป็นล้านช่วยลงชื่อ ซึ่งก็ไม่สำเร็จอีก เพราะไม่เข้าข่ายที่จะได้รับการพระราชทานอภัยโทษ เพราะไม่สำนึกผิด ไม่กลับมาติดคุกก่อน ฯลฯ
หมดมุกเข้าจริงๆ ก็เลยต้องบอกว่าต้องล้างบางด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร
เป็นการปฏิวัติรัฐประหารเพื่อทักษิณ แล้วคนเสื้อแดงจะยอม เพราะคนเสื้อแดงรักทักษิณ อดีตผู้บัญชาการทหารบก อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดพูด
คนที่พูดอย่างนี้สมควรถูกตบปากเป็นอย่างยิ่ง แต่สำหรับพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร น่าจะได้รับการยกเว้น เพราะพูดอย่างคนเลอะเลือน ใกล้บ้า เช่นเดียวกับทักษิณ ชินวัตร ที่ออกมาพูดทุกวันว่าคิดถึงบ้าน คิดถึงประเทศไทย แล้วก็มีพฤติกรรมทำลายประเทศไทยทุกวัน บ่อนเซาะประเทศที่เขารักทุกวัน ทุกเวลาที่เขาจะทำได้
ลองปฏิวัติรัฐประหารเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองอย่างที่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เพ้อ ดูซิครับ อยากจะรู้เหมือนกันว่า จะมีแผ่นดินอยู่ไหม?
หลังการยึดอำนาจเมื่อ 19 กันยายน 2549 เขาไม่ได้จัดให้มีการเลือกตั้งหรือ?
ก็มีการเลือกตั้ง มีพรรคพลังประชาชนเกิดขึ้น ได้รับเสียงข้างมากมาเป็นรัฐบาล มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี และเมื่อนายสมัคร สุนทรเวช กระเด็นไปจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพราะทะลึ่งไปจัดรายการทีวีรับเงินรับทองเป็นค่าจ้าง ซึ่งถือว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง ก็ได้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยทักษิณมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่แล้วนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็กระเด็นไปจากเก้าอี้อีก เพราะนายสมชายเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค และนายสมชายต้องหยุดกิจกรรมการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เพราะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนคือ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
ส่วนหนึ่งของพรรคพลังประชาชนกลายมาเป็นพรรคเพื่อไทย อีกส่วนหนึ่งกลายเป็นพรรคภูมิใจไทย ส่วนที่เป็นพรรคเพื่อไทยไปสนับสนุน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นนายกฯ ส่วนที่เป็นพรรคภูมิใจไทยหันมาสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
แล้วนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้รับเลือกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยเสียงข้างมาก บริหารบ้านเมืองมา 7-8 เดือนแล้ว
ลองบอกหน่อยซิว่า ไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน?
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บริหารราชการแผ่นดินมาแล้ว 7-8 เดือน ถ้าหากไปไม่รอดก็อาจจะลาออกหรือยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่
อย่างนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยหรือ? ถึงตอนนั้นพรรคเพื่อไทยก็อาจจะได้เสียงข้างมากได้มาจัดตั้งรัฐบาลอีกเช่นเดียวกับนายสมัคร เช่นเดียวกับนายสมชาย
แต่ถึงตอนนั้นคิดจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ คิดจะแก้กฎหมายเพื่อให้นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร นักโทษหญิงคุณหญิงพจมาน พ้นผิด ประชาชนก็คงจะไม่ยอม
แล้วอย่างนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน?
หรือประชาธิปไตยที่พล.อ.ชัยสิทธิ์ พร่ำพูดถึง คือ ครอบครัวของทักษิณต้องไม่ติดคุก ต้องกลับมามีอำนาจอีก
อย่าว่าแต่ประชาชนเลยครับ หมามันก็ไม่ยอม!