xs
xsm
sm
md
lg

ยอดขอลงทุน8เดือนแรกลดลง3.67หมื่นลบ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- บีโอไอเผย 8 เดือนแรกปีนี้ยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 693 โครงการคิดเป็นมูลค่า 2.38 แสนล้านบาทลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.67 หมื่นล้านบาท

นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ เปิดเผยถึงภาวะการลงทุนในช่วง 8 เดือน ปี 2552 (มกราคม – สิงหาคม) ว่า เดือนส.ค.มียอดขอรับส่งเสริมการลงทุน 105 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 23,800 ล้านบาท ซึ่งก็ปรับลดลงจากเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดคำขอรับส่งเสริมฯรวม 8 เดือนมีทั้งสิ้น 693 โครงการ มูลค่า 246,100 ล้านบาท ลดลงทั้งโครงการและมูลค่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีจำนวน 799 โครงการมูลค่า 282,800 ล้านบาท

สำหรับการลงทุนตรงจากต่างประเทศ หรือเอฟดีไอช่วง 8 เดือน พบว่า แม้จำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุนจะลดลง ซึ่งเป็นเพราะบริษัทต่างชาติได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย แต่ก็ยังมีหลายประเทศที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการลงทุนจากประเทศที่บีโอไอเพิ่งไปเปิดสำนักงานต่างประเทศแห่งใหม่เมื่อช่วงต้นปีนี้ อาทิ การลงทุนจากประเทศจีน ซึ่งมีการเปิดสำนักงานใหม่ 2 แห่ง ที่ปักกิ่งและกวางโจว มีการขอรับส่งเสริมการลงทุน 14 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 4,829 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 298 หรือเกือบ 3 เท่าตัว เป็นต้น

ทั้งนี้แม้ภาพรวมของคำขอรับส่งเสริมฯจะลดลงบ้าง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่กลับพบว่า มีอุตสาหกรรม 3 กลุ่มหลักที่มีความสนใจจะเข้ามาลงทุนในไทยเป็นจำนวนมาก ประกอบด้วย อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นผลมาจากการตื่นตัวในการสร้างพลังงานทางเลือก ทำให้มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มนี้เป็นจำนวนมาก อาทิ โครงการผลิตเอทานอล โครงการผลิตก๊าซชีวภาพ โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม และโครงการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์

นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ. ) กล่าวในงาน OIE FORUM 2009 วานนี้(10ก.ย.)ว่า ดัชนีอุตสาหกรรมของไทยเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมาและค่อย ๆ ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าไตรมาสที่สามติดลบ 5 %และไตรมาสสี่ขยายตัวเป็นบวก 3.7% โดยภาคอุตสาหกรรมของไทยจะฟื้นตัวในลักษณะรูปตัว V แต่ด้านปลายจะกางออกกว้างเล็กน้อย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังมีหลายปัจจัยเข้ามากระทบแม้ว่าจะมียอดคำสั่งซื้อจากต่างประเทศกลับเข้ามา โดยเฉพาะ นโยบายการเมือง เสถียรภาพของรัฐบาล ความเข้มของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
กำลังโหลดความคิดเห็น