xs
xsm
sm
md
lg

ดัชนีอุตฯ ครึ่งปีแรกติดลบ 16.5% คาดฟื้นไตรมาส 3 รูปตัว v

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้อำนวยการ สศอ.เผย ครึ่งปีแรกดัชนีอุตสาหกรรมติดลบ 16.5% พร้อมคาดแนวโน้มไตรมาส 3 ฟื้นตัวดีขึ้น และพลิกเป็นบวกได้ในไตรมาส 4 โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจครั้งนี้ หากเขียนเป็นกราฟจะเป็นรูปตัววี เขียนเล็กซึ่งมีปลายหางตวัด

นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) คาดว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมครึ่งปีหลังจะติดลบน้อยลงกว่าครึ่งปีแรก โดยครึ่งปีแรกดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมติดลบร้อยละ 16.5 โดยไตรมาส 1 ติดลบร้อยละ 22 ไตรมาส 2 ติดลบร้อยละ 10.7 ส่วนไตรมาส 3 คาดว่าจะติดลบน้อยลงเหลือร้อยละ 5 และเป็นบวกในไตรมาส 4 ที่ร้อยละ 3.7 โดยทั้งปีคาดว่าจะติดลบร้อยละ 8-10 ขณะที่ปี 2551 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมบวกร้อยละ 3.9

ด้านอัตราการใช้กำลังการผลิตครึ่งแรกปี 2552 อยู่ที่ร้อยละ 53.02 ไตรมาส 1 อยู่ที่ร้อยละ 52.15 ไตรมาส 3 ร้อยละ 54 ไตรมาส 3 มีแนวโน้มดีขึ้นคาดว่าจะอยู่ระดับร้อยละ 56 และเพิ่มเป็นร้อยละ 61.5 ในไตรมาส 4 และทั้งปีเฉลี่ยร้อยละ 56 ขณะที่ปี 2551 อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยร้อยละ 62.62 โดยเดือนมกราคม 2552 มีอัตราการใช้กำลังการผลิตต่ำสุดที่ร้อยละ 49.9

นายอาทิตย์ กล่าวถึงการส่งออกภาคอุตสาหกรรมครึ่งปีแรก ติดลบอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 1 ติดลบร้อยละ 18.7 ไตรมาส 2 ติดลบร้อยละ 25.6 ทำให้ครึ่งปีแรกติดลบรวมร้อยละ 22.2 ตลอดทั้งปีประมาณว่าการส่งออกภาคอุตสาหกรรมจะติดลบร้อยละ 20-22 ส่วนการนำเข้าครึ่งปีแรก ติดลบร้อยละ 35.41 โดยการนำเข้าหมวดสินค้าเชื้อเพลิงหดตัวมากที่สุด ครึ่งปีแรกติดลบร้อยละ 44.90 รองลงมา คือ วัตถุดิบ โดยในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2552 การนำเข้าติดลบร้อยละ 40.73

ผู้อำนวยการ สศอ.กล่าวอีกว่า การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรม แม้จะไม่หวือหวาแต่เป็นสัญญาณที่ดี เนื่องจากประเทศคู่ค้าสำคัญเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่ภายในประเทศมีมาตรการกระตุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจครั้งนี้ หากเขียนเป็นกราฟจะเป็นรูปตัววี (v) เขียนเล็ก ซึ่งมีปลายหางตวัด เนื่องจากผลกระทบการเมืองและไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รวมทั้งปัจจัยราคาน้ำมัน โดยอุตสาหกรรมแบ่งได้ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มดี ประกอบด้วย ยา อาหาร และเคมีภัณฑ์ ปานกลาง คือ ยานยนต์ ปูนซีเมนต์ ยาง เครื่องใช้ไฟฟ้า พลาสติก กระดาษ และสิ่งทอต้นน้ำ ส่วนกลุ่มที่ไม่แน่นอน คือ เหล็กและเหล็กกล้า อัญมณี ปิโตรเคมี เฟอร์นิเจอร์ รองเท้า และเซรามิก

ส่วนสัญญาณที่ฟื้นชัดเจนนั้น ผู้ประกอบการควรคำนึงถึงการผลิตที่ได้มาตรฐาน ตรงต่อเวลา จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงการพัฒนาประสิทธิภาพควบคู่ไปด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้เหนือคู่แข่ง โดยอยากให้รัฐบาลดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ ไม่ให้แข็งค่ากว่าคู่แข่งขัน เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองทางการค้าของไทยให้ดีกว่าปัจจุบัน
กำลังโหลดความคิดเห็น