00 กรรมใดใครก่อ คนนั้นก็ต้องรับไป แม้ว่าจะพยายามยื้อเวลา หรือใช้อำนาจทเที่มีทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองหนีพ้นบ่วงกรรม แต่ในที่สุดก็หนีไม่พ้น สำหรับ "สมชาย -ชวลิต" และคนอื่นๆ โดยเฉพาะ “เสี่ยป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เวลานี้ก็เหมือน“วัตถุ” อะไรสักอย่างหนึ่งที่ “ล่องลอย” ไปในอากาศ หลังจาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดวินัยและอาญาร้ายแรง กรณีสั่งปราบปรามประชาชนในเหตุการณ์ 7 ตุลาคม
00 เหมือนกับรอ “ส้มหล่น” อย่างที่เขาว่าจริงๆ สำหรับนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำให้หนทางในการเสนอชื่อ ผบ.ตร. คนใหม่สะดวกราบรื่น หลังจากต่อไปนี้ “เสี่ย” ต้องมัวแต่ยุ่งอยู่แต่เรื่องของอนาคตตัวเอง ว่าจบที่คุกหรือเปล่า
00 แต่เอาเป็นว่า เมื่อผลการชี้มูลความผิดออกมาแบบนี้ ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที และเมื่อมติชี้มูลของ ป.ป.ช. ส่งไปถึงต้นสังกัด และผู้บังคับบัญชาในที่นี้น่าจะหมายถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็ต้องว่ากันไปตามขั้นตอน แต่นาทีนี้ถือว่าต้องจบชีวิตราชการอย่างน่าขมขื่น และถึงเวลาต้องถูกย้อนศรคืนกลับมาบ้าง นี่แหละเขาถึงว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม !!
00 ในที่สุดรัฐบาลก็เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเต็มสูบแล้ว หลังจากนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยอมไฟเขียวนำเรื่องเข้าหา “แนวร่วม” ในที่ประชุมครม. วันนี้ ( 8 ก.ย.) จากนั้นจะกำหนดวันอภิปรายในสภากันต่อไป หากมองอีกมุมหนึ่งเป็นการ “ซื้อเวลา” ของรัฐบาลจริงๆ เพราะทุกคนจะได้ตั้งหน้าตั้งตากันวิจารณ์เกี่ยวกับประเด็นการแก้ไขว่า จะมีเรื่องอะไรบ้าง แม้ว่าจะมีแรงกระเพื่อมวุ่นวาย แต่ก็ถือว่าพ้นไปจากตัวนายกฯ โยนไปให้สภา และสังคมจะเห็นอย่างไร เมื่อได้ข้อสรุป ก็เอาตามอย่างนั้น อีกทั้งบรรดาพรรคร่วมฯ ก็ได้มีช่องระบายอารมณ์ ระบายความทุเรศออกมา
00 พิจารณาทีละประเด็น เช่น มาตรา 190 ที่ต้องการให้ผ่อนคลายการบังคับเกี่ยวกับการเจรจาทำสัญญากับต่างประเทศ ขนาดเข้มงวดขนาดนี้ยังแอบไปลงนามให้เขมรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร แลกผลประโยชน์กันหน้าตาเฉย หรือมาตราอื่นๆ เช่นให้ ส.ส.ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ และเปิดทางเข้าแทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำได้ และที่น่า “ทุเรศ” ก็คือ จะแก้ไขมาตรา 237 ไม่ให้มีโทษยุบพรรค หากกรรมการบริหารพรรคโกงเลือกตั้ง
00 พี่น้องประชาชนทั้งหลายลองเอาฝ่าเท้าตรองดูทีว่า นักการเมืองประเภทนี้ยังเอาไว้ทำยาอีกหรือ ในทางตรงข้าม มีแต่จะต้องหาทางเขี่ยออกไปให้พ้นทาง หรือต้องหาทาง หาวิธีการมาควบคุมให้มากขึ้นกว่านี้ และยิ่งเห็นสภาพบรรยากาศในห้องประชุมสภาแต่ละครั้ง มันสมควรเป็นผู้ทรงเกียรติแค่ไหน !!
ก้อนกรวด
00 เหมือนกับรอ “ส้มหล่น” อย่างที่เขาว่าจริงๆ สำหรับนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำให้หนทางในการเสนอชื่อ ผบ.ตร. คนใหม่สะดวกราบรื่น หลังจากต่อไปนี้ “เสี่ย” ต้องมัวแต่ยุ่งอยู่แต่เรื่องของอนาคตตัวเอง ว่าจบที่คุกหรือเปล่า
00 แต่เอาเป็นว่า เมื่อผลการชี้มูลความผิดออกมาแบบนี้ ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที และเมื่อมติชี้มูลของ ป.ป.ช. ส่งไปถึงต้นสังกัด และผู้บังคับบัญชาในที่นี้น่าจะหมายถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็ต้องว่ากันไปตามขั้นตอน แต่นาทีนี้ถือว่าต้องจบชีวิตราชการอย่างน่าขมขื่น และถึงเวลาต้องถูกย้อนศรคืนกลับมาบ้าง นี่แหละเขาถึงว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม !!
00 ในที่สุดรัฐบาลก็เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเต็มสูบแล้ว หลังจากนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยอมไฟเขียวนำเรื่องเข้าหา “แนวร่วม” ในที่ประชุมครม. วันนี้ ( 8 ก.ย.) จากนั้นจะกำหนดวันอภิปรายในสภากันต่อไป หากมองอีกมุมหนึ่งเป็นการ “ซื้อเวลา” ของรัฐบาลจริงๆ เพราะทุกคนจะได้ตั้งหน้าตั้งตากันวิจารณ์เกี่ยวกับประเด็นการแก้ไขว่า จะมีเรื่องอะไรบ้าง แม้ว่าจะมีแรงกระเพื่อมวุ่นวาย แต่ก็ถือว่าพ้นไปจากตัวนายกฯ โยนไปให้สภา และสังคมจะเห็นอย่างไร เมื่อได้ข้อสรุป ก็เอาตามอย่างนั้น อีกทั้งบรรดาพรรคร่วมฯ ก็ได้มีช่องระบายอารมณ์ ระบายความทุเรศออกมา
00 พิจารณาทีละประเด็น เช่น มาตรา 190 ที่ต้องการให้ผ่อนคลายการบังคับเกี่ยวกับการเจรจาทำสัญญากับต่างประเทศ ขนาดเข้มงวดขนาดนี้ยังแอบไปลงนามให้เขมรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร แลกผลประโยชน์กันหน้าตาเฉย หรือมาตราอื่นๆ เช่นให้ ส.ส.ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ และเปิดทางเข้าแทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำได้ และที่น่า “ทุเรศ” ก็คือ จะแก้ไขมาตรา 237 ไม่ให้มีโทษยุบพรรค หากกรรมการบริหารพรรคโกงเลือกตั้ง
00 พี่น้องประชาชนทั้งหลายลองเอาฝ่าเท้าตรองดูทีว่า นักการเมืองประเภทนี้ยังเอาไว้ทำยาอีกหรือ ในทางตรงข้าม มีแต่จะต้องหาทางเขี่ยออกไปให้พ้นทาง หรือต้องหาทาง หาวิธีการมาควบคุมให้มากขึ้นกว่านี้ และยิ่งเห็นสภาพบรรยากาศในห้องประชุมสภาแต่ละครั้ง มันสมควรเป็นผู้ทรงเกียรติแค่ไหน !!
ก้อนกรวด