ASTVผู้จัดการรายวัน-ผู้ค้าน้ำมันยอมเฉือนกำไรถ่างส่วนต่างราคาบี 5 จาก 1.20 บาทเป็น 1.70 บาท/ลิตร หวังดึงผู้ใช้น้ำมันหวนกลับมาใช้บี 5เหมือนเดิม หลังยอดขายดีเซลพุ่ง
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม เปิดเผยว่า การปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลบี 5 ลง 50 สต./ลิตร เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ส่วนต่างราคาน้ำมันบี 5 กับดีเซลปกติ เพิ่มขึ้นจาก 1.20 บาท/ลิตรเป็น 1.70 บาท/ลิตร เพื่อหวังเพิ่มความจูงใจให้ผู้ใช้น้ำมันหันกลับมาใช้บี 5 เหมือนเดิม หลังจากก่อนหน้านี้รัฐบาลใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานเพื่อปรับลดราคาขายปลีกดีเซลลงลิตรละ 2 บาท ทำให้ส่วนต่างราคาของบี 5 กับดีเซลลดลง
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันมีความกังวลในเรื่องนี้ เนื่องจากส่วนต่างราคาบี 5 ถูกกว่าดีเซลแค่ 1.20 บาท/ลิตร ทำให้ยอดขายบี 5 ไม่ขยายตัวหรือลดลง ขณะเดียวกันด้านปั๊มน้ำมันเมื่อเปรียบเทียบค่าการตลาดก็ไม่ได้สูง จึงหันมาขายดีเซลมากขึ้น
“ช่วงนี้ผู้ค้าน้ำมันต้องดูแลกันเองมากขึ้น เพราะส่วนต่างบี 5 ที่ลดลง ทำให้ยอดขายไม่โต เพราะผู้ใช้น้ำมันเองที่หันไปเติมดีเซล และปั๊มน้ำมันก็ไม่อยากขาย เพราะไปขายดีเซลได้ค่าการตลาดที่ดีกว่า จึงต้องขยับส่วนต่างราคา โดยลดราคาขายปลีกบี 5 ลงมา ซึ่งคงทำได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น ส่วนจะให้ภาครัฐเข้ามาช่วยอุดหนุนราคาเหมือนก่อนหน้านี้ คงไม่ได้ เพราะปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯก็มีภาระมากพออยู่แล้ว”นายอนุสรณ์กล่าว
ส่วนการขายแก๊สโซฮอล์ก็ได้รับผลกระทบจากต้นทุนเอทานอลที่สูงขึ้นเช่นกัน โดยราคาซื้อขายเอทานอลไตรมาส 4 อยู่ที่ ลิตรละ 25 บาท สูงกว่าไตรมาส 3 มีราคาอยู่ที่ลิตรละ 24 บาท แต่ก็ต้องพยายามบริหารต้นทุนและค่าการตลาดให้เหมาะสม โดยยังยืนยันที่จะขยายปั๊มอี 20 ให้ได้ตามแผน
นายอมร เพ็ญพิบูลย์รัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.เป็นห่วงเรื่องยอดขายบี 5 จะลดลง เพราะเริ่มมีสัญญาณจากผู้ใช้น้ำมันจะกลับไปเติมดีเซลฃากขึ้น เนื่องจากส่วนต่างราคาบี 5 ที่ลดลงมาก ทำให้ผู้ค้าน้ำมันต้องหารือกันเพื่อติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด โดยยึดหลักการสนับสนุนนโยบายพลังงานทดแทน
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม เปิดเผยว่า การปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลบี 5 ลง 50 สต./ลิตร เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ส่วนต่างราคาน้ำมันบี 5 กับดีเซลปกติ เพิ่มขึ้นจาก 1.20 บาท/ลิตรเป็น 1.70 บาท/ลิตร เพื่อหวังเพิ่มความจูงใจให้ผู้ใช้น้ำมันหันกลับมาใช้บี 5 เหมือนเดิม หลังจากก่อนหน้านี้รัฐบาลใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานเพื่อปรับลดราคาขายปลีกดีเซลลงลิตรละ 2 บาท ทำให้ส่วนต่างราคาของบี 5 กับดีเซลลดลง
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันมีความกังวลในเรื่องนี้ เนื่องจากส่วนต่างราคาบี 5 ถูกกว่าดีเซลแค่ 1.20 บาท/ลิตร ทำให้ยอดขายบี 5 ไม่ขยายตัวหรือลดลง ขณะเดียวกันด้านปั๊มน้ำมันเมื่อเปรียบเทียบค่าการตลาดก็ไม่ได้สูง จึงหันมาขายดีเซลมากขึ้น
“ช่วงนี้ผู้ค้าน้ำมันต้องดูแลกันเองมากขึ้น เพราะส่วนต่างบี 5 ที่ลดลง ทำให้ยอดขายไม่โต เพราะผู้ใช้น้ำมันเองที่หันไปเติมดีเซล และปั๊มน้ำมันก็ไม่อยากขาย เพราะไปขายดีเซลได้ค่าการตลาดที่ดีกว่า จึงต้องขยับส่วนต่างราคา โดยลดราคาขายปลีกบี 5 ลงมา ซึ่งคงทำได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น ส่วนจะให้ภาครัฐเข้ามาช่วยอุดหนุนราคาเหมือนก่อนหน้านี้ คงไม่ได้ เพราะปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯก็มีภาระมากพออยู่แล้ว”นายอนุสรณ์กล่าว
ส่วนการขายแก๊สโซฮอล์ก็ได้รับผลกระทบจากต้นทุนเอทานอลที่สูงขึ้นเช่นกัน โดยราคาซื้อขายเอทานอลไตรมาส 4 อยู่ที่ ลิตรละ 25 บาท สูงกว่าไตรมาส 3 มีราคาอยู่ที่ลิตรละ 24 บาท แต่ก็ต้องพยายามบริหารต้นทุนและค่าการตลาดให้เหมาะสม โดยยังยืนยันที่จะขยายปั๊มอี 20 ให้ได้ตามแผน
นายอมร เพ็ญพิบูลย์รัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.เป็นห่วงเรื่องยอดขายบี 5 จะลดลง เพราะเริ่มมีสัญญาณจากผู้ใช้น้ำมันจะกลับไปเติมดีเซลฃากขึ้น เนื่องจากส่วนต่างราคาบี 5 ที่ลดลงมาก ทำให้ผู้ค้าน้ำมันต้องหารือกันเพื่อติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด โดยยึดหลักการสนับสนุนนโยบายพลังงานทดแทน