"สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง"ตำรวจสายสีน้ำเงินเปิดเกมรุกเอาผิด"เสรีพิศุทธ์"หมายเรียกกล่าวหารุกป่าสร้างรีสอร์ต ภูไพรธารน้ำ 100 ไร่ กาญจนบุรี เหิมหากไม่เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ออกหมายจับแน่
วานนี้(4 ก.ย.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เรียกประชุมพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง คดีที่ออกหมายเรียก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ใน 9 ข้อหา “ร่วมกันยึดถือครอบครอง หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ร่วมกันยึดถือทำลายป่าไม้ทำให้เสื่อมสภาพ อันทำให้ไร้ประโยชน์ และร่วมกันทำลายทรัพย์อันเป็นสาธารณะและเททิ้ง หินดินทรายโคลน ลงในแม่น้ำลำคลองอันเป็นทางสัญจรของประชาชน ซึ่งผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และ พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 ประมวลกฎหมายอาญา” จากกรณีการสร้างรีสอร์ตภูไพรธารน้ำ เนื้อที่ 100 ไร่ ใน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี โดยให้มาพบพนักงานสอบสวนที่ ตร.ในวันที่ 4 กันยายน เวลา 13.00 น. ทั้งนี้พนักงานสอบสวนนำแฟ้มเอกสารหลักฐานต่างๆ มาด้วยรวม 12 แฟ้ม
พล.ต.ท.สมยศ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนออกหมายเรียก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งครบกำหนดตามหมายเรียกที่นัดไว้ โดยก่อนถึงเวลานัดหมายก็เชิญพนักงานสอบสวนมาหารือทำความเข้าใจกันก่อน ทั้งนี้ หาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เดินทางมาตามนัดจะได้ไม่เสียเวลา ซึ่งเบื้องต้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังไม่ติดต่อมาแต่อย่างใด
ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวต่อไปว่า หาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่มาตามนัด พนักงานสอบสวนจะประชุมหารือกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้เรียกไป 3 ครั้งแล้ว หากไม่มาก็ต้องหารือกันอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร ถึงขั้นต้องออกหมายจับอีกครั้งหรือไม่
พล.ต.ท.สมยศ กล่าวว่า คดีนี้รวบรวมพยานหลักฐานมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยเกี่ยวเนื่องกับหลายหน่วยงานเข้ากฎหมายหลายข้อ มีหลายหน่วยงานเป็นผู้เสียหาย เช่น กรมป่าไม้ กรมเจ้าท่า กรมอุทยานฯ ซึ่งต้องรอการสอบสวนก่อน จึงจะบอกได้ว่าความผิดครอบคลุมถึงขั้นใด
ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ท.สมยศ กล่าวว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ส่งตัวแทนซึ่งเป็นอดีตรอง ผกก.ประจำสำนักงานอดีต ผบ.ตร.(พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์) เข้าพบพนักงานสอบสวนพร้อมกับแจ้งว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อยู่ระหว่างเป็นพยานศาล ซึ่งเป็นการแจ้งให้ทราบเท่านั้น ไม่ได้เป็นการขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาแต่อย่างใด ซึ่งทางพนักงานสอบสวน จะรอ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จนกระทั่งเวลา 24.00 น. แต่หากยังไม่มารับทราบข้อกล่าวหาอีก ตนก็สั่งการให้พนักงานสอบสวนส่งหมายเรียกไปยังบ้านพักของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อีกครั้ง
สำหรับเรื่องนี้ มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นการเอาคืนของกลุ่ม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ หลังจากถูกสื่อเอเอสทีวีผู้จัดการนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องความร่ำรวยผิดปกติของ พล.ต.อ.พัชรวาท ทั้งเรื่องการก่อสร้างรีสอร์ตหรูร้อยล้านในพื้นที่บางพลีน้อย อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ และการสร้างคอกม้ารุ่งโรจน์ รุ่งพัชร ร้อยล้าน ในพื้นที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
นอกจากนั้น พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร.(นรต.31) ก็ถือเป็นนายตำรวจกลุ่มสีน้ำเงินที่มีความสนิทสนมกับ พล.ต.อ.พัชรวาท ขณะที่ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบช.ก.หัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ก็เคยมีปัญหากับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มาก่อน ทำให้ถูกมองว่าการทำคดีนี้เหมือนเป็นการกลั่นแกล้ง
สำหรับ พล.ต.ท.สมยศ มีเพื่อนร่วมรุ่นที่มีชื่อเสียงมากมาย อาทิ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร. สมัยเมื่อครั้งยังเป็น พ.ต.อ.นั้นเป็นนายตำรวจติดตามนายมนตรี พงษ์พานิช ช่วงที่มีชีวิตอยู่และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากนั้นเมื่อนายมนตรีเสียชีวิต พล.ต.ท.สมยศ หรือเฮียอ๊อด ขณะเป็น พ.ต.อ.ก็ไปติดตามนายเนวิน ชิดชอบ สมัยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรืองอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.สมยศ ก็จะมีคู่หูที่เป็นถึงที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ (เนวิน ชิดชอบ) คือ นายกนกศักดิ์ ปิ่นแสง ซึ่งเป็นที่ปรึกษาที่ผ่านการเห็นชอบจาก ครม. ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมัธยมกับ พล.ต.ท.สมยศ คอยรับใช้นายเนวิน อย่างใกล้ชิด โดยนายกนกศักดิ์จะมีธุรกิจทำเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์ส่งออก และธุรกิจค้าขายเกี่ยวกับสินค้าเกษตร มากมาย และเป็นคนคอยช่วยเหลือซัปพอร์ตเงินทุนให้นายเนวินด้วย
วานนี้(4 ก.ย.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เรียกประชุมพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง คดีที่ออกหมายเรียก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ใน 9 ข้อหา “ร่วมกันยึดถือครอบครอง หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ร่วมกันยึดถือทำลายป่าไม้ทำให้เสื่อมสภาพ อันทำให้ไร้ประโยชน์ และร่วมกันทำลายทรัพย์อันเป็นสาธารณะและเททิ้ง หินดินทรายโคลน ลงในแม่น้ำลำคลองอันเป็นทางสัญจรของประชาชน ซึ่งผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และ พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 ประมวลกฎหมายอาญา” จากกรณีการสร้างรีสอร์ตภูไพรธารน้ำ เนื้อที่ 100 ไร่ ใน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี โดยให้มาพบพนักงานสอบสวนที่ ตร.ในวันที่ 4 กันยายน เวลา 13.00 น. ทั้งนี้พนักงานสอบสวนนำแฟ้มเอกสารหลักฐานต่างๆ มาด้วยรวม 12 แฟ้ม
พล.ต.ท.สมยศ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนออกหมายเรียก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งครบกำหนดตามหมายเรียกที่นัดไว้ โดยก่อนถึงเวลานัดหมายก็เชิญพนักงานสอบสวนมาหารือทำความเข้าใจกันก่อน ทั้งนี้ หาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เดินทางมาตามนัดจะได้ไม่เสียเวลา ซึ่งเบื้องต้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังไม่ติดต่อมาแต่อย่างใด
ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวต่อไปว่า หาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่มาตามนัด พนักงานสอบสวนจะประชุมหารือกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้เรียกไป 3 ครั้งแล้ว หากไม่มาก็ต้องหารือกันอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร ถึงขั้นต้องออกหมายจับอีกครั้งหรือไม่
พล.ต.ท.สมยศ กล่าวว่า คดีนี้รวบรวมพยานหลักฐานมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยเกี่ยวเนื่องกับหลายหน่วยงานเข้ากฎหมายหลายข้อ มีหลายหน่วยงานเป็นผู้เสียหาย เช่น กรมป่าไม้ กรมเจ้าท่า กรมอุทยานฯ ซึ่งต้องรอการสอบสวนก่อน จึงจะบอกได้ว่าความผิดครอบคลุมถึงขั้นใด
ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ท.สมยศ กล่าวว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ส่งตัวแทนซึ่งเป็นอดีตรอง ผกก.ประจำสำนักงานอดีต ผบ.ตร.(พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์) เข้าพบพนักงานสอบสวนพร้อมกับแจ้งว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อยู่ระหว่างเป็นพยานศาล ซึ่งเป็นการแจ้งให้ทราบเท่านั้น ไม่ได้เป็นการขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาแต่อย่างใด ซึ่งทางพนักงานสอบสวน จะรอ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จนกระทั่งเวลา 24.00 น. แต่หากยังไม่มารับทราบข้อกล่าวหาอีก ตนก็สั่งการให้พนักงานสอบสวนส่งหมายเรียกไปยังบ้านพักของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อีกครั้ง
สำหรับเรื่องนี้ มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นการเอาคืนของกลุ่ม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ หลังจากถูกสื่อเอเอสทีวีผู้จัดการนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องความร่ำรวยผิดปกติของ พล.ต.อ.พัชรวาท ทั้งเรื่องการก่อสร้างรีสอร์ตหรูร้อยล้านในพื้นที่บางพลีน้อย อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ และการสร้างคอกม้ารุ่งโรจน์ รุ่งพัชร ร้อยล้าน ในพื้นที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
นอกจากนั้น พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร.(นรต.31) ก็ถือเป็นนายตำรวจกลุ่มสีน้ำเงินที่มีความสนิทสนมกับ พล.ต.อ.พัชรวาท ขณะที่ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบช.ก.หัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ก็เคยมีปัญหากับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มาก่อน ทำให้ถูกมองว่าการทำคดีนี้เหมือนเป็นการกลั่นแกล้ง
สำหรับ พล.ต.ท.สมยศ มีเพื่อนร่วมรุ่นที่มีชื่อเสียงมากมาย อาทิ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร. สมัยเมื่อครั้งยังเป็น พ.ต.อ.นั้นเป็นนายตำรวจติดตามนายมนตรี พงษ์พานิช ช่วงที่มีชีวิตอยู่และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากนั้นเมื่อนายมนตรีเสียชีวิต พล.ต.ท.สมยศ หรือเฮียอ๊อด ขณะเป็น พ.ต.อ.ก็ไปติดตามนายเนวิน ชิดชอบ สมัยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรืองอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.สมยศ ก็จะมีคู่หูที่เป็นถึงที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ (เนวิน ชิดชอบ) คือ นายกนกศักดิ์ ปิ่นแสง ซึ่งเป็นที่ปรึกษาที่ผ่านการเห็นชอบจาก ครม. ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมัธยมกับ พล.ต.ท.สมยศ คอยรับใช้นายเนวิน อย่างใกล้ชิด โดยนายกนกศักดิ์จะมีธุรกิจทำเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์ส่งออก และธุรกิจค้าขายเกี่ยวกับสินค้าเกษตร มากมาย และเป็นคนคอยช่วยเหลือซัปพอร์ตเงินทุนให้นายเนวินด้วย
