ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เขียนข้อความลงบนเวปไซด์ twitter.com ถึงกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทย จะจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลด้วยว่า วันนี้มีพรรคพวกเสื้อแดงโทรฯ มาถามด้วยความตกใจว่าเพื่อไทยจะร่วมรัฐบาลกับประชาธิปัตย์หรือ ผมเลยบอกว่ามันเป็นน้ำมันกับน้ำ คนละวัฒนธรรมรวมกันยากครับ
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลว่า ตนได้รับมอบหมายจากผู้บริหารพรรคให้มาชี้แจงกรณีดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะจุดยืน แนวคิด และนโยบายทั้ง 2 พรรคนั้นเป็นคู่ขนาน เหมือนน้ำกับน้ำมัน การที่มีข่าวนี้เกิดขึ้นทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้ประโยชน์ ได้โอกาสปรามพรรคร่วม รัฐบาลที่มีความขัดแย้งกันอยู่ สรุปแล้วเป็นข่าวลือ ข่าวปล่อย
ด้านนายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้พบและหารือกับ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ จนมีการปล่อยข่าวพรรคประชาธิปัตย์ จะจับมือร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การพบปะ นพ.บุรณัฐย์ สมุทรักษ์ ไม่ได้พูดคุยเรื่องการจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลผสม 2 พรรค แต่เป็นเพียง การแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นทางการเมือง ซึ่งโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ได้ปรับทุกข์ถึงการทำงาน ที่ยากลำบากของรัฐบาลผสม เพราะมีการต่อรองสูงจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยได้พูดขึ้นมาว่าถ้าได้จัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ก็จะทำให้ได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ซึ่งตนก็ได้ปฏิเสธ และขอให้ร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง โดยไม่เคยต่อรองเรื่องการคดีอาญาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามที่โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวอ้างแต่อย่างใด
กระแสข่าวที่เกิดขึ้นเชื่อว่า เป็นการปล่อยข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อกำราบพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคภูมิใจไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็น ถึงความขัดแย้งอย่างรุนแรงซึ่งบั่นทอนเสถียรภาพภายในรัฐบาลอยู่ในขณะนี้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ปฏิเสธว่า ไม่เคยเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่แน่ใจว่ามีการเสนอข่าวกันผิดหรือเปล่า เพราะเห็นว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ต่อว่ามาว่า ตนไม่เคยโทรศัพท์ไป ขอยืนยันว่า ตนไม่ได้พูดกับสื่อว่าโทรศัพท์ไป ที่ตนพูดอย่างนี้ไม่ได้เป็นการเล่นลิ้นแต่เป็นการพูดให้ฟังว่า ได้ติดต่อผ่านช่องทาง ที่พ.ต.ท. ทักษิณ เคยติดต่อมาหา ก่อนที่จะเป็นรัฐบาล แต่เมื่อติดต่อกันแล้วพ.ต.ท. ทักษิณ ไม่เอา ก็ไม่ว่าอะไร เมื่อสื่อมาถามว่า ยังจะคุยกับพ.ต.ท. ทักษิณ อีกหรือไม่ ตนได้ตอบว่า ตนยินดีที่จะคุยกับใครก็ได้ที่ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย แต่ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องโกรธเคืองกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าสามารถอธิบายได้หรือไม่ว่า ไม่ได้เป็นเกมเพื่อการสร้างภาพ อย่างที่พ.ต.ท. ทักษิณ ตั้งข้อสังเกต นายสุเทพ กล่าวว่า ท่านทั้งหลายก็รู้จักนิสัยผม ผมไม่ใช่นักสร้างภาพอยู่แล้ว หากผมเป็นนักสร้างภาพ คงไม่ถูกด่าป่นปี้อยู่บ่อยๆ ผมคิดว่าพี่น้องประชาชนเขาใช้วิจารณญาณ สื่อ นักการเมืองก็ต้องใช้วิจารณญาณ เราต้องใช้สติกันทุกคน ผมพูดอย่างนี้ อย่าเอาไปหาว่า ผมด่าว่าใครไม่มีสติอีกนะ จะเสียหายกับผม แต่ผมพูดเรื่องจริงว่าเราต้องมีสติ ผมก็ระมัดระวังไม่ประเมินอะไรเกินจริง ไม่สร้างภาพ ให้คนตื่นตระหนก เพียงแต่บอกว่า ถ้าเราทุกคน ช่วยกันบ้านเมืองก็ไปได้ เพียงแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
ต่อข้อถามว่า หากสติยังเป็นอย่างนี้แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ยังมีความหวังหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวว่า ยังมี ตนยังมีความหวังตลอดเวลา
บางทีวันนี้ คนบางคนอาจจะคิดว่าตัวเองได้เปรียบคนอื่น ก็เลยยังไม่อยากจะเจรจาพูดคุยกับใคร พอเห็นว่าไปไม่ได้ ก็นะ พูดอย่างนี้เดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก” ส่วนจะเป็นเพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งเงื่อนไขไว้สูงหรือไม่ทำให้รัฐบาลไม่สามารถปฏิบัติตามได้นั้น ไม่ใช่ ยังไม่ได้มีการเจรจาอะไรเลย และการเจรจาต้องยึดหลักเจรจาเพื่อความสมานสามัคคีคนในชาติไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของใครคนหนึ่งคนเดียว ต้องเอาหลักตรงนี้ไว้ก่อน
ส่วนกระแสข่าวเงื่อนไขที่พรรคประชาธิปัตย์จับมือพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล เพื่อเป็นการเปิดทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านเป็นเงื่อนไขที่ชัดเจนหรือเป็นเพียง ข่าวลือ นายสุเทพ กล่าวว่า ลือล้านเปอร์เซ็นต์ และตนก็ไม่ทราบว่าเพื่ออะไร และไม่รู้ว่าใครปล่อยข่าว เมื่อถามว่า กระแสข่าวเกิดขึ้นเพราะพรรคภูมิใจไทย เกิดการต่อรองในรัฐบาลสูงโดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสุเทพ กล่าวว่า ขณะนี้ ไม่มีความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลเลย อาจจะมีความเห็นไม่ตรงกันบางเรื่อง ซึ่งแต่ละคนมีเหตุผลของตัวเอง ทั้งที่อธิบายได้และอธิบายไม่ได้ อันนี้ต้องเคารพกัน แต่ยังไม่พัฒนาไปถึงขั้นขัดแย้งกัน เช่น คู่แต่งงาน อาจจะความเห็นไม่ตรงกัน แต่ยังไม่ถึงขั้นทะเลาะกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลยังมั่นใจว่าจะคุมสภาพพรรคร่วมได้ใช่ หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้คุมอะไรเลย ทุกอย่างยังเป็นธรรมชาติ ตนยังเป็นยาสามัญประจำบ้าน ไม่มีปัญหา ไม่มีอะไรเลย ส่วนกรณีที่มองว่า แกนนำไม่ทะเลาะ แต่เด็กๆ ออกมาชกต่อยกันนั้น ไม่เป็นไร ก็ห้าม ที่บ้านพี่น้องก็ชกกันบ่อย ตอนเด็กๆ ปลาเค็มในข้าวต้ม ยังชกแย่งกัน เมื่อถามว่า เงื่อนไขการสร้างสมานฉันท์คนในชาติ มีโอกาสที่พรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์จะปรับจูนกันได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ปรับจูนให้เกิดความสมานฉันท์ในชาติได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะต้องมาจับมือกันตั้งรัฐบาลร่วมกัน
ต่อข้อถามว่าเป็นไปไม่ได้เลยใช่หรือไม่ รองนายกรัฐมนตตรี กล่าวว่า วันนี้ตอบว่าไม่ได้ดีกว่า เดี๋ยวจะตีความกันไปใหญ่ ถ้าจะพูดว่าเป็นน้ำกับน้ำมันมันเกินไป ตนอยากพูดอย่างถนอมน้ำใจว่า เป็นไปไม่ได้ก็แล้วกัน การเมืองมีการพูดจาเจรจากันได้
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลว่า ตนได้รับมอบหมายจากผู้บริหารพรรคให้มาชี้แจงกรณีดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะจุดยืน แนวคิด และนโยบายทั้ง 2 พรรคนั้นเป็นคู่ขนาน เหมือนน้ำกับน้ำมัน การที่มีข่าวนี้เกิดขึ้นทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้ประโยชน์ ได้โอกาสปรามพรรคร่วม รัฐบาลที่มีความขัดแย้งกันอยู่ สรุปแล้วเป็นข่าวลือ ข่าวปล่อย
ด้านนายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้พบและหารือกับ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ จนมีการปล่อยข่าวพรรคประชาธิปัตย์ จะจับมือร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การพบปะ นพ.บุรณัฐย์ สมุทรักษ์ ไม่ได้พูดคุยเรื่องการจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลผสม 2 พรรค แต่เป็นเพียง การแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นทางการเมือง ซึ่งโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ได้ปรับทุกข์ถึงการทำงาน ที่ยากลำบากของรัฐบาลผสม เพราะมีการต่อรองสูงจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยได้พูดขึ้นมาว่าถ้าได้จัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ก็จะทำให้ได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ซึ่งตนก็ได้ปฏิเสธ และขอให้ร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง โดยไม่เคยต่อรองเรื่องการคดีอาญาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามที่โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวอ้างแต่อย่างใด
กระแสข่าวที่เกิดขึ้นเชื่อว่า เป็นการปล่อยข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อกำราบพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคภูมิใจไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็น ถึงความขัดแย้งอย่างรุนแรงซึ่งบั่นทอนเสถียรภาพภายในรัฐบาลอยู่ในขณะนี้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ปฏิเสธว่า ไม่เคยเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่แน่ใจว่ามีการเสนอข่าวกันผิดหรือเปล่า เพราะเห็นว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ต่อว่ามาว่า ตนไม่เคยโทรศัพท์ไป ขอยืนยันว่า ตนไม่ได้พูดกับสื่อว่าโทรศัพท์ไป ที่ตนพูดอย่างนี้ไม่ได้เป็นการเล่นลิ้นแต่เป็นการพูดให้ฟังว่า ได้ติดต่อผ่านช่องทาง ที่พ.ต.ท. ทักษิณ เคยติดต่อมาหา ก่อนที่จะเป็นรัฐบาล แต่เมื่อติดต่อกันแล้วพ.ต.ท. ทักษิณ ไม่เอา ก็ไม่ว่าอะไร เมื่อสื่อมาถามว่า ยังจะคุยกับพ.ต.ท. ทักษิณ อีกหรือไม่ ตนได้ตอบว่า ตนยินดีที่จะคุยกับใครก็ได้ที่ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย แต่ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องโกรธเคืองกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าสามารถอธิบายได้หรือไม่ว่า ไม่ได้เป็นเกมเพื่อการสร้างภาพ อย่างที่พ.ต.ท. ทักษิณ ตั้งข้อสังเกต นายสุเทพ กล่าวว่า ท่านทั้งหลายก็รู้จักนิสัยผม ผมไม่ใช่นักสร้างภาพอยู่แล้ว หากผมเป็นนักสร้างภาพ คงไม่ถูกด่าป่นปี้อยู่บ่อยๆ ผมคิดว่าพี่น้องประชาชนเขาใช้วิจารณญาณ สื่อ นักการเมืองก็ต้องใช้วิจารณญาณ เราต้องใช้สติกันทุกคน ผมพูดอย่างนี้ อย่าเอาไปหาว่า ผมด่าว่าใครไม่มีสติอีกนะ จะเสียหายกับผม แต่ผมพูดเรื่องจริงว่าเราต้องมีสติ ผมก็ระมัดระวังไม่ประเมินอะไรเกินจริง ไม่สร้างภาพ ให้คนตื่นตระหนก เพียงแต่บอกว่า ถ้าเราทุกคน ช่วยกันบ้านเมืองก็ไปได้ เพียงแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
ต่อข้อถามว่า หากสติยังเป็นอย่างนี้แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ยังมีความหวังหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวว่า ยังมี ตนยังมีความหวังตลอดเวลา
บางทีวันนี้ คนบางคนอาจจะคิดว่าตัวเองได้เปรียบคนอื่น ก็เลยยังไม่อยากจะเจรจาพูดคุยกับใคร พอเห็นว่าไปไม่ได้ ก็นะ พูดอย่างนี้เดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก” ส่วนจะเป็นเพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งเงื่อนไขไว้สูงหรือไม่ทำให้รัฐบาลไม่สามารถปฏิบัติตามได้นั้น ไม่ใช่ ยังไม่ได้มีการเจรจาอะไรเลย และการเจรจาต้องยึดหลักเจรจาเพื่อความสมานสามัคคีคนในชาติไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของใครคนหนึ่งคนเดียว ต้องเอาหลักตรงนี้ไว้ก่อน
ส่วนกระแสข่าวเงื่อนไขที่พรรคประชาธิปัตย์จับมือพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล เพื่อเป็นการเปิดทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านเป็นเงื่อนไขที่ชัดเจนหรือเป็นเพียง ข่าวลือ นายสุเทพ กล่าวว่า ลือล้านเปอร์เซ็นต์ และตนก็ไม่ทราบว่าเพื่ออะไร และไม่รู้ว่าใครปล่อยข่าว เมื่อถามว่า กระแสข่าวเกิดขึ้นเพราะพรรคภูมิใจไทย เกิดการต่อรองในรัฐบาลสูงโดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสุเทพ กล่าวว่า ขณะนี้ ไม่มีความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลเลย อาจจะมีความเห็นไม่ตรงกันบางเรื่อง ซึ่งแต่ละคนมีเหตุผลของตัวเอง ทั้งที่อธิบายได้และอธิบายไม่ได้ อันนี้ต้องเคารพกัน แต่ยังไม่พัฒนาไปถึงขั้นขัดแย้งกัน เช่น คู่แต่งงาน อาจจะความเห็นไม่ตรงกัน แต่ยังไม่ถึงขั้นทะเลาะกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลยังมั่นใจว่าจะคุมสภาพพรรคร่วมได้ใช่ หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้คุมอะไรเลย ทุกอย่างยังเป็นธรรมชาติ ตนยังเป็นยาสามัญประจำบ้าน ไม่มีปัญหา ไม่มีอะไรเลย ส่วนกรณีที่มองว่า แกนนำไม่ทะเลาะ แต่เด็กๆ ออกมาชกต่อยกันนั้น ไม่เป็นไร ก็ห้าม ที่บ้านพี่น้องก็ชกกันบ่อย ตอนเด็กๆ ปลาเค็มในข้าวต้ม ยังชกแย่งกัน เมื่อถามว่า เงื่อนไขการสร้างสมานฉันท์คนในชาติ มีโอกาสที่พรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์จะปรับจูนกันได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ปรับจูนให้เกิดความสมานฉันท์ในชาติได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะต้องมาจับมือกันตั้งรัฐบาลร่วมกัน
ต่อข้อถามว่าเป็นไปไม่ได้เลยใช่หรือไม่ รองนายกรัฐมนตตรี กล่าวว่า วันนี้ตอบว่าไม่ได้ดีกว่า เดี๋ยวจะตีความกันไปใหญ่ ถ้าจะพูดว่าเป็นน้ำกับน้ำมันมันเกินไป ตนอยากพูดอย่างถนอมน้ำใจว่า เป็นไปไม่ได้ก็แล้วกัน การเมืองมีการพูดจาเจรจากันได้