ASTVผู้จัดการรายวัน- อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เริ่มฟื้นตัว ฟันธงปีนี้ติดลบแค่ 10% ภาคการผลิตเริ่มทยอยรับแรงงานเข้ากลับทำงาน โดยเฉพาะผู้ผลิตฮาร์ด ดิสท์ ไดรท์ (HDD) นอกเหนือจากรับคนเพิ่มยังเสนอให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นอีกด้วย “สถาบันไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์” แนะผู้ประกอบการเตรียมรับมือ เน้นผลิตสินค้าตอบสนองเทรนด์ตลาดโลกมุ่งดูแลสิ่งแวดล้อม “Green Product”
นายไพโรจน์ สัญญะเดชากุล อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ในฐานะประธานบอร์ดสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เปิดเผยว่า จากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวส่งผลให้คำสั่งซื้อสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เริ่มทยอยกลับเข้ามาอีกครั้งซึ่งจากการประเมินภาคเอกชนส่วนใหญ่เห็นว่าปลายปีนี้การส่งออกอุตสาหกรรมดังกล่าวจะขยายตัวติดลบเพียง 10% จากปี 2551 จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อต้นปีนี้ว่าจะติดลบถึง 30%
ทั้งนี้ ผลพวงดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มทยอยรับแรงงานกลับมาทำงานเพิ่มขึ้นจากที่ผ่านมาที่ต้องปลดแรงงานออกจำนวนมากเพื่อรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสไดรท์(HDD)นั้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ตั้งโรงงานแถบจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีความต้องการแรงงานอย่างมากมีการเปิดรับสมัครพนักงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในแต่ละเดือน รวมถึงบางรายให้อัตราค่าตอบแทนที่สูงกว่าเดิมอีกด้วย
นายจารึก เฮงรัศมี ผู้อำนวยการสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า ตลาดที่เป็นคู่ค้าของประเทศไทยได้แก่ ประเทศจีน ญี่ปุ่น ยุโรป และอาเซียน ซึ่งมีการส่งออกและนำเข้าสินค้ากับไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้คาดว่าอุตสาหกรรมดังกล่าวจะมีมูลค่าการส่งออกปรับตัวลดลง 10% หรือประมาณ 42 พันล้านเหรียญสหรัฐจากปี 2551
โดยแบ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ติดลบในสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า 19% และส่วนประกอบและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ติดลบประมาณ 4% ซึ่งในปีที่ผ่านมามีอัตราการขยายตัวของมูลค่าส่งออกรวมทั้ง 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักขยายตัวอยู่ที่ 2.34 %
สำหรับทิศทางการทำตลาดผลิตภัณฑ์ในอนาคต จะเป็นการผลิตสินค้าตามเทรนด์ของตลาดโลก ที่มุ่งเน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองกระแสของการดูแลสิ่งแวดล้อม หรือที่เรียกว่า Green Product ซึ่งปัจจุบันมีเอกชนได้ผลิตสินค้าดังกล่าวแล้วในประเภทคอมเพสเซอร์และเครื่องปรับอากาศ โดยแนวโน้มดังกล่าวจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวให้ทันกับเทรนด์ของตลาดโลก
นายไพโรจน์ สัญญะเดชากุล อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ในฐานะประธานบอร์ดสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เปิดเผยว่า จากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวส่งผลให้คำสั่งซื้อสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เริ่มทยอยกลับเข้ามาอีกครั้งซึ่งจากการประเมินภาคเอกชนส่วนใหญ่เห็นว่าปลายปีนี้การส่งออกอุตสาหกรรมดังกล่าวจะขยายตัวติดลบเพียง 10% จากปี 2551 จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อต้นปีนี้ว่าจะติดลบถึง 30%
ทั้งนี้ ผลพวงดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มทยอยรับแรงงานกลับมาทำงานเพิ่มขึ้นจากที่ผ่านมาที่ต้องปลดแรงงานออกจำนวนมากเพื่อรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสไดรท์(HDD)นั้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ตั้งโรงงานแถบจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีความต้องการแรงงานอย่างมากมีการเปิดรับสมัครพนักงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในแต่ละเดือน รวมถึงบางรายให้อัตราค่าตอบแทนที่สูงกว่าเดิมอีกด้วย
นายจารึก เฮงรัศมี ผู้อำนวยการสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า ตลาดที่เป็นคู่ค้าของประเทศไทยได้แก่ ประเทศจีน ญี่ปุ่น ยุโรป และอาเซียน ซึ่งมีการส่งออกและนำเข้าสินค้ากับไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้คาดว่าอุตสาหกรรมดังกล่าวจะมีมูลค่าการส่งออกปรับตัวลดลง 10% หรือประมาณ 42 พันล้านเหรียญสหรัฐจากปี 2551
โดยแบ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ติดลบในสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า 19% และส่วนประกอบและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ติดลบประมาณ 4% ซึ่งในปีที่ผ่านมามีอัตราการขยายตัวของมูลค่าส่งออกรวมทั้ง 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักขยายตัวอยู่ที่ 2.34 %
สำหรับทิศทางการทำตลาดผลิตภัณฑ์ในอนาคต จะเป็นการผลิตสินค้าตามเทรนด์ของตลาดโลก ที่มุ่งเน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองกระแสของการดูแลสิ่งแวดล้อม หรือที่เรียกว่า Green Product ซึ่งปัจจุบันมีเอกชนได้ผลิตสินค้าดังกล่าวแล้วในประเภทคอมเพสเซอร์และเครื่องปรับอากาศ โดยแนวโน้มดังกล่าวจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวให้ทันกับเทรนด์ของตลาดโลก
