xs
xsm
sm
md
lg

ออมสินขึ้นดบ.ชนบอนด์ธปท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ออมสินประกาศขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 – 6 -12 เดือน อีก 0.15 - 0.35% มีผลวันนี้ รักษาฐานลูกค้าหวั่นถอนเงินไปซื้อพันธบัตร ยันเงินไม่ทะลักเข้าแน่นอน พร้อมเปิดตัวเงินฝากประกันชีวิต 2 รูปแบบใหม่ดึงเงินฝากอีก 2 หมื่นล้านบาทภายในสิ้นปี เน้นฝากครั้งเดียว รับปันผลทุกปีโดยไม่มีภาษี และนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้สุดคุ้มค่า

นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำอีกเฉลี่ย 0.15-0.35% ต่อปี โดยเป็นการปรับขึ้นในส่วนของเงินฝากประเภทประจำ 3 เดือน 6 เดือน และ 12 เดือน สำหรับผู้ฝากทั่วไปและนิติบุคคล โดยเงินฝากประจำ 3 เดือน ปรับขึ้นจาก 1.00% เป็น 1.15 % เงินฝากประจำ 6 เดือน ปรับขึ้นจาก 1.00% เป็น 1.25% และเงินฝากประจำ 12 เดือน ปรับขึ้นจาก 1.10% เป็น 1.45% มีผลตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.52

“การปรับอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ธนาคารยังคงคำนึงถึงนโยบายเข้าถึงแหล่งทุนที่มีต้นทุนดอกเบี้ยไม่สูง โดยเฉพาะประชาชนในระดับฐานราก ด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั้ง เอ็มแอลอาร์และเอ็มโออาร์ไว้ในอัตราเดิม” นายเลอศักดิ์ กล่าวและว่าการปรับดอกเบี้ยครั้งนี้แม้จะมีอัตราสูงกว่าตลาด 25 สตางค์ก็ไม่น่าจะส่งผลให้มีเงินฝากทะลักเข้ามามาก เพราะส่วนหนึ่งเป็นการปรับเพื่อรักษาฐานลูกค้าเงินฝากของธนาคารที่มี 7.7 แสนราย เนื่องจากเกรงว่าจะมีการถอนเงินฝากไปลงทุนซื้อพันธบัตรของธปท.ที่กำลังจะออกมาเร็วๆนี้

นายเลอศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์เงินฝากสงเคราะห์ชีวิตและครอบครัว เพิ่มเติมอีก 2 รูปแบบ ได้แก่ ประกันชีวิตออมสิน 10/1 และ ประกันชีวิตออมสิน 5/1 เน้นฝากเงินเพียงครั้งเดียวที่ธนาคารฯ นำไปบริหารผลตอบแทนได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น พร้อมให้ความคุ้มครองชีวิตผู้ฝากระยะยาวควบคู่คุ้มครองอุบัติเหตุ โดยจะเปิดตัวแนะนำครั้งแรกภายในงาน “สัปดาห์ประกันภัย” ระหว่างวันที่ 2-6 กันยายน 2552 นี้ ณ อิมแพค เมืองทองธานี และพร้อมเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2552 เป็นต้นไป ที่สาขาของธนาคารออมสินทุกแห่งทั่วประเทศ

“ก้าวเข้าสู้ปีที่ 67 แล้ว ที่เงินฝากสงเคราะห์ชีวิตและครอบครัว ได้มีโอกาสบริหารเงินออมสร้างผลตอบแทนไปพร้อมๆ กับการให้ความคุ้มครองและดูแลชีวิตผู้ฝาก จากรูปแบบเงินฝากประเภทนี้มากกว่า 10 รูปแบบ ด้วยความมั่นคงของเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารออมสินที่มีมากกว่า 15% และเงินสำรองสำหรับเงินฝากสงเคราะห์ชีวิตที่มีอยู่กว่า 46,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบการธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนด เป็นสิ่งสะท้อนถึงความเป็นสถาบันการเงินที่มีความมั่นคงทางการเงินสูง จากการที่ลูกค้าและประชาชนมอบความไว้วางใจให้ดูแลและคุ้มครองชีวิต” นายเลอศักดิ์ กล่าว

ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวต่อไปว่า รูปแบบ ประกันชีวิตออมสิน 10/1 เป็นการฝากเพียงครั้งเดียวในปีแรก วงเงินสงเคราะห์ (ทุนประกัน) ตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป ได้รับเงินปันผลทุกปีเฉลี่ยร้อยละ 2.84 ต่อปี โดยไม่ถูกหักภาษีดอกเบี้ยหัก ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 15 ซึ่งธนาคารฯ จะนำเข้าบัญชีเงินฝากเผื่อเรียกทุกปีตั้งแต่ปีที่ 2 ถึงปีที่ 10 หากไม่ไถ่ถอนจะได้รับดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราประเภทเผื่อเรียก (ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 0.50 ต่อปี) ซึ่งธนาคารฯ ยกเว้นค่าธรรมเนียมการนำเงินปันผลเข้าบัญชีเงินฝาก ขณะเดียวกันผู้ฝากสามารถนำยอดเงินฝาก (เบี้ยประกัน) นำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ในวงเงินสูงสุด 100,000 บาท และสามารถซื้อความคุ้มครองอุบัติเหตุเพิ่มเติมกับธนาคารออมสินได้อีกในอัตราปีละ 200 บาท ต่อความคุ้มครอง 100,000 บาท โดยเปิดรับฝากทุกเพศทุกวัยจนถึงอายุ 65 ปี

ขณะที่รูปแบบ ประกันชีวิตออมสิน 5/1 ฝากเพียงครั้งเดียวในปีแรกเช่นกัน ทุนประกันตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป ได้รับเงินปันผลทุกปีเฉลี่ยร้อยละ 2.74 ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการใช้สิทธิ์กรณีทุพพลภาพโดยสิ้นเชิง หรือสูญเสียอวัยวะ หรือ การเสียชีวิตก่อนครบกำหนดสัญญา โดยผลตอบแทนจะนำเข้าบัญชีเงินฝากเผื่อเรียกทุกปีตั้งแต่ปีที่ 2 ถึงปีที่ 5 หากไม่ไถ่ถอนเงินจะได้รับดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราประเภทเผื่อเรียก และผู้ฝากสามารถซื้อความคุ้มครองอุบัติเหตุเพิ่มได้อีกในอัตราปีละ 200 บาท ต่อความคุ้มครอง 100,000 บาท

“ธนาคารออมสินมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ฝาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุ จากรูปแบบที่ดีไซน์เพื่อผู้ฝากเงินที่ต้องการผลตอบแทนคุ้มค่าสอดคล้องกับเวลาการฝากเงินในระยะสั้น ขณะเดียวกันยังได้รับความคุ้มครองชีวิตและเลือกรับความคุ้มครองอุบัติเหตุเพิ่มเติมได้ตามความต้องการ โดยธนาคารฯ ตั้งเป้าหมายเงินฝากจาก 2 รูปแบบนี้ไว้ประมาณ 20,000 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2552” นายเลอศักดิ์ กล่าว

BBLยันคงดบ.ถึงสิ้นปีนี้
นายชาตรี โสภณพนิช ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL)กล่าวว่า ในปีนี้สถาบันการเงินจะยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาด เนื่องจากสภาพคล่องในระบบยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ธนาคารพาณิชย์จะยังคงปล่อยสินเชื่อได้ตามปกติ ก็ไม่มากนัก และแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะยังสามารถปล่อยสินเชื่อได้ใกล้เคียงกับในช่วงครึ่งปีแรก นอกจากนี้ ปัจจุบันยังคงไม่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่เกิดขึ้น แม้โครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลจะมีเม็ดเงินเข้ามาบ้างแล้ว แต่ยังต้องใช้เวลา 1-2 ปีถึงจะเริ่มดำเนินการได้ ทำให้แนวโน้มสิ้นเชื่อคงยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

ส่วนเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ของปีนี้ มีความเป็นไปได้มีจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ได้ เพราะภาคเอกชนเริ่มมีการลงทุนและการใช้เงินมากขึ้น แต่ทั้งปีเชื่อว่าจะยังคงติดลบ ส่วนปีหน้าน่าจะกลับมาขยายตัวได้ 2-3%
กำลังโหลดความคิดเห็น