นายเกียรติ สิทธิอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย (ทีทีอาร์) เปิดเผยว่าได้หารือร่วมกับอุปทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย และเอกอัครราชทูตเบลเยี่ยมประจำประเทศไทย เพื่อตอกย้ำความชัดเจนเกี่ยวกับการดูแลคนงานไทยที่เดินทางไปทำงานในสหภาพยุโรปให้ได้รับความเป็นธรรมในทุกด้าน ทั้งด้านสัญญา ค่าจ้าง สวัสดิการ และสิทธิมนุษยนชน และด้านอื่นๆ ที่ควรได้รับตามหลักสากล รวมถึงพันธะสัญญาอย่างเป็นทางการระหว่างรัฐบาลไทย และรัฐบาลของสหภาพยุโรปในแต่ละประเทศ เพื่อให้คนงานไทยมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด
ทั้งนี้ แรงงานไทยเป็นที่ต้องการของต่างชาติมาก เพราะเป็นแรงงานที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะด้านการบริการผู้สูงอายุ และเด็ก ขณะที่ยุโรปยังขาดแคลนแรงงานอีกมาก โดยเฉพาะในด้านการเกษตร เช่น การจัดเก็บผลไม้ เช่น บลูเบอร์รี่ แอปเปิ้ล เป็นต้น
นายเกียรติ กล่าวด้วยว่า ระหว่างวันที่ 3-7 ต.ค.นี้ ตนจะนำคณะนักธุรกิจกว่า 10 ราย เดินทางไปเยือนเบลเยี่ยม เพื่อเจรจาการค้าการลงทุน พร้อมทั้งจับคู่ธุรกิจ ทั้งธุรกิจด้านการค้า พลาสติก ปิโตรเคมี อาหาร เหล็กไร้สนิม เป็นต้น
ขณะเดียวกันเบลเยี่ยมเองต้องการเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะทางด้านโลจิสติกส์ ท่าเรือ รถไฟ เป็นต้น จากปัจจุบันที่ลงทุนทางด้านโรงไฟฟ้าอยู่แล้ว เพราะเห็นศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย
อย่างไรก็ตาม ในต้นปีหน้านายกรัฐมนตรี มีกำหนดการที่จะเดินทางไปเยือนยุโรป อยู่แล้ว ดังนั้นการจัดทริปเดินทางครั้งนี้ จะเป็นการปูทางไปในตัวด้วย ซึ่งขณะนี้ไทยและยุโรป ต่างเจรจาเพื่อหาถ้อยคำที่ตรงกันในการจัดทำข้อตกลงร่วมกันในการเป็นหุ้นส่วนธุรกิจระหว่างกัน ก่อนก้าวไปสู่การเปิดการค้าเสรี คาดว่าภายในเร็วๆนี้ จะสามารถเจรจาหาข้อยุติและลงนามกันอย่างเป็นทางการต่อไป
ทั้งนี้ แรงงานไทยเป็นที่ต้องการของต่างชาติมาก เพราะเป็นแรงงานที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะด้านการบริการผู้สูงอายุ และเด็ก ขณะที่ยุโรปยังขาดแคลนแรงงานอีกมาก โดยเฉพาะในด้านการเกษตร เช่น การจัดเก็บผลไม้ เช่น บลูเบอร์รี่ แอปเปิ้ล เป็นต้น
นายเกียรติ กล่าวด้วยว่า ระหว่างวันที่ 3-7 ต.ค.นี้ ตนจะนำคณะนักธุรกิจกว่า 10 ราย เดินทางไปเยือนเบลเยี่ยม เพื่อเจรจาการค้าการลงทุน พร้อมทั้งจับคู่ธุรกิจ ทั้งธุรกิจด้านการค้า พลาสติก ปิโตรเคมี อาหาร เหล็กไร้สนิม เป็นต้น
ขณะเดียวกันเบลเยี่ยมเองต้องการเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะทางด้านโลจิสติกส์ ท่าเรือ รถไฟ เป็นต้น จากปัจจุบันที่ลงทุนทางด้านโรงไฟฟ้าอยู่แล้ว เพราะเห็นศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย
อย่างไรก็ตาม ในต้นปีหน้านายกรัฐมนตรี มีกำหนดการที่จะเดินทางไปเยือนยุโรป อยู่แล้ว ดังนั้นการจัดทริปเดินทางครั้งนี้ จะเป็นการปูทางไปในตัวด้วย ซึ่งขณะนี้ไทยและยุโรป ต่างเจรจาเพื่อหาถ้อยคำที่ตรงกันในการจัดทำข้อตกลงร่วมกันในการเป็นหุ้นส่วนธุรกิจระหว่างกัน ก่อนก้าวไปสู่การเปิดการค้าเสรี คาดว่าภายในเร็วๆนี้ จะสามารถเจรจาหาข้อยุติและลงนามกันอย่างเป็นทางการต่อไป