xs
xsm
sm
md
lg

ญี่ปุ่นกำลังก้าวย่างเข้าสู่ยุคใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผลการหยั่งเสียงของสำนักต่างๆ บ่งชี้ว่า พรรคเดโมเครติก ปาร์ตี้ ออฟ แจแปน (ดีพีเจ) ที่เป็นฝ่ายค้าน กำลังจะได้ชัยชนะครั้งมโหฬารในการเลือกตั้งสมาชิกสภาล่างวันอาทิตย์(30)นี้ ยูกิโอะ ฮาโตยามะ กำลังจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป แทนที่ ทาโร อาโซะ เรื่องนี้เป็นเครื่องหมายแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจถึงระดับขั้นรากฐานในประเทศนี้ทีเดียว

ตัวเลข 320 คือกุญแจสำคัญของการเลือกตั้งคราวนี้ ถ้าหากพรรคดีพีเจถึงขั้นได้คะแนนเสียงข้างมากเกินกว่าสองในสาม หรือ 320 ที่นั่ง จากจำนวนสมาชิกสภาล่างทั้งหมด 480 ที่นั่ง ก็จะทำให้ดีพีเจสามารถผลักดันออกกฎหมายใดๆ ก็ตามแม้ถูกปฏิเสธจากสภาสูง ซึ่งพรรคดีพีเจโดยลำพังพรรคเดียวยังมีที่นั่งอยู่ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ในวันอาทิตย์นี้ ผู้สมัครจำนวนทั้งสิ้น 1,374 คนจะแข่งขันกันชิงที่นั่งในสภาล่างทั้ง 480 ที่นั่ง โดยที่ 300 ที่นั่งเป็นการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตๆ ละ 1 ที่นั่ง และที่เหลืออีก 180 ที่นั่งเป็นการจัดสรรให้พรรคต่างๆ ตามระบบสัดส่วนของคะแนนเสียงที่ได้รับ

ฮาโตยามะที่ปัจจุบันอยู่ในวัย 62 ปีและมีความสูงถึง 177 เซนติเมตร มีภาพลักษณ์ที่ทำให้สาธารณชนชาวญี่ปุ่นรู้สึกถึงความเป็นคนชั้นสูงอยู่ในตระกูลผู้ดี และเขาก็เป็นหน่อเนื้อเชื้อไขของตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดและทรงอิทธิพลทางการเมืองที่สุดตระกูลหนึ่งของประเทศจริงๆ โดยที่สื่อท้องถิ่นถึงขั้นให้สมญาว่า เป็น “ตระกูลเคนเนดีของญี่ปุ่น”

ฮาโตยามะเป็นคนรุ่นที่ 4 ของตระกูลที่เข้าสู่วงการเมือง ปู่ทวดของเขาที่ชื่อ คาซุโอะ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งไดเอต(รัฐสภา)ของญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 1896 – 1897 ในยุคเมจิ ต่อมาเขายังเป็นรองรัฐมนตรีการต่างประเทศ และอธิการบดีของมหาวิทยาลัยวาเซดะ หนึ่งในมหาวิทยาลัยระดับท็อปของญี่ปุ่น

ปู่ของยูกิโอะ ชื่อ อิชิโร เคยเป็นนายกรัฐมนตรี 3 ครั้งในระหว่างปี 1954 ถึง 1956 และเป็นผู้ก่อตั้งคนหนึ่งตลอดจนเป็นหัวหน้าคนแรกของพรรคแอลดีพี ในปี 1951 เขาเป็นผู้ผลักดันให้ฟื้นฟูสายสัมพันธ์กับสหภาพโซเวียต และทำให้ญี่ปุ่นได้เข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ อันเป็นความมุ่งมาตรปรารถนาสำคัญที่สุดของเขาก่อนเกษียณอำลาวงการเมือง

บิดาของเขา ซึ่งชื่อ อิชิโร เหมือนปู่ เป็นอดีตรองรัฐมนตรีคลัง และอดีตรัฐมนตรีการต่างประเทศ ขณะที่ คูนิโอะ น้องชายของยูกิโอะ เวลานี้เป็นสมาชิกสภาล่างสังกัดพรรคแอลดีพี และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกิจการภายในและการสื่อสารในคณะรัฐบาล ทาโร อาโซะ ชุดปัจจุบัน จนกระทั่งลาออกมาเมื่อเดือนมิถุนายน 2009

ยิ่งกว่านั้น โชจิโร อิชิบาชิ ตาของฮาโตยามะ คือผู้ก่อตั้งบริษัทบริดจ์สโตน คอร์ป ผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก ชื่อบริดจ์สโตน ก็เป็นนามที่มาจากชื่ออิชิบาชิ กล่าวคือ ในภาษาญี่ปุ่นนั้น “อิชิ” แปลว่า “สโตน”(หิน) และ บาชิ(/ฮาชิ) แปลว่า “บริดจ์”(สะพาน)

มารดาของฮาโตยามะ ชื่อ ยาสุโกะ ซึ่งเวลานี้อายุ 86 ปีแล้ว ถูกเรียกขานว่าเป็น “เจ้าแม่” ในแวดวงการเมืองญี่ปุ่น เนื่องจากเธอทุ่มเทเงินทองจำนวนมากจากมรดกมหาศาลที่ได้รับจากคุณพ่อ โชจิโร อิชิบาชิ ของเธอ เพื่อช่วยให้บุตรชายทั้งสองของเธอเดินหน้ามุ่งสู่ความมุ่งมาตรปรารถนาทางการเมืองของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อทั้งคู่ออกจากพรรคแอลดีพี แล้วต่อมาก็ก่อตั้งดีพีเจขึ้นในปี 1996 ซึ่งคุณแม่ยาสุโกะบริจาคเงินสนับสนุนเป็นจำนวนหลายพันล้านเยนทีเดียว อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นคูนิโอะผู้น้องชายได้หวนกลับเข้าพรรคแอลดีพี เนื่องจากเขารู้สึกว่าดีพีเจซึ่งตอนก่อตั้งเป็นพวกสายกลางนั้นกำลังเอนเอียงไปทางซ้ายมากเกินไป ขณะที่ยูกิโอะยังคงปักหลักเป็นบุคคลสำคัญในพรรคดีพีเจ

ปัจจุบันตัวยูกิโอ ฮาโตยามะ มีทรัพย์สินส่วนตัวเป็นมูลค่าประมาณ 8,600 ล้านเยน (3,139 ล้านบาท) ทั้งนี้ตามรายงานของนิตยสารวรรณกรรมรายเดือน บุงไก ชุนจู ซึ่งตีพิมพ์ไว้ในฉบับ 10 สิงหาคม และตามรายงานการแจ้งบัญชีทรัพย์สินที่สมาชิกรัฐสภาต้องเปิดเผยตามกฎหมายนั้น ในเดือนตุลาคม 2008 เขามีหุ้นบริดจ์สโตนอยู่ 3.5 ล้านหุ้น อันมีมูลค่าราวๆ 6,000 ล้านเยน (2,190 ล้านบาท)

ฮาโตยามะ สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโตเกียวในปี 1969 และได้รับปริญญาเอกสาขาวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในสหรัฐฯเมื่อปี 1976 เขาได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาล่างในปี 1986 ในสังกัดพรรคแอลดีพี ภายหลังไปเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่ภาควิชาบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยเซนชูอยู่ระยะหนึ่ง เขาออกจากแอลดีพีหลังจากการเลือกตั้งทั่วไปปี 1993 ซึ่งพรรคสูญเสียเสียงข้างมากในสภาล่างเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 1955

เขาได้เป็นรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในคณะรัฐบาลนายกรัฐมนตรี โมริฮิโร โฮโซคาวะ (1993-94) หลังจากพรรคฝ่ายค้านรวบรวมกำลังกันโค่นแอลดีพีจนตกจากอำนาจ ภายหลังปกครองประเทศต่อเนื่องกันมาร่วม 40 ปี

ฮาโตยามะได้ร่วมเป็นผู้ก่อตั้งพรรคแอลดีพีและได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคในปี 1999 ทว่าลาออกในปลายปี 2002 ท่ามกลางความสับสนเกี่ยวกับการควบรวมกับพรรคลิเบอรัล ปาร์ตี้ ที่นำโดย อิชิโร โอซาวะ

แล้วการควบรวมก็เกิดขึ้นจริงๆ ในปี 2003 ฮาโตยามะหลุดหายไม่ได้รับหน้าที่อะไรไปพักหนึ่ง แต่แล้วก็กลับขึ้นมาใหม่และได้เป็นเลขาธิการพรรคดีพีเจ จวบจนกระทั่งได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคอีกคำรบหนึ่ง เพียงไม่กี่เดือนก่อนที่จะถึงการเลือกตั้งครั้งสำคัญคราวนี้

(เก็บความและตัดตอนจากเรื่อง Japan on the brink of a new era โดย Kosuke Takahashi นักหนังสือพิมพ์ซึ่งพำนักอยู่ในกรุงโตเกียว)
กำลังโหลดความคิดเห็น