วานนี้ (27 ส.ค.) นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านภาวะโลกร้อน พร้อมด้วยชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยองจำนวน 43 คน ได้เข้ายื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง ขอให้พิจารณาไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวเป็นการฉุกเฉินเพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา โดยมีคำสั่งให้ โครงการ หรือกิจกรรม หรือกิจการใดๆ ที่จะก่อสร้างในอำเภอมาบตาพุด จ.ระยอง ระงับการดำเนินการไว้ก่อนชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาต่อไป
ทั้งนี้คำขอดังกล่าวสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ทางสมาคมต่อต้านภาวะโลกร้อน ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลางขอให้มีคำสั่งเพิกถอนรายงานการประเมินหรือวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการหรือกิจกรรมที่อยู่ในพื้นที่จ.ระยอง และขอให้ระงับการดำเนินกิจกรรมใดๆ ในปัจจุบัน เพื่อกลับไปศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมกับขอให้กำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ตามระบบปกติ โดยไม่ได้ขอให้มีการไต่สวนฉุกเฉิน
แต่ระหว่างนั้นพบว่าคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้ชะลอหรือระงับ แต่กลับได้เร่งรีบ ออกใบอนุญาตให้แก่โครงการ หรือกิจกรรม ต่างๆ หรือกิจการที่อาจรุนแรงและเป็นแหล่งที่จะก่อให้เกิดมลพิษในอ.มาบตาพุด อ.บ้านฉาง และใกล้เคียงจ.ระยอง โดยมิได้ดำเนินการศึกษาตรวจสอบว่าโครงการ กิจกรรม หรือกิจการเหล่านั้น จะสร้างปัญหาทางด้านมลพิษ สิ่งแวดล้อม ให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด
โดยอ้างว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 67 ยังไม่มีระเบียบหรือกฎหมายลูกออกมาบังคับใช้ ประกอบกับ ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา เห็นชอบตามข้อเสนอของ คณะกรรมการร่วมภาครัฐ และเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ที่ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณาออกใบอนุญาต ดำเนินการตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันโดยให้นำความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาประกอบการพิจารณา ซึ่งเห็นว่า รายงานบางส่วนของมติครม.เป็นความเห็นที่ขัดแย้งกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2552 ลงวันที่ 18 มี.ค.52 ที่กำหนดว่าบทบัญญัติตาม มาตรา 67 ต้องดำเนินการทันทีหลังการประกาศใช้ จึงขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาโดยด่วน
ด้านนายสุทธิ อัชฌาศัย หนึ่งในผู้ร่วมฟ้องคดีฯ กล่าวว่า หากการดำเนินการ ทางกฎหมายที่ได้ฟ้องตามช่องทางและตามกระบวนการยุติธรรม ไม่เป็นผลในวันที่ 9 ก.ย.เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ก็ทำการชุมนุมใหญ่ที่นิคมอุตสาหรรม มาบตาพุด ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้ชาวบ้าน จ.ระยอง ไม่ได้ต้องการขัดขวางการลงทุน แต่ต้องให้การลงทุนเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งแนวทางการเคลื่อนไหวที่คิดไว้ อาจจะต้องมีการดำเนินการปิดล้อมท่าเรือ และนิคมอุสาหกรรม รวมถึงโรงงานที่จะเปิดใหม่ เพื่อส่งสัญญาณให้ทุกฝ่ายได้ทราบว่า ปัญหามลพิษในจังหวัดยังไม่ได้รับการแก้ไขเยียวยา และอาจจะเป็นปัญหาระยะยาว
อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา นายสุทธิ เปิดเผยว่า ศาลปกครอง มีคำสั่งยกคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉิน เนื่องจากเห็นว่าฝ่ายชาวบ้านยังส่งข้อมูลรายละเอียด 76 โครงการที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมไม่ครบถ้วน ขณะเดียวกันศาลก็ยังต้องการให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมชี้แจงรายละเอียดโครงการด้วย กรณีจึงยังไม่ฉุกเฉิน โดยศาลยังให้ดำเนินการไต่สวนชั่วคราวต่อไป
ทั้งนี้คำขอดังกล่าวสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ทางสมาคมต่อต้านภาวะโลกร้อน ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลางขอให้มีคำสั่งเพิกถอนรายงานการประเมินหรือวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการหรือกิจกรรมที่อยู่ในพื้นที่จ.ระยอง และขอให้ระงับการดำเนินกิจกรรมใดๆ ในปัจจุบัน เพื่อกลับไปศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมกับขอให้กำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ตามระบบปกติ โดยไม่ได้ขอให้มีการไต่สวนฉุกเฉิน
แต่ระหว่างนั้นพบว่าคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้ชะลอหรือระงับ แต่กลับได้เร่งรีบ ออกใบอนุญาตให้แก่โครงการ หรือกิจกรรม ต่างๆ หรือกิจการที่อาจรุนแรงและเป็นแหล่งที่จะก่อให้เกิดมลพิษในอ.มาบตาพุด อ.บ้านฉาง และใกล้เคียงจ.ระยอง โดยมิได้ดำเนินการศึกษาตรวจสอบว่าโครงการ กิจกรรม หรือกิจการเหล่านั้น จะสร้างปัญหาทางด้านมลพิษ สิ่งแวดล้อม ให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด
โดยอ้างว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 67 ยังไม่มีระเบียบหรือกฎหมายลูกออกมาบังคับใช้ ประกอบกับ ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา เห็นชอบตามข้อเสนอของ คณะกรรมการร่วมภาครัฐ และเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ที่ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณาออกใบอนุญาต ดำเนินการตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันโดยให้นำความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาประกอบการพิจารณา ซึ่งเห็นว่า รายงานบางส่วนของมติครม.เป็นความเห็นที่ขัดแย้งกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2552 ลงวันที่ 18 มี.ค.52 ที่กำหนดว่าบทบัญญัติตาม มาตรา 67 ต้องดำเนินการทันทีหลังการประกาศใช้ จึงขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาโดยด่วน
ด้านนายสุทธิ อัชฌาศัย หนึ่งในผู้ร่วมฟ้องคดีฯ กล่าวว่า หากการดำเนินการ ทางกฎหมายที่ได้ฟ้องตามช่องทางและตามกระบวนการยุติธรรม ไม่เป็นผลในวันที่ 9 ก.ย.เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ก็ทำการชุมนุมใหญ่ที่นิคมอุตสาหรรม มาบตาพุด ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้ชาวบ้าน จ.ระยอง ไม่ได้ต้องการขัดขวางการลงทุน แต่ต้องให้การลงทุนเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งแนวทางการเคลื่อนไหวที่คิดไว้ อาจจะต้องมีการดำเนินการปิดล้อมท่าเรือ และนิคมอุสาหกรรม รวมถึงโรงงานที่จะเปิดใหม่ เพื่อส่งสัญญาณให้ทุกฝ่ายได้ทราบว่า ปัญหามลพิษในจังหวัดยังไม่ได้รับการแก้ไขเยียวยา และอาจจะเป็นปัญหาระยะยาว
อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา นายสุทธิ เปิดเผยว่า ศาลปกครอง มีคำสั่งยกคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉิน เนื่องจากเห็นว่าฝ่ายชาวบ้านยังส่งข้อมูลรายละเอียด 76 โครงการที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมไม่ครบถ้วน ขณะเดียวกันศาลก็ยังต้องการให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมชี้แจงรายละเอียดโครงการด้วย กรณีจึงยังไม่ฉุกเฉิน โดยศาลยังให้ดำเนินการไต่สวนชั่วคราวต่อไป
