xs
xsm
sm
md
lg

ถล่มรัฐบาลยกแผ่นดินให้เขมร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที่รัฐสภา วานนี้ (25 ส.ค.) คณะกรรมการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วม ของประชาชน วุฒิสภา ร่วมกับภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์ปราสาทเขาพระวิหาร จัดเสวนาเรื่อง แผ่นดินเขาพระวิหาร4.6ตารางกิโลเมตรบทพิสูจน์ศักดิ์ศรีและอธิปไตยของไทย โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เสนอให้รัฐสภาให้ลงมติเห็นชอบบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชาตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ในวันที่ 28 ส.ค.นี้
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา แกนนำ 40 ส.ว.กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงชั่วคราวที่ให้ทหารของไทยและกัมพูชาถอนกำลังออกมาจากวัดแก้วสิขาคีรีสะวารา เพราะหากดูอย่างผิวเผินจะเหมือนเป็นข้อเสนอที่ดี แต่ความจริงไม่ใช่ เนื่องจากทหารของกัมพูชายังมีการวางกำลังไว้ในบริเวณใกล้เคียงอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ไทยเสียเปรียบ นอกจากนี้ยังทราบมาว่าเบื้องต้นมีการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชาว่าจะขอพบกันคนละครึ่งทางในเรื่องพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรโดยแบ่งคนละครึ่งคือ 2.3 ตารางกิโลเมตร ในฐานะคนไทยตนไม่เห็นด้วยเด็ดขาดเพราะพื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนแต่เป็นพื้นที่ของประเทศไทย
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลไปยอมรับเรื่องความเป็นพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร จะทำให้ไทยเหลือความเป็นเจ้าของเพียง 50 % ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวเป็นของเราทั้งหมด ถ้าสถานการณ์พระวิหารขึ้นทะเบียนโดยสมบูรณ์และเรายอมให้คณะกรรมการประสานงานระหว่างประเทศ (International Coordinating Com mittee หรือ ICC) เข้ามาจัดการจะมีปัญหาตามมาอีกมากทั้งในเรื่องสิทธิมนุษยชนว่าชาวบ้าน ที่อยู่ในแถวนั้นต้องการหรือไม่
ผมไม่เห็นด้วยกับการเสนอของรัฐบาลตั้งแต่สมัยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนต.ค.และในวันที่ 28 ส.ค.นี้ผมจะคัดค้านแน่นอนและจะถามรัฐบาลในหลายประเด็นถึงสิ่งที่มีความไม่ชัดเจนหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่อง การแถลงการณ์ร่วมไทยกับกัมพูชาว่าสรุปแล้วมีการยกเลิกแล้วหรือไม่ นอกจากนี้สิ่งที่รัฐบาลเสนอเข้ามาให้รัฐสภาพิจารณาเป็นหนังสือสัญญาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 หรือไม่ เพราะจากเอกสารที่รัฐบาลส่งเข้ามามีเพียงแค่บันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทยกัมพูชาเท่านั้น และสิ่งที่น่ากังวลที่สุดอีกเรื่องในการประชุมรัฐสภาวันที่ 28 ส.ค.นี้ คือ เกรงว่ารัฐบาลจะอ้างถึงความมั่นคงเพื่อขอให้เป็นการ ประชุมรัฐสภาลับ ซึ่งเท่ากับว่าประชาชนที่อยู่ภายนอกจะไม่สามารถรับทราบได้เลยว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า หลังจากที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลกตัดสินข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา ปรากฎว่าไทย ได้ถอนทหารและยอมออกจากบริเวณปราสาทพระวิหารตามคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย และได้ย้ายเสาธงไทยออกจากปราสาทโดยไม่มีการลดธง ทั้งนี้เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้กัมพูชาส่งบุคคลากรเข้าไปในบริเวณปราสาท โดยไทย ไม่ได้สละอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ซึ่งปราสาทพระวิหารตั้งอยู่หรือยอมรับอธิปไตย ของกัมพูชาแต่อย่างใด บริเวณนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่เดียวที่เรียกว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน
นอกจากนี้ยังมีคนกัมพูชาและคนไทยบางคนพยายามสร้างความสับสนเกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลโลกเกินเลยไปกว่าที่ศาลวินิจฉัยเป็นอย่างมาก คือ ความจริงศาลไม่ได้ชี้ขาดเส้นเขตแดนตามที่กัมพูชาเสนอเข้ามาเพียงแต่วินิจฉัยว่ากัมพูชามีอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ที่ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ แต่ทั้งนี้ปรากฎว่า ในช่วงเดือนพ.ค.2551 ไทยได้เปลี่ยนแปลงจุดยืนอย่างชัดเจนและกระทันหัน โดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมายกระทรวงการต่างประเทศ และ กรมแผนที่ทหาร ได้พร้อมใจยอมรับนับถืออำนาจอธิปไตยของกัมพูชเหนือปราสาทพระวิหาร โดยไทย ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชา ซึ่งลงนามโดย นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศของไทย ในขณะนั้น กับรองนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ซึ่งเป็นเอกสารประกอบการเสนอขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกโดยกัมพูชาเพียงฝ่ายเดียว โดยไทยให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
ผมขอเสนอให้ ครม.ชุดนี้ออกมติ ครม.เพื่อยกเลิกมติ ครม. เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.และ 24 มิ.ย.ที่สนับสนุนให้ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก รวมทั้งเร่งผลักดันให้มีการยึดสันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งเขตแดนตามหลักสากล
ด้านนายอิศร ปกมนตรี เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ตอนนี้กระทรวงต่างประเทศไม่ได้อยู่บนหอคอยงาช้าง ไม่สนใจปัญหาที่เกิดขึ้น แต่รับฟังความเห็นประชาชนและรับทราบปัญหามาโดยตลอด ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศพร้อมปฎิบัติหน้าที่ตามมติของรัฐสภาและประชาชนอย่างเคร่งครัด
กำลังโหลดความคิดเห็น