ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผบช.ภาค 5 สั่ง ผบก.เชียงใหม่ล่าแก๊งแดงอันธพาล ปาระเบิดศูนย์เฮาฮักพระเจ้าอยู่หัว "ผบก.เชียงใหม่" มั่นใจจับได้แน่ คาดเป็นแก๊งเดิมที่นำกำลังล้อม สภ.ภูพิงฯ ระบุเถื่อน-เย้ยกฎหมาย อาศัยช่วงที่ตำรวจไปส่งเสด็จฯ
จากกรณีเมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา มีกลุ่มคนร้ายกว่า 10 คน บุกระดมขว้างปาของแข็งและระเบิดปิงปองใส่ "ศูนย์เฮาฮักพระเจ้าอยู่หัว" ซึ่งเป็นสถานที่พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ASTV ของกลุ่มเฮาฮักพระเจ้าอยู่หัว ที่เป็นเครือข่ายของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดเชียงใหม่ จนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าหัก 1 ราย
ต่อมาวานนี้ (24 ส.ค.) นายชัยสิทธิ์ โฆสิตาภัย ประธานกลุ่มเฮาฮักพระเจ้าอยู่หัว กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้สร้างความหวั่นไหว หรือเกรงกลัวให้กับทางกลุ่มแต่อย่างใด และจะยังคงทำกิจกรรมของกลุ่มที่มีจุดยืนปกป้องสถาบันอย่างต่อเนื่องต่อไป
สำหรับการติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุนั้นได้รับการประสานจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า จะเร่งดำเนินการให้ โดยกำลังรวบรวมหลักฐานและดูภาพจากกล้องวงจรปิดของเทศบาลนครเชียงใหม่ ที่ติดตั้งไว้ตามถนนสายต่างๆ เพื่อดูเส้นทางของรถยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ
ประธานกลุ่มเฮาฮักพระเจ้าอยู่หัว ยอมรับว่า แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับปากจะเร่งดำเนินการติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี แต่คงเป็นเรื่องยากที่จะจับกุมผู้ก่อเหตุได้ในท้ายที่สุด เพราะข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อได้ของทางกลุ่ม ระบุว่าผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้มีกลุ่มคนมีสีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้ จึงอยากจะเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้เข้ามาช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนด้วย หากไม่สามารถทำได้ก็ควรลาออกไป
นายชัยสิทธิ์ บอกด้วยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ได้พูดคุยกับเพื่อนที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ต่างหวั่นวิตกกันว่าภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่อย่างแน่นอน เพราะมีการนำเสนอข่าวออกไปทั่วโลก และทำให้นักท่องเที่ยวอาจจะไม่มีความมั่นใจที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวเชียงใหม่
ขณะที่ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบก.ภาค 5 ได้มีคำสั่งด่วนไปยัง พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ให้เร่งติดตามล่าตัวกลุ่มผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ พร้อมกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก ก่อนหน้านี้ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงมาก่อน แต่กลุ่มฝ่ายตรงข้ามใช้อาวุธและวัตถุระเบิด บุกเข้าไปทำลายศูนย์ดังกล่าวอย่างไม่มีเหตุผล ถือว่ากลุ่มดังกล่าวกระทำการเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนดมามาก
"ผมจะไม่ปล่อยไว้อย่างเด็ดขาด ได้กำชับให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับผู้ที่กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้" พล.ต.ท.สมคิดกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าวว่า ได้เร่งให้ทีมงานชุดสอบสวนและสืบสวนควานหาพยานหลักฐานและพยานในขณะเกิดเหตุ รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) ของตำรวจราจรตามแยกต่างๆ และบริเวณใกล้เคียง ถือว่าคืบหน้าไประดับหนึ่งและได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านรอบๆ ที่เกิดเหตุเป็นอย่างดี โดยชาวบ้านที่ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายทั้งคลิปและภาพขณะเกิดเหตุส่งมาให้ตำรวจ ซึ่งคาดว่าจะเป็นกลุ่มเก่าที่เคยนำกำลังบุกล้อม สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ก่อนหน้านี้ แม้จะมีการปิดบังอำพรางใบหน้า แต่ตำรวจก็มีหลักฐานพอที่จะออกหมายจับคนเหล่านั้นมาดำเนินคดีได้ หากมีการพิสูจน์ได้ว่าเป็นผู้ต้องหาที่เคยประกันตัวออกมา พนักงานสอบสวนก็สามารถสั่งถอนประกันได้
"การกระทำในครั้งนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่เถื่อน และเย้ยกฎหมายของบ้านเมืองเป็นอย่างมาก โดยอาศัยช่วงที่กำลังตำรวจไปส่งเสด็จฯ ลงมือก่อเหตุมีการวางแผนกันมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการใช้ระเบิด แบบทำเองที่ตำรวจยึดได้ในที่เกิดเหตุมีการใส่ตะปูเต็มไปหมดแสดงว่าคนกลุ่มนี้มีความประสงค์มุ่งร้ายเอาชีวิตด้วยไม่ใช่แค่มาข่มขู่เพียงอย่างเดียว หากปล่อยคนกลุ่มนี้ไว้อาจจะไปก่อเหตุซ้ำซากอีกและจะทำให้กลุ่มผู้ บริสุทธิ์เดือดร้อน" พล.ต.ต.สมหมายกล่าว.
จากกรณีเมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา มีกลุ่มคนร้ายกว่า 10 คน บุกระดมขว้างปาของแข็งและระเบิดปิงปองใส่ "ศูนย์เฮาฮักพระเจ้าอยู่หัว" ซึ่งเป็นสถานที่พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ASTV ของกลุ่มเฮาฮักพระเจ้าอยู่หัว ที่เป็นเครือข่ายของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดเชียงใหม่ จนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าหัก 1 ราย
ต่อมาวานนี้ (24 ส.ค.) นายชัยสิทธิ์ โฆสิตาภัย ประธานกลุ่มเฮาฮักพระเจ้าอยู่หัว กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้สร้างความหวั่นไหว หรือเกรงกลัวให้กับทางกลุ่มแต่อย่างใด และจะยังคงทำกิจกรรมของกลุ่มที่มีจุดยืนปกป้องสถาบันอย่างต่อเนื่องต่อไป
สำหรับการติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุนั้นได้รับการประสานจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า จะเร่งดำเนินการให้ โดยกำลังรวบรวมหลักฐานและดูภาพจากกล้องวงจรปิดของเทศบาลนครเชียงใหม่ ที่ติดตั้งไว้ตามถนนสายต่างๆ เพื่อดูเส้นทางของรถยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ
ประธานกลุ่มเฮาฮักพระเจ้าอยู่หัว ยอมรับว่า แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับปากจะเร่งดำเนินการติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี แต่คงเป็นเรื่องยากที่จะจับกุมผู้ก่อเหตุได้ในท้ายที่สุด เพราะข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อได้ของทางกลุ่ม ระบุว่าผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้มีกลุ่มคนมีสีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้ จึงอยากจะเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้เข้ามาช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนด้วย หากไม่สามารถทำได้ก็ควรลาออกไป
นายชัยสิทธิ์ บอกด้วยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ได้พูดคุยกับเพื่อนที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ต่างหวั่นวิตกกันว่าภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่อย่างแน่นอน เพราะมีการนำเสนอข่าวออกไปทั่วโลก และทำให้นักท่องเที่ยวอาจจะไม่มีความมั่นใจที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวเชียงใหม่
ขณะที่ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบก.ภาค 5 ได้มีคำสั่งด่วนไปยัง พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ให้เร่งติดตามล่าตัวกลุ่มผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ พร้อมกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก ก่อนหน้านี้ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงมาก่อน แต่กลุ่มฝ่ายตรงข้ามใช้อาวุธและวัตถุระเบิด บุกเข้าไปทำลายศูนย์ดังกล่าวอย่างไม่มีเหตุผล ถือว่ากลุ่มดังกล่าวกระทำการเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนดมามาก
"ผมจะไม่ปล่อยไว้อย่างเด็ดขาด ได้กำชับให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับผู้ที่กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้" พล.ต.ท.สมคิดกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าวว่า ได้เร่งให้ทีมงานชุดสอบสวนและสืบสวนควานหาพยานหลักฐานและพยานในขณะเกิดเหตุ รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) ของตำรวจราจรตามแยกต่างๆ และบริเวณใกล้เคียง ถือว่าคืบหน้าไประดับหนึ่งและได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านรอบๆ ที่เกิดเหตุเป็นอย่างดี โดยชาวบ้านที่ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายทั้งคลิปและภาพขณะเกิดเหตุส่งมาให้ตำรวจ ซึ่งคาดว่าจะเป็นกลุ่มเก่าที่เคยนำกำลังบุกล้อม สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ก่อนหน้านี้ แม้จะมีการปิดบังอำพรางใบหน้า แต่ตำรวจก็มีหลักฐานพอที่จะออกหมายจับคนเหล่านั้นมาดำเนินคดีได้ หากมีการพิสูจน์ได้ว่าเป็นผู้ต้องหาที่เคยประกันตัวออกมา พนักงานสอบสวนก็สามารถสั่งถอนประกันได้
"การกระทำในครั้งนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่เถื่อน และเย้ยกฎหมายของบ้านเมืองเป็นอย่างมาก โดยอาศัยช่วงที่กำลังตำรวจไปส่งเสด็จฯ ลงมือก่อเหตุมีการวางแผนกันมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการใช้ระเบิด แบบทำเองที่ตำรวจยึดได้ในที่เกิดเหตุมีการใส่ตะปูเต็มไปหมดแสดงว่าคนกลุ่มนี้มีความประสงค์มุ่งร้ายเอาชีวิตด้วยไม่ใช่แค่มาข่มขู่เพียงอย่างเดียว หากปล่อยคนกลุ่มนี้ไว้อาจจะไปก่อเหตุซ้ำซากอีกและจะทำให้กลุ่มผู้ บริสุทธิ์เดือดร้อน" พล.ต.ต.สมหมายกล่าว.
