ASTVผู้จัดการรายวัน - ขุนคลังนัดแบงก์เฉพาะกิจถกพุธที่ 26 ส.ค. ครึ่งปีหลังเพิ่มปล่อยกู้เสริมสภาพคล่องภาคธุรกิจจาก 9.2 แสนล้าน เป็น 1 ล้านล้าน รับปากดูแลค่าเงินให้มีเสถียรภาพผลักดันการส่งออก
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษในงาน Commerce Day Dinner Talk ที่โรงแรมแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ เนื่องในโอกาสวันครบรอบวันสถาปนากระทรวงพาณิชย์ ปีที่ 89 ว่า ได้นัดหมายธนาคารเฉพาะกิจของรัฐมาหารือในวันที่ 26 ส.ค. เพื่อขอความร่วมมือในการปล่อยเงินกู้เสริมสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจของไทย โดยตั้งเป้าหมายการปล่อยกู้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่กำหนดไว้วงเงิน 9.2 แสนล้านบาท เป็น 1 ล้านล้านบาท
“แนวโน้มเศรษฐกิจไทยกำลังดีขึ้น ภาคธุรกิจต้องการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องมากขึ้น ซึ่งจะคุยกับแบงก์เฉพาะกิจให้เข้ามาสนับสนุนด้านแหล่งเงินทุนให้กับธุรกิจของไทยให้มากขึ้น”
นายกรณ์กล่าวว่า ในด้านการส่งออก กระทรวงการคลังจะเข้าไปดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้ส่งออกสามารถวางแผนการทำธุรกิจได้ ขณะเดียวกัน ได้พิจารณาข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ที่เสนอให้มีการใช้มาตรการด้านภาษี โดยลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบให้กับผู้ส่งออก ซึ่งรับที่จะไปพิจารณาให้ และหากไม่ติดขัดข้อกฎหมายก็จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ มีความมั่นใจว่าการส่งออกของไทยในปีนี้ จะขยายตัวติดลบไม่น่าจะเกินลบ 18% ถึงลบ 20% หรืออาจจะติดลบน้อยลงกว่านี้ เพราะขณะนี้แนวโน้มการส่งออกเริ่มปรับตัวดีขึ้น มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และภาคเอกชนผู้ส่งออกก็มีความมั่นใจว่าการส่งออกจากนี้ไปน่าจะดีขึ้น โดยมีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอให้กระทรวงการคลังคืนภาษีมุมน้ำเงินเพื่อให้การสนับสนุนด้านสภาพคล่องให้กับผู้ส่งออก แต่กระทรวงการคลังไม่เห็นด้วย เนื่องจากขัดข้อกฎหมาย และผิดกฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (WTO) ต่อมากระทรวงพาณิชย์ได้ปรับแผนใหม่ เป็นเสนอให้มีการลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบที่นำมาผลิตสินค้าเพื่อส่งออกสำหรับทุกกลุ่มสินค้าแทน.
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษในงาน Commerce Day Dinner Talk ที่โรงแรมแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ เนื่องในโอกาสวันครบรอบวันสถาปนากระทรวงพาณิชย์ ปีที่ 89 ว่า ได้นัดหมายธนาคารเฉพาะกิจของรัฐมาหารือในวันที่ 26 ส.ค. เพื่อขอความร่วมมือในการปล่อยเงินกู้เสริมสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจของไทย โดยตั้งเป้าหมายการปล่อยกู้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่กำหนดไว้วงเงิน 9.2 แสนล้านบาท เป็น 1 ล้านล้านบาท
“แนวโน้มเศรษฐกิจไทยกำลังดีขึ้น ภาคธุรกิจต้องการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องมากขึ้น ซึ่งจะคุยกับแบงก์เฉพาะกิจให้เข้ามาสนับสนุนด้านแหล่งเงินทุนให้กับธุรกิจของไทยให้มากขึ้น”
นายกรณ์กล่าวว่า ในด้านการส่งออก กระทรวงการคลังจะเข้าไปดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้ส่งออกสามารถวางแผนการทำธุรกิจได้ ขณะเดียวกัน ได้พิจารณาข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ที่เสนอให้มีการใช้มาตรการด้านภาษี โดยลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบให้กับผู้ส่งออก ซึ่งรับที่จะไปพิจารณาให้ และหากไม่ติดขัดข้อกฎหมายก็จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ มีความมั่นใจว่าการส่งออกของไทยในปีนี้ จะขยายตัวติดลบไม่น่าจะเกินลบ 18% ถึงลบ 20% หรืออาจจะติดลบน้อยลงกว่านี้ เพราะขณะนี้แนวโน้มการส่งออกเริ่มปรับตัวดีขึ้น มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และภาคเอกชนผู้ส่งออกก็มีความมั่นใจว่าการส่งออกจากนี้ไปน่าจะดีขึ้น โดยมีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอให้กระทรวงการคลังคืนภาษีมุมน้ำเงินเพื่อให้การสนับสนุนด้านสภาพคล่องให้กับผู้ส่งออก แต่กระทรวงการคลังไม่เห็นด้วย เนื่องจากขัดข้อกฎหมาย และผิดกฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (WTO) ต่อมากระทรวงพาณิชย์ได้ปรับแผนใหม่ เป็นเสนอให้มีการลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบที่นำมาผลิตสินค้าเพื่อส่งออกสำหรับทุกกลุ่มสินค้าแทน.
