xs
xsm
sm
md
lg

นักเรียนนายร้อยรุ่นเทวดา ต้องอ่านพระบรมราโชวาท รัชกาลที่ 5

เผยแพร่:   โดย: อุษณีย์ เอกอุษณีษ์

ผู้เขียนจำได้ว่า สมัยศึกษาอยู่ในระดับชั้นปริญญาตรีนั้น ผู้เขียนได้รับคำแนะนำให้อ่านพระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานแก่พระเจ้าลูกยาเธอ ที่จะทรงศึกษาในประเทศอังกฤษ 4 พระองค์ คือ กรมหลวงจันทบุรีนฤนารถ (พระชันษา 11 ปี) กรมหลวงปราจิณกิติบดี (พระชันษาหย่อน 11 ปีเล็กน้อย) กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (พระชันษา 11 ปี) กรมหลวงนครชัยศรีสุรเดช(พระชันษา 9 ปี)

ด้วยเหตุที่พระบรมราโชวาทครั้งนั้น แม้พระองค์ท่านจะทรงมีพระราชประสงค์ใช้อบรมพระเจ้าลูกยาเธอ แต่แก่นแท้และสาระหลักของพระบรมราโชวาทกลับเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ต่อการยึดปฏิบัติตามแบบอย่างในหมู่พสกนิกรทั่วไป และให้ได้เห็นว่า แม้แต่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินในยุคที่ไทยปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ คือ พระมหากษัตริย์อยู่เหนือกฎหมาย แต่คำสอนของพ่อหลวงกลับให้ความสำคัญเรื่องการปฏิบัติตามกฎหมาย การปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ การต้องรับผิดรับโทษ โดยไม่ยึดถือยศถาบรรดาศักดิ์เหนือคนทั่วไป

พระบรมราโชวาท ครั้งนั้น มีขึ้นในช่วงที่พ่อหลวงของไทย รัชกาลที่ 5 พระองค์ท่านจะส่งพระเจ้าลูกยาเธอไปทรงศึกษาในยุโรปเป็นครั้งแรก แต่ด้วยพระองค์ท่านได้ทอดพระเนตรเห็นตัวอย่างบุตรข้าราชการที่ได้ไปเล่าเรียนในยุโรปกลับมาแต่ก่อน ไปมีเหตุและได้คติบางอย่างซึ่งไม่พอพระราชหฤทัย จึงมีพระราชประสงค์จะให้พระเจ้าลูกยาเธอทรงระมัดระวังเรื่องกิริยาและการวางตัว ดังทรงมีพระบรมราโชวาทพระราชทานแด่ พระเจ้าลูกยาเธอทั้ง 4 พระองค์ ดังที่จะได้อัญเชิญมา ณ ที่นี่

พระบรมราโชวาทที่พระราชทานให้ระมัดระวังเรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ ความว่า..

“การซึ่งจะออกไปเรียนครั้งนี้ มีความประสงค์มุ่งหมายแต่จะให้ได้วิชาความรู้อย่างเดียว ไม่มั่นหมายจะให้เป็นเกียรติยศชื่อเสียงอย่างหนึ่งอย่างใดในชั้นซึ่งยังเป็นผู้เรียนวิชาอยู่นี้เลย เพราะฉะนั้นที่จะไปครั้งนี้อย่าให้ไว้ยศว่าเป็นเจ้า ให้ถือเอาบรรดาศักดิ์เสมอลูกผู้มีตระกูลในกรุงสยาม คืออย่าให้ใช้ ฮิสรอแยลไฮเนสปรินส์ นำหน้าชื่อ ให้ใช้แต่ชื่อเดิมของตัวเฉยๆ เมื่อผู้อื่นเขาจะเติมหน้าชื่อฤาเติมท้ายชื่อตามธรรมเนียมอังกฤษ เป็นมิสเตอร์หรือเอศไวท์ก็ตามเถิด อย่าคัดค้านเขาเลย แต่ไม่ต้องใช้คำว่านายตามอย่างไทย ซึ่งเป็นคำนำของชื่อลูกขุนนางที่เคยใช้แทนมิสเตอร์เมื่อเรียกชื่อไทยในภาษาอังกฤษบ่อยๆ เพราะว่าเป็นภาษาไทยซึ่งจะทำให้เป็นที่ฟังขัดๆ หูไป

ขออธิบายความประสงค์ข้อนี้ให้ชัดว่า เหตุใดจึงได้ไม่ให้ไปเป็นยศเจ้าเหมือนอาของตัวที่เคยไปแต่ก่อน ความประสงค์ข้อนี้ใช่ว่าจะเกิดขึ้นเพราะไม่มีความเมตตากรุณา ฤาจะปิดบังซ่อนเร้นไม่ให้รู้ว่าเป็นลูกอย่างนั้นเลย พ่อคงรับว่าเป็นลูก และมีความเมตตากรุณาตามธรรมดาที่บิดาจะกรุณาต่อบุตร

แต่เห็นว่าซึ่งจะเป็นยศเจ้าไปนั้น ไม่เป็นประโยชน์อันใดแก่ตัวนัก ด้วยธรรมดาเจ้านายฝ่ายเขามีน้อย เจ้านายฝ่ายเรามีมาก ข้างฝ่ายเขามีน้อยตัวก็ยกย่องทำนุบำรุงกันใหญ่โตมากกว่าเรา ฝ่ายเราจะไปมียศเสมออยู่กับเขา แต่ความบริบูรณ์และยศศักดิ์ไม่เต็มที่เหมือนอย่างเขา ก็จะเป็นที่น้อยหน้าแลเห็นเป็นเจ้านายเมืองไทยเลวไป และถ้าเป็นเจ้านายแล้ว ต้องรักษายศศักดิ์ในกิจการทั้งปวงที่จะทำทุกอย่าง เป็นเครื่องล่อตาล่อหูคนทั้งปวงที่จะให้พอใจดูพอใจฟัง จะทำอันใดก็ต้องระวังตัวไปทุกอย่าง ที่สุดจนจะซื้อจ่ายอันใดก็แพงกว่าคนสามัญ เพราะเขาถือว่ามั่งมี เป็นการเปลืองทรัพย์ในที่ไม่ควรจะเปลือง

เพราะเหตุว่าถึงจะเป็นเจ้าก็ดี เป็นไพร่ก็ดี เมื่ออยู่ในประเทศมิใช่บ้านเมืองของตัว ก็ไม่มีอำนาจที่จะทำฤทธิ์เดชอันใดไปผิดกับคนสามัญได้ จะมีประโยชน์อยู่นิดหนึ่งแต่เพียงเข้าที่ประชุมสูงๆ ได้ เท่ากันกับเป็นเจ้านั้นเอง เพราะฉะนั้นจึ่งขอห้ามเสียว่า อย่าให้ไปอวดอ้างเองฤาอย่าให้คนใช้สอยอวดอ้างว่าเป็นเจ้านายอันใด จงประพฤติให้ถูกตามคำสั่งนี้”

(จากหนังสือ คนดีที่ข้าพเจ้ารู้จัก พระราชนิพนธ์ในสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ หน้า 8-17 ชมรมดำรงวิทยาจัดพิมพ์)

หากเราทุกคนยึดมั่นในคำสอนที่พ่อหลวงทรงกระทำให้ดูเป็นแบบอย่าง วันนี้สังคมบ้านเราคงไม่ต้องเจอกับปัญหา การร้องเรียนการแต่งตั้งนายตำรวจชั้นประทวนที่ไม่เป็นธรรมเพียงเพราะผู้ได้รับการพิจารณาข้ามหัวคนอื่น ดันเป็นผู้มีนามสกุลดังคับ "กรม"

และคงไม่ต้องรับรู้ข่าวอื้อฉาวของนักเรียนฝึกอบรม โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ที่ถูกขนามนามว่าเป็น "รุ่นเทวดา" ที่แม้แต่อาจารย์ท่านใดกล้าเผยอหน้ามา "ว๊าก" แม่จะเนรมิตให้กระเด็นออกจากรั้วโรงเรียนแถวสามพรานได้ทันที เพราะเรื่องแบบนี้ แม้แต่ผู้เป็นกษัตริย์ยังต้องพึงระวัง

อีกประการ ผู้เขียนใคร่ขอยกพระบรมราโชวาท ในส่วนต่อเนื่องกันขึ้นมาให้ได้ศึกษากันถ้วนทั่ว เป็นบทที่พระองค์ท่านกล่าวถึงเรื่องการประพฤติดี ประพฤติชอบ เพราะแม้จะเป็นถึง "ลูกเจ้าแผ่นดิน" พ่อหลวงท่านก็ตรัสว่า ไม่อาจพ้นมลทินความผิดไปได้ หากประพฤติชั่ว ดังนี้

“อย่าได้ถือตัวว่าเป็นลูกเจ้าแผ่นดิน พ่อมีอำนาจยิ่งใหญ่อยู่ในบ้านเมือง ถึงจะเกะกะไม่กลัวเกรงคุมเหงผู้ใด เขาก็คงจะมีความเกรงใจ พ่อไม่ต่อสู้ฤาไม่อาจฟ้องร้องว่ากล่าว การซึ่งเชื่อใจดังนั้นเป็นการผิดแท้ที่เดียว เพราะความปรารถนาของพ่อไม่อยากให้ลูกมีอำนาจที่จะเกะกะอย่างนั้นเลย เพราะรู้เป็นแน่ว่าเมื่อรักลูกเกินไป ปล่อยให้ไม่กลัวใครและประพฤติการชั่วดังนั้น คงจะเป็นโทษแก่ตัวลูกนั้นเองทั้งในปัจจุบันและอนาคต

เพราะฉะนั้นจงรู้ไว้เถิดว่า ถ้าเมื่อได้ทำความผิดเมื่อใดจะได้รับโทษโดยทันที การที่พ่อเป็นเจ้าแผ่นดินนั้น จะไม่เป็นการช่วยเหลืออุดหนุนแก้ไขอันใดได้เลย อีกประการหนึ่งชีวิตสังขารของมนุษย์ไม่ยั่งยืนยืดยาวเหมือนเหล็กเหมือนศิลา ถึงโดยว่าจะมีพ่ออยู่ในขณะหนึ่ง ก็คงจะมีเวลาที่ไม่มีได้ขณะหนึ่งเป็นแน่แท้ ถ้าประพฤติความชั่วเสียแต่ในเวลามีพ่ออยู่แล้ว โดยจะปิดบังซ่อนเร้นอยู่ได้ด้วยอย่างหนึ่งอย่างใด เวลาไม่มีพ่อความชั่วนั้นคงจะปรากฏเป็นโทษติดตัว เหมือนเงาตามหลังอยู่ไม่ขาด

เพราะฉะนั้นจงเป็นคนอ่อนน้อมว่าง่ายสอนง่าย อย่าให้เป็นทิฐิมานะไปในทางที่ผิด จงประพฤติตัวหันหาทางที่ชอบที่ถูกอยู่เสมอเป็นนิจเถิด จงละเว้นทางที่ชั่ว ซึ่งรู้ได้เองแก่ตัวฤามีผู้ตักเตือนแนะนำให้รู้แล้ว อย่าให้ล่วงให้เป็นไปได้เลย เป็นอันขาด”

(จากหนังสือ คนดีที่ข้าพเจ้ารู้จัก พระราชนิพนธ์ในสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ, อ้างแล้ว)

อ่านพระบรมราโชวาทของพ่อหลวง รัชกาลที่ 5 มาถึงตรงนี้ คนบางกลุ่มบางพวกก็น่าจะได้สำนึกเสียที ว่าลำพังมีพี่ชายกินยศกินตำแหน่งเป็นเสนาบดีนั้น จะถึงขั้นกลับผิดเป็นถูก กลับถูกเป็นผิด บิดเบือนหลักนิติรัฐนิติธรรมของบ้านเมืองเห็นจะไม่ถูกต้อง และยังเท่ากับเป็นการขโมยโอกาสของบ้านเมือง ไปออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้พรรคพวกตนเอง แทนที่จะหันมาบรรเทาทุกข์บำรุงสุขราษฎรอย่างที่ควรจะเป็นด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น