ASTVผู้จัดการรายวัน – แพรนด้ายอมรับปีนี้รายได้ลดลง 15% ควันหลงการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบธุรกิจอัญมณี คาดการณ์กำไรใกล้เคียงกับปีก่อน เน้นผลิตสินค้าเพิ่มมาร์จิ้นประเภทกลุ่มงานเครื่องประดับเงิน ดันผลงาน 6 เดือนหลังโตกว่าช่วงแรก
นางสุนันทา เตียสุวรรณ์ ประธานบรารการเงินกลุ่ม บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี จำกัด (มหาชน) หรือ PRANDA เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์รายได้ทั้งปีที่ปรับตัวลดลง 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4,030 ล้านบาท ในส่วนของกำไรคาดว่าจะอยู่ในอัตราใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 300 ล้านบาท จากการที่บริษัทบริหารและควบคุมการผลิตรวมถึงลดต้นทุนและผลิตสิ้นค้าที่สร้างมาร์จิ้นดีประเภทเครื่องเงิน
โดยปีนี้บริษัทมีสัดส่วนการผลิตอัญมณีที่เปลี่ยนไปตามกระแสความนิยของลูกค้า โดยในส่วนของคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาจะเป็นประเภทเครื่องประดับที่ทำจากทองสัดส่วน 20% เงิน 80% ซึ่งจากเดิมสัดส่วนเครื่องประดับที่ทำจากทองจะอยู่ที่ 40% และเงิน 60% ซึ่งจะเห็นได้ว่าเครื่องประดับประเภททองความนิยมที่ลดลงจากเดิม เพราะราคาสูง และมีความผันผวนค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯ มีมาร์จิ้นดีและส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในปีหน้าตลาดทองที่เคยลดลงในปีนี้จะเริ่มกลับมาดีขึ้น และส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ ได้คาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ปีนี้อยู่ที่ 35-38% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 32%
"ช่วงนี้เริ่มมียอดคำสั่งซื้อกลับเข้ามาแล้วค่อนข้างมากตั้งแต่ไตรมาส 3 ช่วงก.ค. -ส.ค. เพื่อรองรับการขายสินค้าช่วงเทศกาลปลายปี ทำให้เราต้องเริ่มทำโอทีตั้งแต่ช่วงเดือนที่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มงานเครื่องประดับเงินระดับกลางและสูง ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่มในระดับที่สูง อีกอย่างก็คือตอนนี้ราคาทองผันผวนค่อนข้างมาก ราคาก็สูงคนจึงไม่ค่อยนิยม ก็ถือเป็นข้อดีให้กับเรา ในเรื่องการลดความเสี่ยง" นางสุนันทา กล่าว
นางสุนันทา กล่าวว่า บริษัทฯ เน้นการขยายตลาดไปยังตลาดต่างประเทศ เนื่องจากการที่รัฐบาลลดภาษีมูลค่าเพิ่มในการนำเข้าวัตถุดิบอัญมณี จะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมให้เติบโตมากขึ้น เชื่อว่าการขยายตลาดไปต่างประเทศ ก็จะช่วยขยายฐานลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้นด้วย ได้แก่ บราซิล ซึ่งจากเดิมบริษัทได้ทำตลาดในจีน อินเดีย รัสเซีย และตะวันออกกลาง
นางสุนันทา เตียสุวรรณ์ ประธานบรารการเงินกลุ่ม บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี จำกัด (มหาชน) หรือ PRANDA เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์รายได้ทั้งปีที่ปรับตัวลดลง 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4,030 ล้านบาท ในส่วนของกำไรคาดว่าจะอยู่ในอัตราใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 300 ล้านบาท จากการที่บริษัทบริหารและควบคุมการผลิตรวมถึงลดต้นทุนและผลิตสิ้นค้าที่สร้างมาร์จิ้นดีประเภทเครื่องเงิน
โดยปีนี้บริษัทมีสัดส่วนการผลิตอัญมณีที่เปลี่ยนไปตามกระแสความนิยของลูกค้า โดยในส่วนของคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาจะเป็นประเภทเครื่องประดับที่ทำจากทองสัดส่วน 20% เงิน 80% ซึ่งจากเดิมสัดส่วนเครื่องประดับที่ทำจากทองจะอยู่ที่ 40% และเงิน 60% ซึ่งจะเห็นได้ว่าเครื่องประดับประเภททองความนิยมที่ลดลงจากเดิม เพราะราคาสูง และมีความผันผวนค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯ มีมาร์จิ้นดีและส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในปีหน้าตลาดทองที่เคยลดลงในปีนี้จะเริ่มกลับมาดีขึ้น และส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ ได้คาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ปีนี้อยู่ที่ 35-38% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 32%
"ช่วงนี้เริ่มมียอดคำสั่งซื้อกลับเข้ามาแล้วค่อนข้างมากตั้งแต่ไตรมาส 3 ช่วงก.ค. -ส.ค. เพื่อรองรับการขายสินค้าช่วงเทศกาลปลายปี ทำให้เราต้องเริ่มทำโอทีตั้งแต่ช่วงเดือนที่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มงานเครื่องประดับเงินระดับกลางและสูง ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่มในระดับที่สูง อีกอย่างก็คือตอนนี้ราคาทองผันผวนค่อนข้างมาก ราคาก็สูงคนจึงไม่ค่อยนิยม ก็ถือเป็นข้อดีให้กับเรา ในเรื่องการลดความเสี่ยง" นางสุนันทา กล่าว
นางสุนันทา กล่าวว่า บริษัทฯ เน้นการขยายตลาดไปยังตลาดต่างประเทศ เนื่องจากการที่รัฐบาลลดภาษีมูลค่าเพิ่มในการนำเข้าวัตถุดิบอัญมณี จะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมให้เติบโตมากขึ้น เชื่อว่าการขยายตลาดไปต่างประเทศ ก็จะช่วยขยายฐานลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้นด้วย ได้แก่ บราซิล ซึ่งจากเดิมบริษัทได้ทำตลาดในจีน อินเดีย รัสเซีย และตะวันออกกลาง
