ททท.ใช้เวทีบางกอกฟิลม์ ชูวิถีไทยริมสายน้ำอวดชาวโลก ยั่วนักท่องเที่ยวรับไฮซีซั่น พร้อมดึงประเทศเพื่อนบ้านบูมโลเกชั่นอาเซียน ตั้งตัวเป็นประตูสู่อินโดจีน ชี้สื่อบันเทิงให้ไทยรั้งอันดับ 9 ของโลกด้านการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์ อวดรายได้สะพัดปีก่อนกว่าปีละ 3 หมื่นล้านบาทโต 22% ปีนี้มั่นใจแตะ 4 หมื่นล้านบาท
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(บอร์ดททท.) เปิดเผยว่า ททท.ร่วมกับสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ จัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ 2552 หรือ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์มเฟสติวัล 2009 ระหว่างวันที่ 24-30 ก.ย.52 โดยความพิเศษของปีนี้ คือ ททท.ได้เลือกจัดพิธีปิดงานและพิธีมอบรางวัลกินนรีทองคำ ภายใต้ธีม วัฒนธรรม แม่น้ำเจ้าพระยา ที่ โรงแรม ชาเทรียม สวีท กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยต้องการให้ผู้ที่เข้าร่วมงาน ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์จากทั่วโลก อาทิ ผู้กำกับการแสดง ผู้เขียนบท ศิลปินดารา ได้มาเห็นความสวยงามของแม่น้ำเจ้าพระยา และ ศิลปวัฒนธรรมความเป็นไทย(ไทยเนส) เป็นการจุดประกายเรื่องโลเกชั่น
ให้แก่คนกลุ่มนี้ได้เลือกใช้ประเทศไทยในการถ่ายทำภาพยนตร์
ทั้งนี้ ททท.มีความตั้งใจที่จะสนับสนุนงานของคนในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด เพื่อให้อุตสาหกรรมดังกล่าวได้ก้าวขึ้นสู่เวทีระดับนานาชาติ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ โดยล่าสุดมีการสำรวจของสมาคมนักข่าวบันเทิงจากทั่วโลก เพื่อต้องการทราบว่า งานฟิล์มเฟสติวัลของประเทศใดในโลกที่ผู้คนต้องการไปร่วมงานมากที่สุด ซึ่งประเทศไทยจัดอยู่ในอันดับ 9 ของโลก
**ผนึกเพื่อนบ้านบูมอาเซียนโลเกชั่น****
โดยปีนี้ผู้จัดได้คัดเลือกภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลกกว่า 80 เรื่องมาจัดฉายโชว์ในงานเทศกาลภาพยนตร์ฯ เน้นภาพยนตร์ของประเทศในแถบอาเซียน จุดประสงค์เพื่อนำเสนอวิวัฒนาการด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของกลุ่มประเทศตะวันออกให้กลุ่มประเทศตะวันตกได้รับรู้ อีกทั้งให้คนไทยได้รู้จักภาพยนตร์ของประเทศเพื่อนบ้าน
ขณะเดียวกันให้ผู้ประกอบการและผู้สร้างภาพยนตร์ของประเทศในกลุ่มอาเซียนได้พบปะแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันอันจะนำมาซึ่งการร่วมทุนกันสร้างภาพยนตร์เพื่อไปแข่งขันในภูมิภาคอื่นๆแทนที่จะมานั่งแข่งขันกันเอง
“ปกติคนในอาเซียนเฉพาะผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์มีโอกาสเจอกันน้อย จึงจะต้องใช้เวทีการจัดงานรูปแบบนี้เพื่อพบปะเจรจากัน ก่อให้เกิดธุรกิจตามมา ซึ่งเรามุ่งหวังจะจับมือกับกลุ่มประเทศในอาเซียนบุกตลาดภาพยนตร์ระดับโลก เพราะเชื่อว่าอาเซียนโลเกชั่น จะสามารถดึงดูดได้ในระดับโลก แต่ถ้าเทียบในอาเซียนด้วยกันไทยยังเป็นที่หนึ่งด้านโลเกชั่น วิธีนี้จะช่วยตอกย้ำ ความเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นประตูสู่อินโดจีน”
**ฝันอุตฯภาพยนตร์ปีนี้โกย 4 หมื่นลบ.*****
นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ผลจากการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฯในปี 2551 ก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์เข้าประเทศได้มากถึง 3.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 22.9% เช่น การส่งออกภาพยนตร์ไทย และการให้บริการด้านพี-โพสต์โปรดักชั่น เป็นต้น โดยปีนี้ตั้งเป้าเติบโตอีก 22% หรือมีรายได้เติบโตไปที่ เกือบ 4 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ไม่ร่วมกับมูลค่าการซื้อขายภาพยนตร์ที่เกิดขึ้นระหว่างการจัดงาน
โดยปีนี้คาดว่าจะมีผู้ร่วมชมงานไม่น้อยกว่าปีก่อน ที่ระหว่างการจัดงานมีผู้สนใจเข้าชมงานไม่น้อยกว่า 2 หมื่นคน แบ่งเป็นชาวต่างชาติ 7 พันคน และคนไทยรวมคนต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย อีก 1.3 หมื่นคน จากตัวเลขดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์มีส่วนผลักดันด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ รวมถึงการนำนักท่องเที่ยวระดับบนให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ส่วนททท.ก็ได้ประโยชน์ในเรื่องการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยสู่สายตานานาประเทศ และภาพการจัดงานในครั้งนี้จะช่วยต่อยอดการกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางเข้าประเทศไทยช่วงไฮซีซั่นได้เพิ่มขึ้น
**เชิญ”ชุมพล”มอบนโยบาย*****
อย่างไรก็ตาม ในด้านตัวเลขนักท่องเที่ยวปีนี้ ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งความหวังไว้ว่าจะทำให้ได้ถึง 14 ล้านคน ตามแนวคิดของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ล่าสุดจึงได้ส่งหนังสือเรียนเชิญ นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวฯให้มามอบนโยบายแก่บอร์ด ททท.อีกครั้ง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการที่จะดึงนักท่องเที่ยวมาได้ตามเป้าหมาย ซึ่งโดยส่วนตัวมีความยินดีที่เห็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองให้ความสำคัญกับเรื่องท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศชาติได้
***ผู้ร่วมงานกังวลไข้หวัด2009****
ทางด้านนายจาฤก กัลย์จาฤก นายกสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ ประธานการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ2552 กล่าวว่า งานปีนี้ ใช้งบจัด 80 ล้านบาท โดย ททท.สนับสนุน 25 ล้านบาท คาดว่า จะเกิดการซื้อขายภาพยนตร์ระหว่างการจัดงาน 3 พันล้านบาท เทียบเท่าปีก่อน ทั้งนี้เพราะยอมรับว่าผู้ร่วมงานมีความกังวลเรื่องการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ต่างจากปีก่อนที่กังวลเรื่องการเมืองไทย แต่ทั้งนี้สมาพันธ์ฯได้ทำหนังสือชี้แจงความคืบหน้าระบบการจัดการและการควบคุมโรคให้ผู้ที่จะเข้าร่วมงานได้ทราบเป็นระยะ จึงไม่น่ากังวลใจ โดยปีนี้ เชิญเซเลเบตี้มาร่วมงานถึง 200 คน
ส่วนพิธีเปิดงานซึ่งจัดที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในธีมการจัดงานที่ย้อนให้เห็นบรรยากาศเฟื่องฟูในยุคทองของภาพยนตร์ในปี 1960 ส่วนงานเลี้ยงรับรองจะจัดบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โปรแกรมการฉายภาพบยนตร์จะสะท้อนให้เห็นศักยภาพของวงการภาพยนตร์ในแถบอาเซียน
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(บอร์ดททท.) เปิดเผยว่า ททท.ร่วมกับสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ จัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ 2552 หรือ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์มเฟสติวัล 2009 ระหว่างวันที่ 24-30 ก.ย.52 โดยความพิเศษของปีนี้ คือ ททท.ได้เลือกจัดพิธีปิดงานและพิธีมอบรางวัลกินนรีทองคำ ภายใต้ธีม วัฒนธรรม แม่น้ำเจ้าพระยา ที่ โรงแรม ชาเทรียม สวีท กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยต้องการให้ผู้ที่เข้าร่วมงาน ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์จากทั่วโลก อาทิ ผู้กำกับการแสดง ผู้เขียนบท ศิลปินดารา ได้มาเห็นความสวยงามของแม่น้ำเจ้าพระยา และ ศิลปวัฒนธรรมความเป็นไทย(ไทยเนส) เป็นการจุดประกายเรื่องโลเกชั่น
ให้แก่คนกลุ่มนี้ได้เลือกใช้ประเทศไทยในการถ่ายทำภาพยนตร์
ทั้งนี้ ททท.มีความตั้งใจที่จะสนับสนุนงานของคนในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด เพื่อให้อุตสาหกรรมดังกล่าวได้ก้าวขึ้นสู่เวทีระดับนานาชาติ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ โดยล่าสุดมีการสำรวจของสมาคมนักข่าวบันเทิงจากทั่วโลก เพื่อต้องการทราบว่า งานฟิล์มเฟสติวัลของประเทศใดในโลกที่ผู้คนต้องการไปร่วมงานมากที่สุด ซึ่งประเทศไทยจัดอยู่ในอันดับ 9 ของโลก
**ผนึกเพื่อนบ้านบูมอาเซียนโลเกชั่น****
โดยปีนี้ผู้จัดได้คัดเลือกภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลกกว่า 80 เรื่องมาจัดฉายโชว์ในงานเทศกาลภาพยนตร์ฯ เน้นภาพยนตร์ของประเทศในแถบอาเซียน จุดประสงค์เพื่อนำเสนอวิวัฒนาการด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของกลุ่มประเทศตะวันออกให้กลุ่มประเทศตะวันตกได้รับรู้ อีกทั้งให้คนไทยได้รู้จักภาพยนตร์ของประเทศเพื่อนบ้าน
ขณะเดียวกันให้ผู้ประกอบการและผู้สร้างภาพยนตร์ของประเทศในกลุ่มอาเซียนได้พบปะแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันอันจะนำมาซึ่งการร่วมทุนกันสร้างภาพยนตร์เพื่อไปแข่งขันในภูมิภาคอื่นๆแทนที่จะมานั่งแข่งขันกันเอง
“ปกติคนในอาเซียนเฉพาะผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์มีโอกาสเจอกันน้อย จึงจะต้องใช้เวทีการจัดงานรูปแบบนี้เพื่อพบปะเจรจากัน ก่อให้เกิดธุรกิจตามมา ซึ่งเรามุ่งหวังจะจับมือกับกลุ่มประเทศในอาเซียนบุกตลาดภาพยนตร์ระดับโลก เพราะเชื่อว่าอาเซียนโลเกชั่น จะสามารถดึงดูดได้ในระดับโลก แต่ถ้าเทียบในอาเซียนด้วยกันไทยยังเป็นที่หนึ่งด้านโลเกชั่น วิธีนี้จะช่วยตอกย้ำ ความเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นประตูสู่อินโดจีน”
**ฝันอุตฯภาพยนตร์ปีนี้โกย 4 หมื่นลบ.*****
นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ผลจากการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฯในปี 2551 ก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์เข้าประเทศได้มากถึง 3.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 22.9% เช่น การส่งออกภาพยนตร์ไทย และการให้บริการด้านพี-โพสต์โปรดักชั่น เป็นต้น โดยปีนี้ตั้งเป้าเติบโตอีก 22% หรือมีรายได้เติบโตไปที่ เกือบ 4 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ไม่ร่วมกับมูลค่าการซื้อขายภาพยนตร์ที่เกิดขึ้นระหว่างการจัดงาน
โดยปีนี้คาดว่าจะมีผู้ร่วมชมงานไม่น้อยกว่าปีก่อน ที่ระหว่างการจัดงานมีผู้สนใจเข้าชมงานไม่น้อยกว่า 2 หมื่นคน แบ่งเป็นชาวต่างชาติ 7 พันคน และคนไทยรวมคนต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย อีก 1.3 หมื่นคน จากตัวเลขดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์มีส่วนผลักดันด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ รวมถึงการนำนักท่องเที่ยวระดับบนให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ส่วนททท.ก็ได้ประโยชน์ในเรื่องการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยสู่สายตานานาประเทศ และภาพการจัดงานในครั้งนี้จะช่วยต่อยอดการกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางเข้าประเทศไทยช่วงไฮซีซั่นได้เพิ่มขึ้น
**เชิญ”ชุมพล”มอบนโยบาย*****
อย่างไรก็ตาม ในด้านตัวเลขนักท่องเที่ยวปีนี้ ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งความหวังไว้ว่าจะทำให้ได้ถึง 14 ล้านคน ตามแนวคิดของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ล่าสุดจึงได้ส่งหนังสือเรียนเชิญ นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวฯให้มามอบนโยบายแก่บอร์ด ททท.อีกครั้ง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการที่จะดึงนักท่องเที่ยวมาได้ตามเป้าหมาย ซึ่งโดยส่วนตัวมีความยินดีที่เห็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองให้ความสำคัญกับเรื่องท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศชาติได้
***ผู้ร่วมงานกังวลไข้หวัด2009****
ทางด้านนายจาฤก กัลย์จาฤก นายกสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ ประธานการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ2552 กล่าวว่า งานปีนี้ ใช้งบจัด 80 ล้านบาท โดย ททท.สนับสนุน 25 ล้านบาท คาดว่า จะเกิดการซื้อขายภาพยนตร์ระหว่างการจัดงาน 3 พันล้านบาท เทียบเท่าปีก่อน ทั้งนี้เพราะยอมรับว่าผู้ร่วมงานมีความกังวลเรื่องการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ต่างจากปีก่อนที่กังวลเรื่องการเมืองไทย แต่ทั้งนี้สมาพันธ์ฯได้ทำหนังสือชี้แจงความคืบหน้าระบบการจัดการและการควบคุมโรคให้ผู้ที่จะเข้าร่วมงานได้ทราบเป็นระยะ จึงไม่น่ากังวลใจ โดยปีนี้ เชิญเซเลเบตี้มาร่วมงานถึง 200 คน
ส่วนพิธีเปิดงานซึ่งจัดที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในธีมการจัดงานที่ย้อนให้เห็นบรรยากาศเฟื่องฟูในยุคทองของภาพยนตร์ในปี 1960 ส่วนงานเลี้ยงรับรองจะจัดบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โปรแกรมการฉายภาพบยนตร์จะสะท้อนให้เห็นศักยภาพของวงการภาพยนตร์ในแถบอาเซียน