สศร.เตรียมทำความร่วมมือ 4 ด้านกับ ตปท.แลกเปลี่ยนภาพยนตร์-โฆษณา-เอื้อสถานที่ถ่ายทำ-ร่วมทุนในเทศกาลหนังเมืองคานส์ พร้อมเข็นผู้กำกับไทยไปอบรมทำหนังระดับอินเตอร์ ฟุ้งได้ฉายหนังไทยทำตลาดหนังขยายตัว คาดปีนี้โกยเงินเข้าประเทศกว่าพันล้าน
นายอารักษ์ สังหิตกุล ผอ.สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า การที่ สศร.ได้เดินทางไปร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประจำปี 2552 ในระหว่างวันที่ 14-20 พฤษภาคม ณ เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส ครั้งนี้ ตนในฐานะหน่วยงานที่ดูแลด้านการส่งเสริมภาพยนตร์ได้นำผู้ประกอบการจากค่ายภาพยนตร์ไทยต่างๆ อาทิ สหมงคลฟิล์ม พระนครฟิล์ม ไฟว์สตาร์ พบปะผู้แทนหน่วยงานด้านภาพยนตร์ของต่างประเทศ อาทิ ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ (20th Century Fox) สถาบันภาพยนตร์แห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Korean Film Council หรือ KOFIC) โดยจะมีการหารือความร่วมมือด้านภาพยนตร์ด้วยกัน 4 ข้อ ได้แก่ 1.การขายและการแลกเปลี่ยนภาพยนตร์ 2. การทำโฆษณา 3.การประสานการถ่ายทำ และการบริการในประเทศไทย และ 4.การร่วมทุน
นายอารักษ์ กล่าวต่อไปว่า การหารือในครั้งนี้ สศร.และผู้ประกอบการ ตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะสามารถทำให้ตลาดภาพยนตร์ไทยมีรายได้ขยายตัวในด้านการลงทุน การขายภาพยนตร์ การถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ใน 6 เดือนแรก ประมาณ 200 ล้านบาท เมื่อครบ 1 ปี ตนคาดว่าตลาดภาพยนตร์ไทยจะสร้างรายได้ให้ประเทศไทยประมาณ 800-1,000 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน ตนคิดว่า ภาพยนตร์ไทยจะสามารถไปเปิดตลาดยังต่างประเทศได้เป็นอย่างดี เนื่องจากในปัจจุบัน ภาพยนตร์ไทยมีเนื้อหาที่น่าสนใจ และมีเทคนิคการถ่ายทำที่ทันสมัยคล้ายคลึงกับต่างประเทศ นอกจากนี้ ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ยังมีการจัดอบรมความรู้ และเทคนิคการถ่ายทำให้แก่ผู้กำกับภาพยนตร์หน้าใหม่ด้วย
“การส่งเสริมภาพยนตร์ของสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม จะดำเนินการให้เกิดความเหมาะสม และสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการและประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งในอนาคต ผมจะหารือกับผู้ประกอบการในการส่งผู้กำกับหน้าใหม่ของไทยไปอบรม เทคนิคการถ่ายทำ แลกเปลี่ยนความรู้กับผู้กำกับนานาชาติด้วย เพราะจากการที่ผมได้ศึกษาข้อมูลการอบรมดังกล่าวมีความน่าสนใจมาก โดยมีการอบรมกันอย่างจริงจังใช้ระยะเวลาประมาณ 4-6 เดือน เพื่อให้ผู้อบรมได้รับความรู้ในการนำไปพัฒนาวงการภาพยนตร์ให้เกิดความก้าวหน้า หากประเทศไทย มีผู้กำกับที่มีความรู้ความสามารถมากขึ้น ก็จะส่งผลให้ประเทศไทยมีภาพยนตร์ที่ดีมีคุณภาพ ตลอดจนจะสามารถ่ายทอดความรู้ให้แก่เด็กและเยาวชนที่รักงานภาพยนตร์ได้อีกด้วย” ผอ.สศร. กล่าว
นายอารักษ์ สังหิตกุล ผอ.สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า การที่ สศร.ได้เดินทางไปร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประจำปี 2552 ในระหว่างวันที่ 14-20 พฤษภาคม ณ เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส ครั้งนี้ ตนในฐานะหน่วยงานที่ดูแลด้านการส่งเสริมภาพยนตร์ได้นำผู้ประกอบการจากค่ายภาพยนตร์ไทยต่างๆ อาทิ สหมงคลฟิล์ม พระนครฟิล์ม ไฟว์สตาร์ พบปะผู้แทนหน่วยงานด้านภาพยนตร์ของต่างประเทศ อาทิ ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ (20th Century Fox) สถาบันภาพยนตร์แห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Korean Film Council หรือ KOFIC) โดยจะมีการหารือความร่วมมือด้านภาพยนตร์ด้วยกัน 4 ข้อ ได้แก่ 1.การขายและการแลกเปลี่ยนภาพยนตร์ 2. การทำโฆษณา 3.การประสานการถ่ายทำ และการบริการในประเทศไทย และ 4.การร่วมทุน
นายอารักษ์ กล่าวต่อไปว่า การหารือในครั้งนี้ สศร.และผู้ประกอบการ ตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะสามารถทำให้ตลาดภาพยนตร์ไทยมีรายได้ขยายตัวในด้านการลงทุน การขายภาพยนตร์ การถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ใน 6 เดือนแรก ประมาณ 200 ล้านบาท เมื่อครบ 1 ปี ตนคาดว่าตลาดภาพยนตร์ไทยจะสร้างรายได้ให้ประเทศไทยประมาณ 800-1,000 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน ตนคิดว่า ภาพยนตร์ไทยจะสามารถไปเปิดตลาดยังต่างประเทศได้เป็นอย่างดี เนื่องจากในปัจจุบัน ภาพยนตร์ไทยมีเนื้อหาที่น่าสนใจ และมีเทคนิคการถ่ายทำที่ทันสมัยคล้ายคลึงกับต่างประเทศ นอกจากนี้ ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ยังมีการจัดอบรมความรู้ และเทคนิคการถ่ายทำให้แก่ผู้กำกับภาพยนตร์หน้าใหม่ด้วย
“การส่งเสริมภาพยนตร์ของสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม จะดำเนินการให้เกิดความเหมาะสม และสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการและประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งในอนาคต ผมจะหารือกับผู้ประกอบการในการส่งผู้กำกับหน้าใหม่ของไทยไปอบรม เทคนิคการถ่ายทำ แลกเปลี่ยนความรู้กับผู้กำกับนานาชาติด้วย เพราะจากการที่ผมได้ศึกษาข้อมูลการอบรมดังกล่าวมีความน่าสนใจมาก โดยมีการอบรมกันอย่างจริงจังใช้ระยะเวลาประมาณ 4-6 เดือน เพื่อให้ผู้อบรมได้รับความรู้ในการนำไปพัฒนาวงการภาพยนตร์ให้เกิดความก้าวหน้า หากประเทศไทย มีผู้กำกับที่มีความรู้ความสามารถมากขึ้น ก็จะส่งผลให้ประเทศไทยมีภาพยนตร์ที่ดีมีคุณภาพ ตลอดจนจะสามารถ่ายทอดความรู้ให้แก่เด็กและเยาวชนที่รักงานภาพยนตร์ได้อีกด้วย” ผอ.สศร. กล่าว
